BY KKMTC
7 Nov 22 7:17 pm

7 DLC ประหลาด เนื้อหาหลุดโลกจากเกมหลัก

84 Views

อย่างที่เกมเมอร์หลายคนทราบกันดี DLC คือเนื้อหาเสริมที่ช่วยมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่เต็มอิ่มกว่สเดิม แต่บางทีมพัฒนาเกม เลือกที่จะพัฒนาเนื้อหา DLC หลุดโลกที่แม้ไม่ได้มีความสำคัญต่อสตอรี่หลัก แต่จะเน้นเกมเพลย์ เนื้อเรื่อง เซตติงที่แปลกใหม่แทน และนี่คือ 7 DLC ประหลาด เนื้อหาหลุดโลกจากเกมหลัก แล้วจะมีอะไรบ้าง ก็เข้าไปอ่านกันได้เลย

Mothership Zeta – Fallout 3

Fallout 3

Mothership Zeta คือ DLC เนื้อเรื่องเสริมของ Fallout 3 ที่ Lone Wanderer (ตัวผู้เล่น) จู่ ๆ โดนลักพาตัวพาขึ้นยานอวกาศ Zeta โดยฝีมือเอเลี่ยน ซึ่งตัวผู้เล่นจะต้องร่วมมือกับ “เหล่าคนประหลาด” เพื่อหนีออกจากยานอวกาศนี้ให้ได้

DLC นี้จะพาให้เราทำความรู้จักกับคนต่าง ๆ ที่มาจากหลายช่วงเวลา ไม่ว่าจะเป็นนักรบซามูไรจากยุคเอโดะ, หนุ่มคาวบอยจาก Old West นิสัยกล้าหาญ, เด็กหญิงโดนเอเลี่ยนลักพาตัวไม่นานหลังเกิดสงครามนิวเคลียร์, ทหารในกองทัพสหรัฐฯ ที่โดนลักพาตัวก่อนเกิดสงคราม และอดีตนักค้าทาสที่ดู “ปกติ” ที่สุดในกลุ่ม ซึ่งทุกคนต้องร่วมมือกัน เพื่อก่อความวุ่นวายในยานอวกาศ

แม้มนุษย์ต่างดาว เป็นสิ่งมีชีวิตที่มีตัวตนจริง ๆ ในจักรวาล Fallout จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่ที่ต้องมี DLC เนื้อหาเกี่ยวกับเอเลี่ยนสักวันหนึ่ง แต่ด้วยฉากหลังที่ดูแตกต่างจากเนื้อหาหลัก, ตัวละคร NPC กับพฤติกรรมเอเลี่ยน มีความน่าสนใจ และเต็มไปเนื้อหาแอ็กชันลุ้นระทึก เหมือนดูภาพยนตร์ Sci-fi ฟอร์มยักษ์ ทำให้ Mothership Zeta เป็นหนึ่งในเนื้อหา DLC ที่ดีที่สุดของเกม Fallout อย่างไม่ต้องสงสัย

Red Dead Redemption: Undead Nightmare

Undead Nightmare

Undead Nightmare เป็น DLC Standalone ของ Red Dead Redemption ที่ผู้เล่นรับบทเป็น John Marston ต้องผจญภัย หาทางกำจัดเวทมนตร์ดำ ที่ทำให้ชาวเมืองเกือบทั้งหมดกลายเป็นซอมบี้

อย่างที่เกมมอร์หลายคนทราบกันดี Red Dead Redemption เป็นเกมแอ็กชัน Open-World เนื้อเรื่องดรามาที่ Marston โดนบังคับให้ทำงานร่วมกับรัฐบาล เพื่อจับเป็นหรือจับตายอดีตสมาชิกแก๊งโจร Van der Linde ทั้งหมดที่เขาเคยสังกัด แต่เนื้อหา DLC นี้เป็นการเล่าเนื้อเรื่องใหม่ที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องเกมหลักแม้แต่นิดเดียว

