เกมเมอร์หลายคนน่าจะทราบอยู่แล้วว่าการพัฒนาเกมไม่ใช่เรื่องที่ง่าย บางครั้ง พนักงานต้องปวดหัวกับความวุ่นวาย และเกิดข้อผิดพลาดทางเทคนิคระหว่างการทดสอบเล่น ซึ่งอาจต้องใช้เวลาแก้ไขนานกว่าใช้เวลาสร้าง
แต่บางครั้งในความผิดพลาด ก็ก่อให้เกิดปาฏิหาริย์ ที่บั๊กเกมดันกลายเป็นการจุดไฟแรงบันดาลใจก่อให้เกิดไอเดียใหม่ แล้วกลายเป็นฟีเจอร์ในช่วงท้ายที่สุด แล้วบั๊กธรรมดา ๆ ที่ผ่านการขัดเกลากลายเป็นฟีเจอร์สุดแจ๋ว มีอะไรบ้างก็เข้าไปอ่านได้เลย
บั๊กสีชื่อผู้เล่นเพี้ยนก่อให้เกิด Spy
Spy เป็นคลาสในเกม Team Fortress ที่มีความสามารถพิเศษ สามารถปลอมตัวเป็นฝ่ายตรงข้าม ล่องหน และสังหาร Instant-Kill จากการใช้มีดแทงหลัง โดย Spy เป็นคาแรคเตอร์ที่ได้รับความนิยม เพราะนอกจากมีนิสัยเป็นเอกลักษณ์แล้ว เกมการเล่นของคลาสนี้ก็มีความท้าทาย กับมีวิธีเล่นแบบ High Risk, High Reward (เสี่ยงอันตรายมากกว่าคลาสอื่น แต่ผลตอบแทนคุ้มค่ามาก ๆ)
แต่รู้หาไม่ว่า Spy ใน Team Fortress ถูกถือกำเนิดขึ้น เพราะแรงบันดาลใจจากบั๊กล้วน ๆ ย้อนกลับไปช่วงที่ TF ยังเป็นม็อดของเกม Quake ในเวอร์ชันเริ่มต้น ตัวเกมเกิดบั๊กชนิดหนึ่งที่ทำให้สีชื่อผู้เล่นของฝ่ายตรงข้าม มีสีเดียวกับฝ่ายเรา ส่งผลลัพธ์ทำให้ผู้เล่นหลายคนรู้สึกสับสนเป็นอย่างมาก ว่าใครคนไหนคือเพื่อนเรา ใครคนไหนเป็นศัตรูกันแน่
เหตุการณ์ดังกล่าว ทำให้ทีมงานเกิดแรงบันดาลใจ ตัดสินใจสร้างคลาสใหม่ขึ้นมาเป็น Spy ซึ่งมีความพิเศษสามารถปลอมตัวได้เหมือนที่เรารู้จักกันทุกวันนี้
หน้าอกแหลมของ Lara Croft ผิดขนาด
เบื้องหลังความสำเร็จของตัวละคร Lara Croft มีต้นกำเนิดมาจาก Toby Grad นักดีไซน์เกม Tomb Raider ที่ตัดสินใจหันมาใช้ตัวละครเพศหญิงต้นฉบับ โดยแทนที่ตัวละครชาย ถือแส้ที่ได้แรงบันดาลใจจาก Indiana Jones เนื่องจากกลัวถูกฟ้องร้องลิขสิทธิ์ตัวละครจาก Lucasfilm
แน่นอนว่าหน้าอกทรงแหลมของ Lara Croft เอง ก็ถือเป็นเอกลักษณ์อย่างหนึ่งของเธอเช่นกัน แต่สาเหตุที่หน้าอกของเธอแหลมกับใหญ่ขนาดนี้ เพราะ Toby Grad เผลอปรับโพลีกอนตรงส่วนหน้าอกจาก 50% กลายเป็น 150% โดยไม่ได้ตั้งใจ
