หากพูดถึงเกมเล่นฟรี หลายคนจะนึกถึงเกมประเภท Multiplayer เน้นเล่นหลายคนเป็นอย่างแรก แต่ปัจจุบัน เกมประเภท Singleplayer ที่อดีตส่วนใหญ่เป็นเกมต้องจ่ายเงินซื้อ ก็เริ่มหันมาใช้โมเดลเป็นเกมเล่นฟรีที่มีระบบ In-Game Purchase และอัปเดตคอนเทนต์ใหม่ในทุกเดือน หรือแจกฟรีแล้วขอให้เหล่าผู้เล่นได้สนับสนุนนักพัฒนาด้วยการจ่ายเงินบริจาคแบบตามมีตามเกิด
แม้บางเกมในรายชื่อ อาจมีระบบออนไลน์หรือโซเชียลบางอย่าง เช่น CO-OP หรือ Leaderboard แต่โดยรวมแล้ว เกมเหล่านี้ยังมอบประสบการณ์การเล่นเกม Singleplayer ที่เต็มเปี่ยม ไม่จำเป็นต้องเข้าถึงโหมดออนไลน์ก็สนุกได้ แล้วเกมเหล่านั้นจะมีอะไรบ้าง ก็เข้าไปอ่านกันได้เลย
Cookie Clicker
Cookie Clicker เป็นเกมประเภท Idle ที่ผู้เล่นต้องใช้เมาส์กดคุกกี้เพื่อรับคุกกี้ แล้วนำคุกกี้ไปใช้ซื้ออัปเกรดต่าง ๆ อีกทีหนึ่ง เพื่อให้ได้รับคุกกี้มากกว่าเดิม ด้วยระบบเกมเพลย์ที่เข้าถึงง่าย และได้เห็นความคืบหน้า (Progression) ที่ชัดเจน ทำให้ Cookie Clicker เป็นเกมที่เล่นแล้วติดพันได้ง่าย แล้วกลายเป็นเจ้าพ่อเกม Idle ที่ทีมพัฒนาเกมอินดี้หลายทีมต้องใช้เกม Cookie Clicker เป็นพื้นฐานในการสร้างเกมใหม่
Cookie Clicker เป็นเกมเล่นฟรีบน Web Browser แต่ล่าสุด เกมดังกล่าวได้ลงให้เล่นผ่านแพลตฟอร์ม Steam โดยตัวเกมขายในราคาเพียง 99 บาทเท่านั้น
The Elder Scrolls II: Daggerfall
The Elder Scrolls II: Daggerfall เป็นเกม RPG ภาคคลาสสิก ซึ่งเดิมทีเป็นเกมต้องจ่ายเงินซื้อ แต่ปัจจุบัน มันได้กลายเป็นเกมฟรี หลังมีการเฉลิมฉลองครบรอบ 15 ปี การวางจำหน่ายเกมดังกล่าว
Daggerfall ถือว่าเป็นเกม The Elder Scrolls ภาคที่ยังเล่นสนุกสนาน ด้วยโลก Open-World, มีความอิสระสูง, มีระบบการต่อสู้ที่ค่อนข้างเข้าถึงง่าย รวมถึงเป็นเกม RPG ไม่กี่เกมในยุคนั้นที่ใช้มุมกล้องแบบ First-Person แม้บางฟีเจอร์จะตกยุค, ความยากขาดความบาลานซ์ในบางช่วง และ Quality-of-Life ไม่ค่อยดีเท่าไหร่นัก (ซึ่งเป็นสิ่งที่คาดหวังจะได้เจอในเกมเก่า ๆ) แต่โดยรวมแล้ว Daggerfall ยังคงเป็นเกม RPG ที่มีเอกลักษณ์น่าดึงดูด ก็ต้องบอกเลยว่าใครกำลังมองหาเกม Retro เล่นฟรีอย่างแท้จริง เกมนี้ถือว่าน่าสนใจเป็นอย่างมาก
Aperture Desk Job
