BY KKMTC
19 May 20 5:50 pm

6 เกมที่ต้อง ‘จ่าย’ เพื่อพบฉากจบที่แท้จริง

18 Views

*บทความนี้ มีการเปิดเผยเนื้อเรื่องในส่วนของเกมหลัก

หนึ่งในประเภท DLC ที่มักมีประเด็นถกเถียงให้เห็นบ่อยตามเว็บบอร์ดเกมในอดีต ก็คือการขายเนื้อเรื่องที่ตัดมาจากเนื้อหาหลักแล้วนำไปขายใหม่ในรูปแบบ DLC ซึ่งเป็นเทรนด์การตลาดของเกมที่เคยโด่งดังช่วงหนึ่ง จนเกิดกระแสต่อต้านเป็นจำนวนมากจากเกมเมอร์เลยทีเดียว

แต่แล้วจนกระทั่งบางบริษัทได้ปิ๊งไอเดียการตลาดแบบใหม่ ด้วยการล็อกตอนจบหรือออกแบบเนื้อเรื่องแบบ cliffhangers เพื่อดึงดูดให้เกมเมอร์ซื้อ DLC ให้จนได้ และนี่คือตัวอย่าง 6 เกมที่ต้อง ‘จ่าย’ เพื่อพบฉากจบที่แท้จริง แล้วจะมีเกมอะไรบ้าง ก็สามารถรับชมได้เลยครับ

Fallout 3 – Broken Steel

Fallout 3

หนึ่งในข้อเสียหลักของเกม Fallout 3 คือช่วงตอนจบเนื้อเรื่องมีลักษณะเหมือนกับตัดจบ เนื่องจากเรา (หรือ NPC) ต้องเสียสละชีวิต เพื่อเปิด Project Purity ให้แม่น้ำทั่ว Capital Wasteland กลายเป็นน้ำสะอาดบริสุทธิ์ แต่เกมเมอร์สังเกตพบว่ามีอีกทางเลือกหนึ่งที่เชื่อว่าสามารถเปิด Project Purity ได้โดยไม่จำเป็นต้องเสียสละชีวิตหรือ NPC แม้แต่คนเดียว แต่ด้วยสาเหตุบางอย่างตัวเกมกลับไม่อนุญาตให้ทำแบบนั้น

จนกระทั่งทีมงาน Bethesda ได้ประกาศขาย DLC Broken Steel ซึ่งกล่าวว่าเป็นเนื้อหาที่ดำเนินต่อจากเกมหลัก หลังจากทำการเปิด Project Purity โดยผู้เล่นไม่ได้เป็นผู้เสียสละชีวิต หรือหมายความว่าฉากจบที่ฝ่ายเกมเมอร์ได้ตัดสินใจเสียสละตัวเองนั้น ไม่ใช่เนื้อหา Canon หรือฉากจบที่แท้จริง

Broken Steel เป็นเนื้อหา DLC ที่นอกจากทำให้ตัวเกมสามารถดำเนินเนื้อหาต่อจากเนื้อเรื่องหลักแล้ว ยังช่วยเพิ่มคอนเทนต์ใหม่ ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นเนื้อเรื่องจุดประสงค์ใหม่, อาวุธใหม่, ขยายเลเวลสูงสุด และแน่นอนว่าคุณจะได้ปะทะกับฝ่าย Enclave มากขึ้นอีกด้วย ก็ต้องบอกเลยว่าเป็น DLC ที่ควรมีติดตั้งไว้ในเกม Fallout 3 เป็นอย่างยิ่ง

Dead Space 3 – Awakened

Dead Space 3 ถือเป็นภาคสิ้นสุดของแฟรนไชส์เกมแอ็คชัน-สยองขวัญ Sci-fi โดย Visceral Games ที่ปิดม่านจบชีวิตตัวละคร Isaac Clarke อย่างสมศักดิ์ศรีในช่วงตอนจบของเนื้อเรื่อง

แต่อย่างไรก็ตาม หลังจากตัวเกมหลักวางจำหน่ายไปสักพักแล้ว DLC ใหม่อย่าง Awakened ก็ได้ปรากฏตัวขึ้น พร้อมนำเสนอว่า Clarke ที่คิดว่าควรตายไปแล้วในเนื้อเรื่องหลัก ได้กลับมาฟื้นมีชีวิตอีกครั้งจากการรอดอย่างปาฏิหาริย์ และเขากับ John Carver ต้องผจญภัยในดวงดาว Tau Volantis เพื่อเอาตัวรอดและหาทางกลับโลกให้ได้

Awakened ได้ถูกวิพากษ์วิจารณ์จากเกมเมอร์ เนื่องจากเป็น DLC ที่ดำเนินเนื้อหาต่อจากสตอรี่หลัก ซึ่งไม่ควรถูกนำมาหั่นขายต่อเป็นคอนเทนต์เสริม นอกจากนี้ DLC ดังกล่าว มีกระแสรีวิวที่น่าผิดหวังด้วยปริมาณคอนเทนต์น้อยนิด และเนื้อเรื่องไม่มีความน่าจดจำซะเท่าไหร่นัก แม้ว่าบรรยากาศของเกมยังคงหลอนในฉบับ Dead Space ก็ตาม

Prince of Persia – Epilogue

ตอนจบแบบ cliffhangers ในเนื้อเรื่องของ Prince of Persia ทำให้เกมเมอร์บางส่วนเรียกร้องให้ทีมงาน Ubisoft ได้ปล่อยเนื้อเรื่อง DLC เพื่อให้พวกเขารับทราบเนื้อเรื่องต่อไป ซึ่งทางทีมงานก็ทำตามคำเรียกร้องของแฟนเกมทุกคน ด้วยการปล่อย DLC ตอน Epilogue หรือบทสรุปของเนื้อเรื่องอย่างแท้จริง