ทีมงานเชื่อว่าข้อผิดพลาดเกี่ยวกับหน้าอกที่มีขนาดใหญ่กับแหลมนั้น จะช่วยสร้างกระแสฮือฮากับแรงดึงดูดของเกมได้ พวกเขาจึงตัดสินใจใช้ขนาดโพลีกอนตรงส่วนหน้าอกที่ 150% ในเกมเวอร์ชันสุดท้าย แล้วส่งผลลัพธ์ทำให้ Lara Croft ขึ้นแท่นกลายเป็นตัวละครเอกหญิงที่ได้รับความนิยมตลอดกาล กับมีเอกลักษณ์เพราะหน้าอกแหลมนี่แหละ
ระบบ Combo ใน Street Fighter II
ย้อนกลับไปช่วง Street Fighter ภาคแรก ตอนนั้น เกมดังกล่าวยังไม่มีระบบการปล่อยท่าต่อสู้แบบคอมโบ แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไป เมื่อ Noritaka Funamizu โปรดิวเซอร์ของ Capcom ในตอนนั้น พบบั๊กระหว่างการทดสอบเล่น Street Fighter II ในด่าน Bonus Stage ซึ่งเป็นบั๊กที่ผู้เล่นสามารถปล่อยท่าต่อสู้อย่างต่อเนื่อง หากกดปุ่มได้ถูกต้องตามเวลา
แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากบั๊กดังกล่าวมีโอกาสเกิดขึ้นได้ยากมาก ๆ ทาง Funamizu จึงมองข้ามการสั่งแก้บั๊กดังกล่าว แล้วปล่อยวางจำหน่ายเกมตามวันที่กำหนด โดยไม่รู้ว่าบั๊กนี้ได้กลายเป็นฟีเจอร์เด็ด ทำให้เกมการเล่นของ Street Fighter ดุเดือดขึ้นหลายเท่า แล้วสร้างมาตรฐานใหม่ให้วงการเกมต่อสู้จนถึงตอนนี้
ตำรวจคลั่งใน Race ‘n Chase ก่อให้เกิดเกมดัง GTA
ย้อนกลับไปปี 1995 ตอนนั้น ทีมพัฒนาเกม DMA Design กำลังเผชิญหน้ากับปัญหาการพัฒนาเกม Race ‘n’ Chase ที่ต้องรื้อแนวทางใหม่หลายครั้ง เพื่อให้ตัวเกมเล่นแล้วสนุกสนานให้ได้
จนกระทั่งวันหนึ่ง ระหว่างการทดสอบเล่นเกมก็ได้เกิดบั๊กประหลาดชนิดหนึ่ง ที่ทำให้ตำรวจในเกมมีพฤติกรรมบ้าคลั่ง ไล่ล่าชนรถของผู้เล่นราวกับคนโรคจิต ซึ่งพนักงานมองเห็นว่าบั๊กนี้ทำให้เกมมีความน่าตื่นเต้นน่าสนใจมากขึ้น ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทีมงานจึงนำบั๊กดังกล่าวมาเป็นแรงบันดาลใจใช้สร้างเกมใหม่ชื่อว่า Grand Theft Auto ในที่สุด
มอนสเตอร์ Creepers ความจริงแล้วเป็นหมู
หากพูดถึงมอนสเตอร์ที่น่ากลัวที่สุดใน Minecraft คงไม่มีทางหนีพ้น Creepers เจ้าสัตว์ 2 ขาหน้าตาประหลาด ที่หากโดนแตะตัวแล้ว สักพักร่างกายของมันจะระเบิดสร้างความเสียหายเป็นวงกว้างโดยทันที
แต่มอนสเตอร์ดังกล่าว ไม่ได้เกิดขึ้นเพราะความตั้งใจแต่อย่างใด อ้างอิงจาก Markus Persson (หรือมีชื่อว่า Notch) ผู้ให้กำเนิด Minecraft เผยว่าเดิมที เขามีความคิดอยากสร้าง NPC หมู แต่ทว่าระหว่างการพัฒนาโมเดล เขาเผลอใส่ตัวเลขในโค้ดผิดพลาด ส่งผลทำให้เจ้าหมูกลายเป็นสัตว์ประหลาด 2 ขาที่ไม่มีมือ
