จริงอยู่ว่า แม้วิดีโอเกมจะเป็นสื่อเพื่อความบันเทิงเป็นส่วนมาก และหลายคนเลือกที่จะเล่นเพื่อความผ่อนคลาย และความสนุกสนาน แต่หลายคนก็เลือกที่จะให้วิดีโอเกมเป็นบทเรียนของชีวิต และนำบางอย่างมาปรับใช้ได้ด้วย วันนี้เรามาดูกันกับ 6 บทเรียนจากการเล่นเกมที่สามารถนำมาปรับใช้กับชีวิตได้ ซึ่งมีการอ้างอิงจาก Nicolas Cole จากเว็บไซต์ Inc.com ด้วย
1.การเผชิญหน้าและท้าทายกับอุปสรรค
เกมทุกเกมย่อมมีปํญหาและอุปสรรคให้เราได้ท้าทายเสมอ ไม่ว่าจะจากระบบการเล่น ระบบไขปริศนา หรือการต่อสู้ การเผชิญหน้าและท้าทายกับอุปสรรคเหล่านี้ เคยมีการบอกแล้วว่า คนที่เล่นเกมและพยายามเอาชนะจนได้ จะมีหลักการคิดแบบพยายามเอาชนะในชีวิตจริงด้วย
คนที่เล่นเกมะจได้ทั้งทักษะการแก้ปัญหาและเรียนรู้ทักษะใหม่ ๆ ไปพร้อมกันด้วย แต่นั่นหมายถึงการแก้ไขปัญหาอย่างมีสติ ไม่ใช่หัวร้อนด้วย
2.Goal Setting หรือการตั้งเป้าหมาย
เพราะทุกอย่างในเกมนั้นวัดได้ ทักษะนี้ไม่ใช่ทุกคนที่จะทำได้ แต่ Nicolas Cole ยืนยันว่ามันช่วยและมีผลมาก เพราะทุกอย่างในเกมส่วนมากจะมี Progression หรือความคืบหน้า เช่นฆ่าไปกี่คน ได้กี่เปอร์เซน แพ้ชนะเท่าไร ทำให้เราเรียนรู้จะตั้งเป้าหมายของตัวเองในชีวิตจริงได้ด้วย และทำให้เรารู้ว่า เป้าหมายที่ได้ผลและดีนั้น ต้องวัดค่าได้ และแสดงความคืบหน้าให้เห็นอยู่เสมอนั่นเอง
3.ปรับ Daily Quest ในเกมให้เป็นกิจวัตรในชีวิตจริง
ในเกมหลาย ๆ เกมโดยเฉพาะเกมมือถือยุคนี้จะมีสิ่งที่เรียกว่า Daily Quest ที่เมื่อทำสำเร็จแล้วเราจะได้รับของรางวัลรายวัน ซึ่งตรงนี้เราสามารถนำมันมาประยุกต์กับการทำสิ่งที่เรียกว่า Habits หรือกิจวัตรประจำวันให้เป็น To-Do List ได้ด้วย
จริงอยู่ว่าในชีวิตจริง การทำ Daily Quest ที่เราตั้งเองอาจไม่มีรางวัลอะไรให้ แต่เราสามารถพัฒนาวินัยของเราได้ด้วยวิธีนี้ หรือเราจะตั้งรางวัลขึ้นมาด้วยตัวเองก็ได้ เช่นหากออกกำลังกายครบ 10 นาที ก็กินขนมได้ 1 ถุงแบบนี้ (แต่น้ำหนักมันจะลดให้ไหมนะ ?)
