ต้องยอมรับว่าปัจจุบันความคาดหวังของแฟนเกมที่มีต่อการเปิดตัวเกมหนึ่งได้เปลี่ยนแปลงไปแล้วอย่างสิ้นเชิง จากแต่ก่อนที่เราคาดหวังกันว่าเกมจะต้องออกมายอดเยี่ยม และสนุกมากแค่ไหน กลายเป็นว่า หวังแค่ว่าเกมจะไม่พัง เซิร์ฟเวอร์จะไม่ล่ม หรือเล่นได้โดยไม่มีบั๊กหรือปัญหาใหญ่ ๆ ก็เพียงพอแล้ว และในปี 2021 นี้ ถือว่าเป็นปีที่มีเกมออกมามากมายให้แฟนเกมได้เล่นกัน แต่ก็มีทั้งเกมที่โด่งดังจนแฟน ๆ เทใจให้ หรือย่ำแย่จนแฟน ๆ เทใจให้เช่นกัน แต่เป็นการเทใจในการกดคะแนนจนต่ำเตี้ยเรี่ยดิน วันนี้มาดูกันว่า ตลอดปีนี้มีเกมอะไรบ้างที่ได้รับคะแนนรีวิวย่ำแย่อย่างหนัก จนอาจจะกล่าวได้ว่า เกมเหล่านี้คือเกมยอดแย่ของปีก็ว่าได้
1. eFootball 2022 – Metacritic 0.9 คะแนน
https://youtu.be/mKak2Kk5eDI
ไม่มีเกมไหนที่เปิดตัวออกมาแล้วน่าจดจำ (ในทางที่ไม่ดี) เท่ากับเกมนี้อีกแล้ว ในตอนแรกแฟนเกมต่างตื่นเต้น ที่แฟรนไชส์เกมระดับโลกอีกเกมอย่าง Pro Evolution Soccer (PES) ได้ทำการรีแบรนด์มาให้เป็นเกมฟรีอย่างเต็มรูปแบบ แต่หลังจากที่มันเปิดตัว ทุกคนก็น่าจะได้เห็นกันไปแล้วว่ามันย่ำแย่เพียงใด แม้ว่าเกมจะปรับเป็นเกมเล่นฟรี แต่ก็ยังมีการขายแพคเกจพรีเมี่ยมต่าง ๆ ที่แฟน ๆ ส่ายหน้า แต่ถ้าเกมมันดีก็เป็นอีกเรื่อง เพราะเกมนี้เต็มไปด้วยบั๊กและข้อบกพร่องภายในเกมจำนวนมาก ที่โดนล้อยับเยินเลยคือโมเดลของตัวละครภายในเกมที่ทำเอานักเตะซูเปอร์สตาร์บางคนกลายเป็นตัวตลกไปเลย อย่างไรก็ตาม KONAMI ได้ออกมาขอโทษแฟน ๆ จากใจจริงแล้ว และเตรียมจะปรับปรุงแก้ไข แต่แพทช์แก้ก็ถูกเลื่อนออกไปอย่างไม่มีกำหนดในตอนนี้ แต่แฟนเกมอาจไม่ศรัทธากับค่ายอย่าง KONAMI แล้วก็เป็นได้
2. Skatebird – Metacritic 4.2 คะแนน
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา มีหลากหลายเกมที่พยายามจะนำเอา Tony Hawk มาดัดแปลงเป็นเกมของตัวเองกันอยู่เสมอ ดีบ้าง ล้มบ้าง ปนกันไป แต่สำหรับ Skatebird ในปี 2021 นี้ ล้มเหลวโดยสิ้นเชิง แม้หน้าปกเกมจะเต็มไปด้วยความน่ารักจากการจับเอาเหล่านกน้อยมาโชว์ลีลาบนลานสเก็ต ตัวเกมดึงดูดแฟนเกมได้ดีจากความน่ารักของเหล่านก แต่ภายในเกมจริงกลับมาฟิสิกส์ที่ขัดกัน และลีลาและท่าทางการเล่นสเก็ตของเหล่านกในเกมนี้ก็ดูจะไม่ถูกใจแฟน ๆ เกมที่ชอบกีฬานี้สักเท่าไร และจุดประสงค์ในการเล่น และคอนเทนต์ของเกมที่ไม่ได้ดึงดูดแฟน ๆ ได้มากพอ และกลายเป็นเกมที่น่าผิดหวังที่แม้แต่ภาพลักษณ์อันแสนน่ารักก็ไม่ช่วยอะไร