หนึ่งในจุดเด่นของ Undead Nightmare นอกจากนำเสนอเนื้อเรื่อง Stereotype/Cliche ของหนังซอมบี้คลาสสิกแล้ว ตัวเกมได้สอดแทรกเนื้อหาคอเมดี้ตลกร้าย เป็นการเสียดสีจิกกัดสังคมคนอเมริกันในอดีต ซึ่งเป็นสิ่งที่ Rockstar Games มีความเชี่ยวชาญเป็นพิเศษจากการสร้างเกม Grand Theft Auto หลายภาค

Dead Money – Fallout: New Vegas

Fallout New Vegas

หากพูดถึง DLC ที่ยากที่สุดของ Fallout: New Vegas อย่างไรก็ไม่มีทางหนีพ้น Dead Money เนื้อหาเสริมสุดเฮี้ยน ที่มาพร้อมเนื้อเรื่องดรามาซับซ้อนซ่อนเงื่อน

ในเนื้อหาเสริมนี้ เกมเมอร์ต้องผจญภัยในกาสิโนลึกลับ Sierra Madre Casino ที่ปกคลุมไปด้วยหมอกมรณะ และสิ่งมีชีวิตประหลาดที่อึดกว่าคนทั่วไป ด้วยแผนที่ที่เป็นลักษณะเขาวงกต, อาวุธมีให้ใช้จำกัด และมีกับดักมากมาย จึงเป็น DLC ที่เปลี่ยนเกมเพลย์จากแอ็กชัน กลายเป็นแนวเกือบสยองขวัญ-เอาตัวรอดก็ว่าได้

แม้ Dead Money ได้มอบประสบการณ์การเล่นเกมที่แปลกใหม่ แต่ด้วยความยาก เน้นการเอาตัวรอดมากกว่าแอ็กชัน และมีระบบหลายอย่างที่ทำให้ไม่สามารถผจญภัยได้อย่างอิสระ ทำให้ DLC นี้มีกระแสตอบรับที่มีทั้งคนชอบและไม่ชอบ

Dead Rising 2: Off The Record

Dead Rising 2: Off The Record

เกิดอะไรขึ้น ถ้าหากตัวละครเอก Dead Island 2 เปลี่ยนเป็น Frank West จากภาคแรก

Dead Rising 2: Off The Record เป็น DLC Standalone ของเกมภาคสอง ที่นำเอาตัวละครหลักจากเกมต้นฉบับเกือบทั้งหมดมาเปลี่ยนบทใหม่ เปลี่ยนเนื้อเรื่องบางส่วน และแน่นอน ตัวละครเอกก็เปลี่ยนเป็น Frank West จากเดิมที่รับบทเป็น Chuck Greene หรือง่าย ๆ นี่คือการเอาเกมต้นฉบับมา Reimagine ใหม่ก็ว่าได้

แม้เนื้อเรื่องโดยรวม และเกมเพลย์เหมือนเกมต้นฉบับเกือบทุกประการ แต่แน่นอนว่าการเปลี่ยนบทบาทคาแรคเตอร์จากคนดีกลายเป็นคนชั่ว ได้เห็นตัวละครที่เสียชีวิตไปแล้วกลับมามีชีวิตอีกครั้ง ถ้าหากเล่นเกม Dead Rising 2 ต้นฉบับผ่านมาก่อน แล้วมาเริ่มเล่นเกมนี้ เรามั่นใจว่าผู้เล่นต้องรู้สึกแปลกประหลาดกับเนื้อหาภาคนี้อย่างแน่นอน

Alan Wake American Nightmare

American Nightmare

เมื่อ Alan Wake ถูกสมมุติดัดแปลงกลายเป็นทีวีซีรีส์ที่ได้แรงบันดาลใจจาก The Twilight Zone ซึ่งมีชื่อเสียงในด้านการนำเสนอเนื้อเรื่องแต่ละตอนที่ไม่เหมือนกัน ผลลัพธ์ออกมาจึงกลายเป็น Alan Wake American Nightmare ในที่สุด