ในรายละเอียดระบุว่า Aperture Desk Job เป็นเกม Tech Demo สำหรับ Steam Deck ซึ่งความจริงแล้ว ตัวเกมยังสามารถรันได้ตามปกติบน PC แต่จะรองรับการใช้งานด้วยคอนโทรลเลอร์เท่านั้น
Aperture Desk Job เป็นเกมภาค Spin-Off ของ Portal ที่เล่าเนื้อเรื่องผ่านมุมมองของพนักงานระดับล่างคนหนึ่งใน Aperture Science ต้องเจอเรื่องราวประหลาดมากมายในบริษัทระหว่างกำลังทำงานบนโต๊ะออฟฟิศ แม้เกมนี้มีระยะเวลาการเล่นเนื้อเรื่องจนจบเพียงครึ่งชั่วโมง แต่ด้วยเนื้อเรื่องที่ตลกขำขัน มุกมีความคิดสร้างสรรค์ และมีการเล่าเรื่องที่ชวนให้ผู้เล่นอยากติดตามเกมต่อไป ก็ต้องบอกเลยว่านี่คือเกมที่ทำให้คุณต้องอารมณ์ดีได้แน่นอน
Helltaker
Helltaker เป็นเกมอินดี้แนว Puzzle ที่ผู้เล่นต้องควบคุมตัวละครเราให้เดินทางไปถึงจุดเป้าหมาย โดยมีจำนวนรอบในการเดินที่จำกัด จึงต้องคอยคิดให้ดีก่อนตัดสินใจเดินเกือบทุกครั้งอยู่เสมอ
แน่นอนว่าจุดที่โดดเด่นที่สุดของ Helltaker ไม่ได้มาจากระบบเกมเพลย์ที่เรียบง่ายเพียงอย่างเดียว แต่เกมนี้ก็มีจุดเด่นในด้านบทสนทนา และการนำเสนอตัวละคร “Demon Girl” ที่สนุกสนานเพลิดเพลิน ด้วยการออกแบบคาแรคเตอร์ Demon Girl ที่โดนใจ จึงไม่แปลกใจเลยว่าทำไม Helltaker จึงเป็นกลายเป็นเกมอินดี้ที่มีกระแสโด่งดังแบบชั่วข้ามคืนหลังเปิดตัว และมีฐานแฟนหนาแน่นจนถึงตอนนี้
The Sims 4
จากเกมที่ต้องเสียเงินซื้อ ล่าสุด The Sims 4 กลายเป็นเกมเล่นฟรี หลังจากออกวางจำหน่ายมาตั้งแต่ปี 2014 แล้วยังได้รับความนิยมจากคนหนุ่มสาวจนถึงทุกวันนี้
ถึงแม้เกม The Sims 4 มีการวางจำหน่าย DLC Pack เป็นจำนวนมาก และไม่สามารถปฏิเสธได้ว่า DLC ของเกมนี้ มีส่วนช่วยมอบประสบการณ์การเล่นเกมที่เต็มอิ่มขึ้นจริง แต่ถ้าหากมองข้ามเรื่อง DLC ไปได้ The Sims 4 ถือว่ายังเป็นเกม Life Simulation ที่สมบูรณ์แบบด้วยฟีเจอร์ ลูกเล่นต่าง ๆ และเกมการเล่นที่ผ่านไปกี่เดือนกี่ปี ก็ยังกลับมาเล่นอย่างสนุกสนานได้อีกครั้งอยู่เสมอ
Doki Doki Literature Club
เกมเมอร์หลายคนน่าจะรู้อยู่แล้วว่า Doki Doki Literature Club ไม่ใช่เกมน่ารักใส ๆ ที่มีเนื้อเรื่องชีวิตประจำวันภายในชมรมเหมือนหน้าปกและชื่อเกม แต่นี่คือเกมสยองขวัญ-จิตวิทยา ที่ความหลอนจะมาจากการใช้ลูกเล่นทำลายกำแพงที่ 4 (Break 4th Wall) เช่น การพูดคุยกับผู้เล่นโดยตรง, การเข้าไปยุ่งเกี่ยวกับไฟล์ใน PC ของเรา รวมถึงตัวเกมได้นำเสนอความรุนแรง การฆ่าตัวตาย และความสัมพันธ์รัก-เกลียดชัง ที่ชวนให้ผู้เล่นรู้สึกอึดอัด กดดัน ไม่สบายใจระหว่างการเล่นเกม
