เมื่อกระแสตอบรับวิดีโอเกมที่แย่เกินกว่าคาดการณ์ไว้ บางครั้ง ทีมพัฒนาหรือตัวแทนจำหน่าย เลือกที่จะปิดตราบาปของตัวเองด้วยการถอดเกมออกจากร้านค้า แล้วไม่นำกลับมาวางจำหน่ายอีกครั้ง นี่คือ 6 เกมกระแสตอบรับไม่ดี จนผู้พัฒนาต้องเลิกขายตลอดกาล แล้วจะมีอะไรบ้าง ก็สามารถเข้าไปอ่านได้เลย
Overkill’s The Walking Dead
Overkill’s The Walking Dead เป็นผลงานเกม CO-OP FPS เอาตัวรอดจากซอมบี้ โดยทีมงาน Overkill Software หรือทีมผู้สร้างเกม Payday ซึ่งเกมดังกล่าวมีกระแสตอบรับน่าผิดหวัง เนื่องจากเกมการเล่นแทบไม่แตกต่างจาก Payday รวมถึงมีปัญหา Performance มากมาย
ด้วยกระแสวิจารณ์กับยอดขายที่ย่ำแย่ หลังจากเกมวางจำหน่ายใน PC เพียง 4 เดือน ทาง Skybound Entertainment ซึ่งเป็นเจ้าของลิขสิทธิ์ The Walking Dead ได้ประกาศตัดความสัมพันธ์ทางธุรกิจกับ Starbreeze แล้วนำเกมดังกล่าวถอดออกจากร้านค้า รวมถึงเกมเวอร์ชันสำหรับคอนโซล ก็โดนยกเลิกการพัฒนาไปในที่สุด
แม้ คุณภาพเกม Overkill’s The Walking Dead โดยรวมยังห่างไกลที่จะเรียกได้เต็มปากว่าเป็น “เกมห่วย” แต่ไม่มีใครคาดคิดว่าเพียงเกมไม่ดีเกมเดียว จะส่งผลทำให้ตัวแทนจำหน่าย Starbreeze Publishing ต้องเผชิญหน้ากับการปรับเปลี่ยนโครงสร้างบริษัทใหม่ รวมถึงบริษัทต้องเกือบเจ๊งเพราะเกมนี้ไปแล้ว
Afro Samurai 2: Revenge Of Kuma
Afro Samurai 2: The Revenge of Kuma คือเกมแอ็กชัน-ผจญภัย ที่ดัดแปลงมาจากซีรีส์แอนิเมชันในชื่อเรื่องเดียวกัน
Episode 1 ออกวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2015 แต่อย่างไรก็ตาม เกมดังกล่าวมีกระแสตอบรับไม่ค่อยดี ทั้งด้านเกมเพลย์ไม่น่าสนใจ ภาพกราฟิกแย่ บั๊กเยอะ รวมถึงมียอดขายน่าผิดหวัง
ตอนแรก ทีมงานจะเดินหน้าพัฒนา Episode ต่อไป พร้อมปรับปรุงเนื้อหาให้ดีขึ้น แต่จากการพิจารณาแล้ว ด้วยเส้นทางอนาคตของเกมดังกล่าวดูไม่สวยหรู ทีมงานจึงตัดสินใจระงับการขายเกม Afro Samurai 2: The Revenge of Kuma ทั้งผ่าน Steam กับ PSN, คืนเงินให้ผู้ซื้อทุกคน พร้อมยุติการพัฒนาเกมแบบถาวร
Steve Escalante ผู้จัดการทีมพัฒนาเกม Versus Evil ให้สาเหตุที่หยุดขายเกมดังกล่าว ก็เพราะ “ตัวเกมประสบความล้มเหลวอย่างไม่เป็นท่า” และคิดถูกแล้วที่ทีมงานยกเลิกแผนการสร้างเกมภาคต่อ
The Culling 2
หากพูดถึงบิดาเกมแนว Battle Royale ที่มาก่อนกาล หลายคนจะนึกถึง The Culling ที่เปิดให้เล่น Early Access ครั้งแรกในปี 2016 แล้วได้รับความนิยมจากเหล่าเกมเมอร์พอสมควร
แต่อย่างไรก็ตาม ในปี 2017 ทีมพัฒนาเกม Xaviant Games ตัดสินใจยุติการอัปเดตเกม The Culling ภาคแรกชั่วคราว เพื่อทีมงานมุ่งเน้นสร้างเกม The Culling 2 แล้วออกวางจำหน่ายในปี 2018