4.ความรับผิดชอบ (ระบบกิลด์)
ในเกม MMORPG หรือเกมขนาดใหญ่ ผู้เล่นจำเป็นจะต้องเข้าสังคม เพื่อสิทธิประโยชน์ที่ดีกว่า นั่นคือการเข้ากิลด์ ซึ่งระบบกิลด์ก็จะมีภารกิจต่าง ๆ ที่ต้องช่วยกันทำ เช่นสะสมแต้มมาพัฒนากิลด์อีกที ดังนั้นใครที่เข้ากิลด์ไปแล้วเป็นปลิงดูดของ หรือรับบัฟ รับสิทธิ์พิเศษฟรี ย่อมต้องถูกขับไล่ออกจากกิลด์ในเวลาไม่นานแน่ ๆ
ตรงนี้ก็นำมาประยุกต์ใช้กับชีวิตจริงได้ นั่นคือไม่ว่าเราจะเข้าไปอยู่ในสังคมกลุ่มใดก็ตาม การมีความรับผิดชอบและภาระหน้าที่เพื่อช่วยกลุ่มนั้น
อย่างเช่นถ้าเกิดกิลด์คุณมีนัดตีบอสใหญ่ หรือทำสงครามตอน 18.00 น. แต่ถ้าคุณไม่ไปตามนัด คุณกำลังทำให้ทุกคนผิดหวัง มันเหมือนกับคุณไม่ไปซ้อมกับชมรมกีฬาหลังเลิกเรียนนั่นแหละ มันสอนให้คุณต้องมีความรับผิดชอบทั้งกับส่วนตัวและสังคม
- Nicolas Cole
5.ความเป็นผู้นำ (ระบบกิลด์)
ใครเคยเล่นเกมแล้วเป็นหัวหน้ากิลด์น่าจะเข้าใจได้ว่า ไม่ง่ายเลยจริง ๆ ยิ่งกิลด์ใหญ่ ปัญหาต่าง ๆ ก็จะยิ่งเยอะไปด้วย และมันคือบททดสอบการมีภาวะผู้นำของคุณ
เราจะทำอย่างไรให้สมาชิกกิลด์เชื่อฟังเรา จะแบ่งทรัพยากรยังไงให้ลูกกิลด์รู้สึกอยากอยู่กับเราต่อ ยิ่งกิลด์ใหญ่ ๆ ที่มีการเข้าร่วมสงคราม ตบตีกับกิลด์อื่น ยิ่งต้องเป็นคนที่มีภาวะผู้นำสูงมากในการนำคนกลุ่มใหญ่
แน่นอนว่าการทำแบบนี้จะทำให้เกิดสภาวะผู้นำติดตัวคุณไปใช้ในชีวิตจริงโดยที่คุณอาจจะไม่รู้ตัวเลยก็เป็นได้
6.สร้างตัวตนให้เป็นแบรนด์
คนเก่งจริงจะทำงานออกมาได้ดี แต่คนที่เก่งกว่านั้นคือหาเงินจากมันได้ ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าในบ้านเรานั้น คนที่เล่นเกมหรือชอบการเล่นเกมมาก ๆ จะสามารถหาเงินได้มากมายขนาดนั้น แต่ก็ต้องอย่าลืมว่ามันไม่ใช่เรื่องง่าย และทุกอย่างต้องใช้เวลา
Nicolas Cole เผยว่า เวทมนตร์ของยุคปัจจุบันคือ คนจะพูดถึงเราในช่องทางออนไลน์มากกว่าตัวตนแท้จริงของเราซะอีก มันคือช่องทางและหนทางที่คุณจะได้สร้างตัวตนและถ้าเก่งพอ คุรอาจจะหาเงินจากมันได้เลยอีกต่างหาก
จะเห็นได้ว่าการเล่นเกมนั้น นอกจากความบันเทิง ความสนุก ความผ่อนคลาย เรายังสามารถนำแง่คิดบางอย่างมาใช้กับชีวิตจริงได้อีกด้วย แม้อาจจะไม่ตรง 100% เต็ม แต่มันสามารถนำมาปรับใช้ได้จริง ๆ เหล่าเกมเมอร์ที่อ่านบทความนี้จบแล้ว ลองหยิบสักข้อไปใช้กับชีวิตจริงดูก็ได้นะ !