ใน American Nightmare มีการเปลี่ยนจากเกมสยองขนหัวลุก Spooky กลายเป็นเกมแอ็กชัน ยิงกันยับ ปีศาจมอนสเตอร์ที่เคยน่ากลัว คือกระสอบทรายให้โดน Alan กระทืบเล่น ๆ ด้วยบรรยากาศความสยองขวัญที่หายไป เกมเพลย์เล่นนานแล้วรู้สึกจำเจ แถมคุณภาพเนื้อเรื่องโดยรวมอยู่ในเกณฑ์ธรรมดา ทำให้ DLC นี้มีกระแสตอบรับไม่ดีจากแฟน ๆ เท่าไหร่นัก

Borderlands 2: Tiny Tina’s Assault On Dragon Keep

Tiny Tina's Assault On Dragon Keep

Tiny Tina’s Assault on Dragon Keep คือ DLC ของเกม Borderlands 2 ที่ผู้เล่นต้องผจญภัยในโลกบอร์ดเกม “Bunkers and Badasses” ที่สร้างจากจินตนาการของ Tiny Tina เอง

ฉากหลัง DLC นี้เต็มไปด้วยความแฟนตาซีสดใส ขัดจากเกมหลักที่มีฉากหลังเป็นจักรวาล Pandora ซึ่งเป็นโลกที่ล่มสลายไปแล้ว พร้อมมีการออกแบบระบบเกม และนำเสนอเนื้อหาคอเมดี้ประหลาด ๆ ล้อเลียนสื่อแนวแฟนตาซี ซึ่งนับเป็นบรรยากาศที่แปลกใหม่สำหรับเกม Borderlands

ด้วยเนื้อหา DLC มีกระแสตอบรับดีเยี่ยม ทำให้ทีมพัฒนาตัดสินใจสร้างเกมภาค Spin-Off ตัวใหม่ Tiny Tina’s Wonderlands ซึ่งเป็นเกมที่พัฒนาต่อยอดจาก DLC นี้

Far Cry 3: Blood Dragon

Far Cry Blood Dragon

เอาจริง ๆ เนื้อหา DLC เกือบทั้งหมดของ Far Cry มักจะนำเสนออะไรที่แปลกประหลาด และแทบไม่ได้มีส่วนเกี่ยวข้องกับเกมหลักแม้แต่น้อย โดยจุดเริ่มต้นที่ Ubisoft เริ่มหันมาสร้าง DLC โดยใช้แนวทางนี้ เพราะความนิยมของ Far Cry 3: Blood Dragon

Far Cry 3: Blood Dragon คือ DLC เสริมที่ผู้เล่นรับบทเป็น Sargent Rex Colt ต้องปฏิบัติภารกิจ “หาสาว ๆ, ฆ่าคนชั่ว และกอบกู้โลก” ซึ่งแน่นอนว่าเนื้อเรื่องไม่ใช่ฟีเจอร์เด่นของเกมนี้ แต่เป็นการนำเสนอล้อเลียน Stereotype/Cliche ของสื่อบันเทิงทั้งหมดที่มาจากปี 1980 ไม่ว่าจะเป็นเพลง คอมิกส์ ภาพยนตร์แอ็กชันฮีโร่ที่คนเกิดทันในยุค Retro เห็นแล้วจะต้องขำกลิ้งไปตาม ๆ กัน

แม้ฟีเจอร์เกมเพลย์จะโดนตัดออกไปบางส่วน และการโยนมุกตลกฝืด ๆ ชวนขำแห้ง (Dry Humor) อาจจะไม่ชอบสำหรับบางคน แต่เพราะความแปลกใหม่ แตกต่างจากเกมต้นฉบับนี่แหละ จึงเป็นเหตุผลทำให้ DLC ประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้น

SHARE

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top