เนื่องจาก Notch มองว่าการดีไซน์ของโมเดลตัวนี้มีความน่าสนใจ เขาจึงนำไปพัฒนาต่อจนกลายเป็นมอนสเตอร์ใหม่ที่มีชื่อว่า Creepers
Easter Egg ฟีเจอร์ลับที่เกิดขึ้น เพราะโปรแกรมเมอร์แสบ
ย้อนกลับไปยุค 1980 แม้ Atari เป็นบริษัทเกมที่ยักษ์ใหญ่ แต่บริษัทดังกล่าวก็มีชื่อเสียงในด้านการปฏิบัติตัวต่อโปรแกรมเมอร์ที่สร้างเกมไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก ไม่ว่าจะเป็นการชอบสั่งให้โปรแกรมเมอร์ทำเกมด้วยตัวคนเดียว, มอบหมายงานที่มีระดับความยากแทบเป็นไปไม่ได้ รวมถึงไม่ให้เครดิตแก่ผู้สร้างเกมอีกด้วย
ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้ Warren Robinett โปรแกรมเมอร์สำหรับเกม “Adventure” ตัดสินใจสร้างไอเทมลับที่ถูกซ่อนโดยใช้บั๊กกราฟิกเป็นที่กำบัง เมื่อเก็บแล้วตัวเกมจะพาเข้าไปในห้องลับห้องหนึ่งที่ไม่มีอะไรเลย นอกเหนือจากตัวอักษรที่เขียนว่า “Created by Warren Robinett” (สร้างโดย Warren Robinett)
บั๊กนี้ถูกค้นพบหลังจากเกมได้ออกวางจำหน่ายแล้ว แต่เพราะเกมสมัยก่อน ไม่สามารถอัปเดต Patch เพื่อแก้ไขเกมได้ บริษัท Atari จึงตัดสินใจอ้างว่าห้อง “Created by Warren Robinett” นั้น เป็นห้องลับ “Easter Egg” ซึ่งเป็นฟีเจอร์พิเศษที่ให้ผู้เล่นต้องหากันเอาเอง
ระบบการต่อสู้ Juggle กลางอากาศ
ระหว่างการพัฒนาเกม Onimusha: Warlords ทีมพัฒนาเกมค้นพบบั๊กอย่างหนึ่ง เมื่อผู้เล่นโจมตีโดนศัตรูกลางอากาศ ศัตรูจะมีอาการชะงักชั่วคราว แล้วเปิดทางให้เกมเมอร์สามารถต่อคอมโบได้เรื่อย ๆ จนกล่าวศัตรูจะตกลงสู่พื้น
แม้ Capcom มองเห็นศักยภาพของบั๊กดังกล่าว แต่เนื่องจากทีมงานเชื่อว่าระบบการต่อสู้แบบนั้น ไม่ค่อยเหมาะสำหรับเกม Onimusha ที่เป็นแนวแอ็กชัน ไม่ใช่ Hack and Slash สักเท่าไหร่นัก ทำให้พนักงานตัดสินใจนำระบบดังกล่าวไปลองใช้ทดลองกับเกม Resident Evil
แต่ด้วยธรรมชาติของเกมแนวสยองขวัญ เอาตัวรอด ที่ไม่ได้เน้นการต่อสู้แบบตัวต่อตัวมากนัก ทำให้ระบบ Juggle ไม่เหมาะสำหรับเกม Resident Evil เลยแม้แต่นิดเดียว แต่แทนที่จะล้มไอเดียดังกล่าว Capcom นำระบบมาใช้กับเกมใหม่อย่าง Devil May Cry แทน