3. Destruction Allstars – Metacritic 5.1 คะแนน
จากเกมที่แฟน ๆ คาดหวังกันว่าจะเป็น Twisted Metal ยุคใหม่ กลับกลายเป็นการเปิดตัวอันล้มเหลวของเกมที่บุกเบิกยุค Next-Gen อย่าง PlayStation 5 เกมเปิดตัวได้ไม่ค่อยสวยนักจากการเลื่อนวางจำหน่าย พร้อมกับประกาศให้มันกลายเป็นเกมสำหรับ PlayStation Plus แม้ว่ามันจะมีอนิเมชั่น และลีลาของตัวละครที่ขัดเกลามาเป็นอย่างดี แต่นอกจากนี้ก็แทบจะหาข้อดีอื่นไม่ได้เลย โมเดล และฟิสิกส์ในการขับชนรถคันอื่นที่เป็นระบบหลักของเกมก็ทำออกมาได้ไม่ค่อยดีนัก แฟนเกมหลายคนยังยกให้ Rocket League ทำได้ดีกว่าด้วยซ้ำไป แถมโหมดเนื้อเรื่องต้องจ่ายเงินเพิ่มด้วย และกลายเป็นอีกเกมที่แฟน ๆ ต่างลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันว่า ไม่เวิร์คในปีนี้
4. Apex Legends (Switch) – Metacritic 5.0 คะแนน
Apex Legends ต้นฉบับคือเกมยอดเยี่ยมที่ยังคงมีผู้เล่นจำนวนมหาศาลในปัจจุบัน แต่ไม่ใช่กับเวอร์ชั่นของเครื่อง Nintendo Switch และเป็นข้อพิสูจน์ว่า บางเกมก็ไม่จำเป็นต้องฝืนลงก็ได้ แม้ว่าตัวเกมจะใช้เซิร์ฟเวอร์แยกกัน แต่ด้วยคุณภาพของเกมที่เรียกได้ว่าหนักและกินกำลังเครื่องจนเกินไป ด้วยความเร็วของตัวเกมขนาดนี้ เฟรมเรทที่ได้เพียง 30 FPS แถมยังมีความแกว่งไม่น้อย และแลกมาด้วยความละเอียดของภาพที่ต่ำลงมาก เป็นเกมที่ไม่ต้องอธิบายอะไรมากนอกจากปล่อยให้มันถูกลืมไป เพราะทุกวันนี้แฟนเกม Apex Legends ส่วนมากก็ลุยกันอยู่ทั้งบน PC และ Console เป็นประจำ แต่ไม่ใช่กับ Nintendo Switch เท่านั้น
5. Dungeon & Dragons: Dark Alliance – Metacritic 3.3 คะแนน
เกมที่เปิดตัวแบบเงียบ ๆ ไปเมื่อช่วงกลางปีที่ผ่านมา และก็พังแบบเงียบ ๆ ด้วยเช่นกัน มีรายงานว่า ด้วยความหิวเงินของผู้จัดจำหน่ายอย่าง Wizards of the Coast ได้ผลักดันให้เกมนี้วางจำหน่ายทั้งที่มันยังทำไม่เสร็จ ทำให้ตัวเกมเต็มไปด้วยปัญหา ตั้งแต่มุมมอง การออกแบบ ปัญหาด้านประสิทธิภาพ และบั๊กจากภารกิจต่าง ๆ ภายในเกม และการเคลื่อนไหวในเกมที่คุณสามารถสแปมปุ่มธรรมดาก็ชนะเกมได้โดยไม่ต้องมีเมคคานิค หรือระบบอะไรใด ๆ เลย แฟนเกมบางคนแนะนำว่าหากคุณคิดจะเล่นเกมนี้ ให้ไปเล่น Baldur’s Gate: Dark Alliance ที่ตอนนี้ทำการรีมาสเตอร์ลงให้กับเครื่องเกมยุคปัจจุบันแล้ว ถ้าอยากเล่นจริง ๆ ให้ย้อนไปเล่นภาคนี้แทนจะดีกว่า
6. Balan Wonderworld – Metacritic 5.4 คะแนน