แต่อย่างไรก็ตาม เนื้อหา DLC Epilogue ของ Prince of Persia ก็มีกระแสตอบรับที่น่าผิดหวังจากเกมเมอร์หลายคน ด้วยการนำเสนอมีคุณภาพดรอปลงจากเกมภาคหลัก มีเนื้อหาน้อยมากโดยมีระยะความยาวการเล่นเพียง 1 ชั่วโมง และตอนจบไม่มีเนื้อหาฉากน่าประทับใจเท่าที่ควร ทำให้ผู้เล่นหลายคนวิจารณ์ว่าการขายเนื้อหาตอน Epilogue ของ Ubisoft เป็นการตลาดที่ไม่สมเหตุสมผล และไม่คุ้มค่ากับราคา 10 เหรียญฯ เป็นอย่างยิ่ง

Dead Rising 4 – Frank Rising

Dead Rising 4

Dead Rising 4 นับว่าเป็นแกะดำของแฟรนไชส์ด้วยการปรับเปลี่ยนวิธีการนำเสนอ ธีมเนื้อเรื่อง กับระบบเกมต่าง ๆ ให้เข้าถึงง่ายขึ้นจนเป็นเหตุทำให้ Dead Rising 4 ไม่มีตอนจบหลายแบบ ไม่มีระบบจำกัดเวลา และเนื้อเรื่องค่อนข้างออกทะเลจนกู่ไม่กลับ จึงไม่แปลกใจเกมดังกล่าวจะมีกระแสรีวิวทั้งคนชอบและไม่ชอบจากแฟนเกม

แต่แน่นอนว่าสิ่งที่เกมเมอร์หลายคนไม่ชื่นชอบในเกมนี้คือเนื้อหา DLC Frank Rising ที่เป็นการดำเนินเนื้อเรื่องต่อจากเกมหลัก หลังจากตอนจบที่ Frank West ตกจากเฮลิคอปเตอร์เพราะถูกซอมบี้ดึงจนคิดว่าเขาเสียชีวิตไปแล้ว แต่ใน DLC นี้ เขากลายเป็น evo zombie มีพลังพิเศษ และกลายร่างเป็นสิ่งมีชีวิตแบบกึ่งมนุษย์กึ่งซอมบี้ เขาจะต้องหายารักษาตัวเองเพื่อให้กลับร่างเป็นมนุษย์อีกครั้งก่อนที่จะสายเกินไป

Frank Rising ได้มอบประสบการณ์การเล่นเกมแบบใหม่ที่สนุกสนานยิ่งกว่าเดิมด้วยการโจมตีแบบพลังพิเศษก็จริง แต่เนื่องจากคอนเทนต์ใหม่ที่น้อยและมีระยะการเล่นที่สั้นมาก ทำให้เกมเมอร์หลายคนแนะนำให้ซื้อ DLC นี้ในช่วงลดราคาซะส่วนมาก

Dragon Age Inquisition – Trespasser

แม้เนื้อเรื่องของ Dragon Age Inquisition จะจบลงไปแล้ว แต่ยังมีเนื้อหาอีกหลายส่วนที่ยังไม่ได้คำตอบอย่างชัดเจน และทิ้งปมต่าง ๆ ไว้มากมาย โดยคำตอบทั้งหมดจะอยู่ในเนื้อหา DLC Trespasser ของ Dragon Age Inquisition ซึ่งเป็นการคลายปมปริศนาทั้งหมดที่ยังไม่ได้รับการเฉลยในเนื้อหาหลัก หรืออธิบายง่าย ๆ เลยเป็นเนื้อเรื่องในส่วนของ Epilogue ที่เข้ามาเติมเต็มให้ตอนจบสมบูรณ์แบบมากยิ่งขึ้น

แต่ถึงอย่างนั้น DLC Trespasser ก็ยังคงมีความคุ้มค่าที่จะซื้อมาเล่น ด้วยปริมาณคอนเทนต์มีระยะการเล่นยาวประมาณ 4-5 ชั่วโมง และแน่นอนว่าจักรวาล Dragon Age ค่อนข้างมีเนื้อหาซับซ้อนพอสมควร เพราะฉะนั้น Trespasser จึงเป็นเนื้อหาเสริมสำคัญที่แฟน ๆ เกมหลายคนต่างชื่นชอบ

Asura’s Wrath – Episodes 19 – 22

Asuras Wrath

นับว่าเป็นหนึ่งใน DLC ที่ถูกกระแสวิพากษ์วิจารณ์จากเกมเมอร์หลายฝ่ายจนกลายเป็นตำนานไปแล้วก็ว่าได้ เพราะนี่ไม่ใช่เนื้อหา DLC ที่ดำเนินเนื้อเรื่องต่อจากเกมหลัก แต่เป็นการปลดฉากจบแบบ True Ending อย่างแท้จริง และเสนอขายตรงแบบซึ่งหน้าด้วยการใช้วิธีตัดจบแบบปาหมอนคล้ายเรื่อง Shaman King

คอนเทนต์ True Ending ของ Asura’s Wrath จะให้ผู้เล่นได้ปะทะกับบอสคนสุดท้ายและชมฉากจบคัตซีนยาวประมาณ 10 นาที แม้ว่าคุณภาพคัตซีนและฉากต่อสู้สามารถออกแบบได้อย่างสวยงาม แต่การจ่ายเงิน 7 เหรียญฯ เพื่อเอาฉากจบที่แท้จริงนั้น ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นการตลาดที่ ‘แปลกประหลาด’ กับหน้าเลือดเกินไปหน่อยสำหรับมุมมองของเกมเมอร์หลายคน

 

SHARE

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top