เนื่องจาก The Culling 2 เป็นเกมภาคต่อที่แฟน ๆ หลายคนไม่ต้องการ, ผลักดัน Microtransaction มากเกินไป และเกมเพลย์มีการดรอปคุณภาพลงจากเกมภาคแรกอย่างเห็นได้ชัด ทำให้ The Culling 2 ได้รับตำแหน่งเป็นหนึ่งในเกมยอดแย่ประจำปี 2018 กับมียอดคนเล่นที่เงียบเหงาเป็นป่าช้า
ความล้มเหลวของ The Culling 2 ทำให้ทีมงานตัดสินใจถอดเกมดังกล่าวออกจากร้านค้า และปิดให้บริการระบบออนไลน์ หลังเปิดให้เล่นเพียงแค่ 8 วันเท่านั้น
Lucha Fury
Lucha Fury คือเกม Beat’em Up คลาสสิกได้รับการ Remake ใหม่ให้ภาพกราฟิกสวยงามทันสมัย และขัดเกลาระบบการต่อสู้ให้ดีขึ้น ซึ่งเกมนี้เปิดให้เล่นครั้งแรกในปี 2011 โดยลงให้เฉพาะเกมคอนโซล Xbox 360 เท่านั้น
เนื่องจาก Lucha Fury ประสบความล้มเหลวทั้งด้านยอดผู้เล่นกับเสียงวิจารณ์ เป็นเหตุทำให้เกมดังกล่าวได้ถอดออกจากร้านค้า Xbox หลังตัวเกมเปิดวางจำหน่ายผ่านไปเพียง 5 เดือน แล้วเวลาต่อมา ทีมพัฒนาเกม Punchers Impact กับ Mindscape Inc. ได้ถอนตัวออกจากธุรกิจเกมอย่างเป็นทางการ
Jump Force
หากพูดถึงเกมที่โดนถอดออกจากร้านค้า แล้วหลายคนรู้สึกใจหายและเซอร์ไพรส์มากที่สุด ก็คงไม่มีทางหนีพ้น Jump Force เกมต่อสู้ Arena สุดทะเยอทะยานที่นำเอาตัวละครการ์ตูนดังจากค่าย Jump มาต่อสู้ด้วยกันเอง
ถึงอย่างนั้น Jump Force กลับไม่ใช่เกมที่หลายคนคาดฝันไว้ ด้วยระบบการต่อสู้เรียบง่ายเกินไป ภาพกราฟิกสมจริงขัดกับตัวละครที่มาจากการ์ตูน รวมถึงเนื้อเรื่องไม่น่าสนใจ ทำให้เกมนี้สร้างความผิดหวังให้ทั้งกลุ่มเกมเมอร์ทั่วไป รวมไปถึงแฟน ๆ การ์ตูน Jump
ถึงแม้ Jump Force มีรีวิวไม่ค่อยน่าประทับใจ แต่อย่างน้อย Bandai Namco ยังคงพยายามยื้อชีวิตให้เกมดังกล่าวอยู่รอดได้นานที่สุด ด้วยการปล่อยตัวละครนักสู้ DLC คนใหม่ที่น่าสนใจอย่างต่อเนื่อง
จนเวลาผ่านไป 3 ปี ในที่สุด Bandai Namco ประกาศยุติการวางจำหน่าย Jump Force ทุกแพลตฟอร์ม ซึ่งส่งผลทำให้แฟน ๆ การ์ตูนค่าย Jump หลายคน ออกมาแสดงความเสียดายที่เกมดังกล่าวไม่สามารถไปถึงใฝ่ฝัน
แล้วทำไม Jump Force จึงประสบความล้มเหลว สามารถอ่านต่อได้ที่บทความ เกิดอะไรขึ้นกับ Jump Force ? เกม Arena Fighting สุดทะเยอทะยานที่ไปไม่ถึงฝัน
Fast & Furious Crossroads
แม้แต่พลัง “แฟมิลี่” ของ Dominic Toretto ก็ไม่สามารถเซฟ Fast & Furious Crossroads ได้
อย่างที่เกมเมอร์หลายคน (โดยเฉพาะชาว GamingDose) น่าจะทราบดีแล้ว Fast & Furious Crossroads คือเกม Tie-In ภาพยนตร์ที่ได้รับตำแหน่งเกมยอดแย่ประจำปี 2020 อย่างไม่ต้องสงสัย ด้วยภาพกราฟิกตกยุค ระบบการขับรถไม่สนุกสนาน การเล่าเรื่องไม่สมเหตุสมผล และปัญหาด้าน Performance มากมาย
เพราะกระแสวิจารณ์ว่าเป็นเกมแย่ รวมถึงไม่ได้รับความสนใจจากเหล่าเกมเมอร์เท่าที่ควร ทำให้ Fast & Furious Crossroads ได้ยุติการวางจำหน่ายในเวลาไม่ถึง 2 ปี ทั้งที่ตัวเกมยังไม่ปล่อยเนื้อหา DLC เลยแม้แต่คอนเทนต์เดียว
แหล่งที่มา: WhatCulture