แม้ว่าดูแล้วคะแนนจะสวย แต่ในความเป็นจริงแล้ว Balan Wonderworld คือหนึ่งในเกมที่ล้มเหลวที่สุดของปีนี้ ทั้งที่มันเป็นผลงานฟอร์มใหญ่จาก Square Enix แถมยังได้ผู้ให้กำเนิดเม่นสายฟ้าอย่าง Sonic มาเป็นคนทำ แต่เหมือนนว่ามันจะไม่ช่วยอะไร ด้วยรูปแบบเกมการเล่นที่ตกยุคไปไกลมาก การผจญภัยในเกมแพลตฟอร์มแบบ 3 มิติ ก็ไม่ได้ทำให้มันโดดเด่นเกินหน้าเกินตาเกมอื่น แถมการออกแบบฉากและด่านก็มีปัญหา เหมือนกับทำเกมไม่เสร็จยังไงยังงั้น ทั้งเนื้อหา ทั้งระบบเกมการเล่นที่เหมือนทำเกมออกมาผิดยุค ทำให้แฟนเกมพากันเบือนหน้าหนี และกลายเป็นอีกหนึ่งบทเรียนบทใหญ่ของ Square Enix ประจำปีนี้ และหลังจากล้มเหลวจากเกมนี้ Yuji Naka ก็เกษียณตัวเองหันไปทำเกมมือถือเบา ๆ แทน
7. GTA The Trilogy – Definitive Edition – Metacritic 0.5 คะแนน
ยักษ์ใหญ่ก็พลาดได้ คือคำนิยามของ GTA The Trilogy – Definitive Edition การรีมาสเตอร์ที่แฟน ๆ คาดหวัง เต็มไปด้วยความผิดหวัง มันแทบไม่ใช่สิ่งที่แฟน ๆ GTA รอคอยเลย แม้ว่าผลงานนี้ Rockstar จะไม่ได้เป็นคนทำ เพราะผู้พัฒนาเกมชุดนี้คือ Grove Street Games แต่อย่างน้อย Rockstar ก็น่าจะมีมาตรฐานกับเกมสร้างชื่อของตัวเองเสียหน่อยยังจะดีกว่าปล่อยเกมออกมาในสภาพนี้ แฟน ๆ ต่างขัดใจทั้งการออกแบบตัวละคร ปัญหา Performance และประสิทธิภาพของเกม รวมไปถึงคำโฆษราว่าการควบคุมแบบ GTA V ที่ก็แทบไม่ได้ให้ความรู้สึกที่ต่างกันมาก และปัญหาทั้งหมดทั้งมวล คูณด้วยความคาดหวังจากแฟน ๆ ทำให้ GTA Remaster ไตรภาคนี้ โดนถล่มรีวิวอย่างยับเยินจากแฟน ๆ และคว้า 0.5 คะแนนจาก Metacritic ไป แม้ว่าคะแนนของเกมจริง ๆ อาจจะไม่ได้แยเท่านี้ก็ตาม
8. Battlefield 2042 – Metacritic 2.2 คะแนน
แม้จะเปิดตัวได้ยิ่งใหญ่เพียงใดก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้ว่า Battlefield 2042 นั้น มีปัญหาและข้อบกพร่องต่าง ๆ มากมาย ตัวเกมมีปัญหามาตั้งแต่ช่วง Beta แล้ว แต่มาหนักขึ้นตอนเกมเปิดให้เล่นจริง เพราะตัวเกมยังขาดการ Optimize ที่ดี รวมไปถึงปัญหาของเหล่า Specialist ที่ดูไม่ค่อยจะมีใครเล่นตัวอื่นนอกจากตัวเมต้าหลัก ซึ่งเป็นปัญหามาจากการออกแบบระบบของเกมมาแต่แรก ส่งผลให้มันทำลายกลไกการเล่นเป็นทีมอันเป็นเอกลักษณ์ของ Battlefield ลงแทบจะทั้งหมด ยังไม่รวมถึงปัญหาเซิร์ฟเวอร์ และหลายสิ่งหลายอย่างที่ควรจะมีในภาคนี้ หรือเคยมีในภาคก่อน ๆ ก็ถูกถอดออกไปซะอย่างนั้น สำหรับแฟนเกม Battlefield ก็คงได้แต่รอให้ตัวเกมอัปเดตให้ดีขึ้นกว่าเดิมเท่านั้นในตอนนี้