ในขณะที่ซีรีส์เกมหลายเกม ยังสามารถสร้างเกมภาคต่อไปโดยยังคงไว้แนวทางเดิม ปรับปรุง หรือเพิ่มฟีเจอร์ให้เกมสนุกสนานหลากหลายขึ้น แต่เกมบางแฟรนไชส์มีความจำเป็นต้อง “มูฟออน” ด้วยการลองเปลี่ยนระบบเกมเพลย์ เพื่อสร้างความสดหรือเจาะตลาดไปยังผู้เล่นกลุ่มใหม่ และนี่คือ 7 เกมภาคต่อที่เปลี่ยนระบบใหม่ทั้งหมด เหมือนเล่นเกมคนละเกม แล้วจะมีเกมอะไรบ้าง ก็สามารถติดตามรับชมได้เลย
Dynasty Warriors 2 (เกมต่อสู้ > เกมแอ็กชัน Hack and Slash)
Dynasty Warriors ภาคแรกเคยเป็นเกมแนวต่อสู้โดยใช้อาวุธคล้ายเกมตระกูล SoulCalibur ของ Bandai Namco ที่มีจุดเด่นคือการนำเสนอตัวละครกับเนื้อเรื่องที่อ้างอิงมาจากวรรณกรรมจีนอิงประวัติศาสตร์เรื่อง “สามก๊ก”
แต่ Dynasty Warriors 2 ของ PlayStation 2 ได้มีการออกแบบเกมใหม่ทั้งหมด กลายเป็นเกมแอ็กชัน Hack and Slash สุดเร้าใจ พร้อมการนำเสนอสนามรบขนาดใหญ่ จนกลายเป็นซีรีส์เกมที่มีเอกลักษณ์เป็นของตัวเอง แล้วเกมดังกล่าวมีชื่อฉายาเรียกว่า “เกมแนวมุโซว” หรือ “Musou Like” จนถึงทุกวันนี้
Metroid Prime (เกมยิงสองมิติ > เกม FPS)
จากเกมยิงแอ็กชันกราฟิกสองมิติ ที่มาพร้อมกับการออกแบบแผนที่ซับซ้อนจนวงการเกมให้นิยามว่า “Metroidvenia” จู่ ๆ กลายเป็นเกมแนว First Person Shooter ในเกม Metroid Prime สำหรับแพลตฟอร์ม Nintendo GameCube ซึ่งคุณอาจจะไม่เชื่อว่าเกมดังกล่าวได้รับการอนุมัติโดยโปรดิวเซอร์ Miyamoto Shigeru และพัฒนาโดยทีมงาน Retro Studios ซึ่งไม่ใช่ทีมงาน Nintendo เหมือนทุกภาคที่ผ่านมา
นอกจาก Metroid Prime จะสร้างความเซอร์ไพรส์ให้แฟนเกมหลายคนแล้ว กระแสรีวิวกับยอดขายเกมก็ถือว่าประสบความสำเร็จอย่างท่วมท้นจนขึ้นแท่นเป็น “สุดยอดเกมดีที่สุดตลอดกาล” จากหลายเจ้าสำนักเกมอีกด้วย จึงไม่แปลกใจที่ทุกวันนี้ แฟรนไชส์ Metroid ยังคงเป็นที่รู้จักสำหรับเหล่าเกมเมอร์ทั้งในฐานะเกม FPS และเกม Platformer
Star Fox Adventures (เกมยิงอวกาศ > เกมผจญภัย)
หนี่งในแฟรนไชส์เกมโด่งดังจากค่าย Nintendo ที่มีการเปลี่ยนแปลงจากเดิมเป็นเกมแนวยิงอวกาศ On-Rail กลายเป็นเกมแอ็กชันออกผจญภัยทั่วอวกาศ ซึ่งพัฒนาโดย Rare และจัดจำหน่ายโดย Nintendo
แม้ Star Fox Adventures จะไม่ใช่เกม Star Fox ที่ดีที่สุดด้วยจุดบกพร่องด้านระบบเกมเพลย์ที่ค่อนข้างธรรมดา แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงแนวทางใหม่ซึ่งทำให้เกมมีสเกลใหญ่ขึ้น ก็ถือว่าเป็นโอกาสดีที่สามารถช่วยขยายจักรวาล Star Fox ให้เหล่าแฟน ๆ เข้าใจเนื้อหามากขึ้น
Syndicate 2012 (เกมวางแผน > เกม FPS)
ย้อนกลับไปช่วงปี 1993 เกม Syndicate เคยเป็นเกมวางแผนการรบแบบเรียลไทม์ (RTS) ที่มีการนำเสนอไอเดียไม่ซ้ำกับใคร แต่แล้วเกมดังกล่าวก็ได้กลับมาอีกครั้งในปี 2012 ที่มาพร้อมเปลี่ยนเกมเป็นแนวแอ็กชัน FPS เนื้อเรื่องเส้นตรง พัฒนาโดย Starbreeze Studios หรือผู้สร้างเกม Payday
แม้ Syndicate เป็น FPS คุณภาพดีที่มีระบบเกมเพลย์สนุกสนาน แต่อย่างไรก็ตาม ตัวเกมก็มีกระแสตอบรับทั้งคนชอบและไม่ชอบจากกลุ่มเกมเมอร์ ด้วยการนำเสนอเนื้อหาที่แทบไม่มีความเกี่ยวข้องกับเกมต้นฉบับและเนื้อเรื่องค่อนข้างสั้น ซึ่งเป็นอีกหนึ่งเหตุผลที่ทำให้เกม Syndicate มียอดขายที่ไม่พึงพอใจซะเท่าไหร่นัก