แม้ Doki Doki Literature Club ไม่ใช่เกมที่ทุกคนสามารถเอนจอยได้ แต่ถ้าคุณชื่นชอบเกมสยองขวัญน้ำดี มีลูกเล่นสร้างสรรค์ เกมนี้จะไม่ทำให้คุณต้องผิดหวังแน่นอน
Genshin Impact
Genshin Impact คือเกมแฟนตาซี Open-World Action RPG โดย HoYoverse (miHoYo) ที่มีการอัปเดตคอนเทนต์ใหม่ในทุก 40 วัน ในเกมนี้ผู้เล่นจะได้ผจญภัยในดินแดน Teyvat ที่แต่ละประเทศ แต่ละโซนล้วนมีบรรยากาศ มีภูมิประเทศแตกต่างกัน แม้ระบบการต่อสู้เข้าถึงง่าย แต่การโจมตีด้วยการผสมธาตุช่วยให้การต่อสู้มีความล้ำลึกมากขึ้น ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้ Genshin Impact เป็นหนึ่งในเกมเล่นฟรีที่ได้รับความนิยมมากสุดในขณะนี้
ถึง Genshin Impact มีโหมด CO-OP ที่สามารถเข้าไปเล่นเกมกับเพื่อน ๆ รวมถึงจำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างการเล่นเกมตลอดเวลา แต่โหมด CO-OP ของเกมนี้ เป็นเพียงแค่ “ทางเลือก” ที่จะได้เล่นก็ต่อเมื่อต้องการความช่วยเหลือจากเพื่อน ๆ ในการปราบบอสหรือเคลียร์ความท้าทายทั่วไปเท่านั้น ฉะนั้นผู้เล่นจะได้รับประสบการณ์การเล่นเกมที่เต็มอิ่มโดยไม่จำเป็นต้องแตะโหมด CO-OP ก็ได้
Honkai: Star Rail
สามารถกล่าวได้อย่างปลอดภัยว่า Honkai: Star Rail นั้น แตกต่างจากเกมอื่น ๆ ของค่าย HoYoverse ที่ผ่านมา จากเดิมที่ทีมงานมีชื่อเสียงจากการสร้างเกมแอ็กชันมาโดยตลอด ครั้งนี้ทีมงานได้หันมาสร้างเกม RPG Turn-Based ซึ่งมีจังหวะเกมเพลย์ช้า เน้นการวางแผนมากกว่าการฝึกฝนซ้ำ ๆ จนมีฝีมือการเล่นที่เก่งกาจ
นอกจาก Honkai: Star Rail ใช้ระบบการต่อสู้แบบ Turn-Based แล้ว แผนที่ของเกมมีสเกลลดลงจาก Genshin Impact กลายเป็นการสำรวจพื้นที่ตามโซนแทน แต่ถึงอย่างนั้น การเล่าเนื้อเรื่องกับเนื้อหา Lore ของ Honkai: Star Rail ยังมีความสนุกสนาน น่าค้นหา และที่สำคัญที่สุด ตัวเกมได้สอดแทรกเนื้อหาที่หลากรสชาติหลากอารมณ์อีกด้วย
คล้ายกับ Genshin Impact เกม Honkai: Star Rail มีระบบออนไลน์/โซเชียลที่สามารถยืมตัวของเพื่อนมาใช้ต่อสู้ได้ และจำเป็นต้องเชื่อมต่ออินเทอร์เน็ตระหว่างการเล่นเกมทุกครั้ง แต่โดยรวมแล้ว แก่นแท้ของ Honkai: Star Rail ยังเป็นเกม Singleplayer ที่ระบบออนไลน์เป็นแค่ฟีเจอร์เสริมเท่านั้น