Guilty Gear 2: Overture (เกมต่อสู้ > เกมแอ็กชันวางแผน)
Guilty Gear 2: Overture เปรียบเสมือนเป็นแกะดำของซีรีส์ Guilty Gear ที่ภาคนี้ได้ลองเปลี่ยนแนวทางใหม่จากเกมแนวต่อสู้สองมิติ กลายเป็นเกมแอ็กชัน-ผจญภัย ผสมผสานกับเกมวางแผนแบบเรียลไทม์
อย่างไรก็ตาม เกม Guilty Gear 2: Overture มีกระแสตอบรับรีวิว “ไม่ค่อยเป็นที่ชื่นชอบ” สำหรับเจ้าสำนักเกมและแฟนเกม โดยกล่าวว่าระบบเกมเพลย์ค่อนข้างน่าเบื่อ แม้จะดูมีเอกลักษณ์ และโครงสร้างเนื้อเรื่องขาดความเอาใจเป็นอย่างมาก ด้วยกระแสตอบรับที่ค่อนข้างแย่ ทำให้เกม Guilty Gear ภาคต่อไป (Xrd) หันกลับมาทำเกมแนวต่อสู้เหมือนเดิม ซึ่งผลลัพธ์ออกมาได้กลายเป็นเกมต่อสู้ยอดนิยมจนถึงตอนนี้
Red Dead Redemption (เกมแอ็กชันเส้นตรง > เกมผจญภัยเปิดโลกกว้าง)
Red Dead Revolver คือเกมแอ็กชัน-เนื้อเรื่องเส้นตรง (ที่มีประวัติการสร้างเกมน่าสนใจกว่าเนื้อเรื่องเกมซะอีก) ของค่าย Rockstar Games ซึ่งไม่มีท่าทีว่าทำเกมภาคต่อ เนื่องจากกระแสยอดขายเกมที่ “ค่อนข้างธรรมดา” หากเทียบกับแฟรนไชส์ GTA หรือ Midnight Clubs แต่แล้ว ทีมงานตัดสินใจสร้าง Red Dead Redemption ซึ่งเป็นเกมสืบทอดจิตวิญญาณจากเกม Red Dead ต้นฉบับ
ถ้าจะบอกว่า Red Dead Redemption คือ “GTA คาวบอย” ก็ถือว่าไม่ผิดมากนัก เพราะเกมดังกล่าวเป็นเกมแอ็กชัน-ผจญภัย เปิดโลกกว้างที่เกมเมอร์สามารถกระทำอะไรก็ได้คล้ายเกมซีรีส์ GTA รวมถึงการนำเสนอเนื้อเรื่อง Red Dead Redemption มีการเปลี่ยนแปลงจากเกม Red Dead Revolver ให้มีเนื้อหาดรามา ดาร์กสมจริง และมีปรัชญายิ่งขึ้น
Fallout 3 (เกม RPG ผลัดเทิร์นคลาสสิก > เกมแอ็กชัน RPG)
หลังจาก Black Isle Studios หรือผู้พัฒนาเกม Fallout ต้นฉบับถูกสั่งยุบทีมงาน เนื่องจากปัญหาทางการเงินอย่างรุนแรงของ Interplay Productions ซึ่งทำให้ IP แฟรนไชส์ Fallout ถูกซื้อโดย Bethesda Game Studios แล้วนำไปสานต่อพัฒนาเกม Fallout 3 ที่ทิ้งค้างไว้
Fallout 3 โดยทีมงาน Bethesda นั้น มีความแตกต่างจากเกมเวอร์ชันต้นฉบับอย่างเห็นได้ชัด จากเกมแนว RPG ผลัดเทิร์น ได้กลายเป็นเกม RPG แอ็กชันสามารถสลับมุมกล้องระหว่าง FPS/TPS และระบบเกมเพลย์บางส่วนได้หยิบยืมจาก The Elder Scrolls IV: Oblivion ซึ่งทำให้เกมเพลย์เข้าถึงง่าย แต่มีความละเอียดล้ำลึกแบบพอดี รวมถึงความยากก็จัดว่ามีความตึงเคลียดน้อยกว่าเกม Fallout ต้นฉบับอีกด้วย
แถม: Yakuza: Like A Dragon (เกมแอ็กชัน Beat’em Up > เกม RPG)
เป็นอีกหนึ่งเกมที่สร้างความตกตะลึงให้แฟน Yakuza สำหรับเกม Yakuza: Like A Dragon (หรือ Yakuza 7) จากเดิมที่หลายคนคิดว่าเป็นมุกตลกเมษาหน้าโง่ แต่เมื่อการประกาศเปิดตัวเกมภาคใหม่ ดันกลายเป็นเกมจริง ๆ ซะงั้น
Yakuza: Like A Dragon ได้เปลี่ยนจากเกมแอ็กชัน Beat’em Up ซัดศัตรูทุกคนที่ขวางหน้ากลายเป็นเกม RPG ผลัดเทิร์น พร้อมกับการนำเสนอที่กาวยิ่งกว่า Yakuza ทุกภาค ในขณะที่เนื้อเรื่องยังคงมีความเข้มข้นลุ้นระทึก แต่อย่างไรก็ตาม แม้เกมมีกระแสวิจารณ์เป็นที่ชื่นชมสำหรับเจ้าสำนัก Famitsu แต่เกมเมอร์หลายคนก็ยังแสดงความกังวลว่าแนวทางใหม่ของ Yakuza จะทำให้เกมเพลย์ยังสนุกสนานเหมือนเดิมหรือไม่ จนถึงตอนนั้น ก็คงต้องลุ้นกันอีกครั้งในวันวางจำหน่ายเกม ซึ่งมีแผนวางจำหน่ายในปี 2020 นี้