เกมเรซซิ่งไม่ใช่สำหรับทุกคน ? 8 เกมนี้แหล่ะที่จะสนุกกับมันได้ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มเพื่อนหรือเล่นคนเดียว และมันสนุกด้วย!!
เล่นเกมเรซซิ่งยังไงโดนก็กินฝุ่น กฎระเบียบอะไรเยอะแยะ เล่นแล้วกดดันจริงจัง โดนเพื่อนร่วมแข่งต่อว่าไม่มีน้ำใจนักกีฬา ทำไมเล่นเกมเรซซิ่งทั้งที่ ก็อยากจะเน้นความสะใจ เล่นสนุกบ้างอะไรบ้าง นี่คือ 8 เกมเรซซิ่งที่ทุกคนสามารถเล่นมันได้ แคชชวลแตะได้ไม่ยากจนเกินไป รวมถึงสามารถเล่นได้ทั้งคนเดียวหรือจะเล่นกับพวกเพื่อน ๆ และสนุกด้วย ! ไม่ว่าจะเป็นเกมเก่า เกมใหม่ (ที่ส่วนใหญ่เทไปกับเกมเก่ามากกว่า)
Need For Speed Underground 1 และ 2 (และภาคอื่น ๆ)
ไม่มีใครไม่พูดถึงเกม Need For Speed หนึ่งในเกมซีรี่ส์แข่งรถที่ยาวนานถึง 30 ปี ทุกภาคเป็นอาร์เขตเรซซิ่งที่มีการนำเสนอที่แตกต่างกันทุกภาค ผู้เขียนอยากจะแนะนำเกือบทุกภาค แต่ภาคที่อิสระมากที่สุดคือภาค Need For Speed Underground 2 และภาคแรกที่มีจุดเด่นในเรื่องการแข่งขันรถแข่งผิดกฏหมาย สามารถตกแต่งรถยนต์ของตัวเองได้มากมาย อิสระที่สุด และกราฟิกสำหรับปี 2004 ก็ไม่เลวเลย เป็นภาคสำหรับแฟน ๆ NFS ยกให้ว่าเป็นภาคที่ดีที่สุดภาคหนึ่ง ด้วยโหมดการเล่นหลากหลาย และการนำเสนอเกมรถแข่งผิดกฎหมายที่ยกระดับจากภาคเก่า ๆ ในโลกกลางคืน
Race Driver GRID และ GRID 2
สำหรับคนที่ต้องการความสนุกด้วยและความซีเรียสระดับนิดหนึ่ง เกมโดยทีมงานของ Codemaster Games ที่มีเกมเรซซิ่งรูปแบบกีฬา Motorsport ถูกกฏหมาย ฟังอาจจะดูกฎเยอะ ถึงอย่างนั้นมันไม่ได้ลดทอนความสนุกแต่อย่างใด ต้องขอบคุณเรื่องการขับรถสไตล์อาร์เขตที่เน้นความสนุกมากกว่าสมจริงและไม่มีกฎบทลงโทษ และด้วยโหมดแข่งรถที่หลากหลายเช่นโหมด FreeStyle Drift, Endurance Race และ Derby Demolition พร้อมกับกราฟิกที่สวยงามสำหรับปี 2008
ภาคที่แนะนำก็คือ Race Driver GRID (ภาคแรก) รองลงมาคือ GRID 2 ที่ระบบขับเคลื่อนจะมีเรียกว่า “True Feel” ที่จะให้ความรู้สึกในการขับรถแบบ กึ่ง Simulator กึ่ง Arcade และมีตัดเนื้อหาที่มีอยู่ภาคแรกไปบางส่วนออกไป แต่ก็เป็นประสบการณ์เกมเรซซิ่งที่ดีมากเกมหนึ่ง เพียงแต่คนเขียนชอบภาคแรกมากกว่า (และใน Steam Store ก็ไม่ขายแล้ว T_T )
แนะนำให้มองข้ามภาค GRID Motorsport ภาคสปิน-ออฟที่เกมเพลย์ซ้ำซาก และยกระดับความเป็น Simulator มากขึ้น จนไม่รู้สึกว่าเป็น Race Driver GRID ที่ควรจะเป็น
DiRT 3 และ Dirt Showdown
คล้ายเหมือนกับ Race Driver Grid เพียงแต่เป็นเกมในรูปแบบการแข่งรถ Rally รถวิบากแทน ความสนุกของเกมนี้จะต้องโฟกัสบนท้องถนนโดยมีพาร์ทเนอร์คอยบอกเส้นทางถนนข้างหน้า ความสนุกของเกมนี้อยู่ที่คุณต้องตั้งใจทั้งการมองและการฟัง ซึ่งดูเหมือนจะยากแต่พอได้เล่นจริงแล้วมันสนุก ด้วยการขับรถไม่ยากอย่างที่คิด ถนนไม่สามารถคาดเดาได้ เป็นเกมที่ท้าทายตัวเองเป็นหลักมากกว่า ถ้าคุณเบื่อการแข่ง Rally คุณก็สามารถหนีไปการแข่งขันแบบ Rallycross , Rally Raid, Trailbalzer หรือ Gymkhana สนามเด็กเล่นของนักแข่งรถ ทุกให้ฟิลลิ่งที่แตกต่างกัน จุดขายอีกเกมหนึ่งที่ขาดไม่ได้คือสภาพแวลล้อมที่ทำออกมาได้สวยงามและหลากหลายภูมิภาค หรือจะเป็นภาค Dirt Showdown เป็นภาคสปิน-ออฟ ที่ใครต้องการที่จะชนรถจนยับและการขับรถสไตล์อาร์เขตสุด ๆ เล่นง่าย ๆ ล่ะก็ ภาคนี้ก็คือทางเลือกหนึ่ง
แนะนำให้มองข้ามภาค Dirt Rally เพราะเป็นภาคที่ฮาร์ดคอร์มาก ยากสุด ๆ เป็นระบบขับรถ Simulator เต็มรูปแบบ ไม่เหมาะสำหรับแคชชวลหรือแม้แต่คนที่ไม่ต้องการความซีเรียสสุด ๆ
Midnight Club 3: DUB Edition Remix
ถ้าหากใครยังเก็บ PlayStation 2 ไว้อยู่ Midnight Club 3 DUB Edition เป็นเรซซิ่งอีกเกมหนึ่งที่ไม่ควรพลาด โดยค่าย Rockstar Games เอง ด้วยเกมที่มีการออกแบบแผนที่สนามแข่งรถได้ผาดโผนอิสระที่สุด อยากจะลัดทางไหนก็ได้ ตั้งแต่ถนลูกลื่น กระโดดข้ามตึกยันลัดสวนสาธารณะ ทำให้การแข่งรถต้องใช้ไหวพริบในส่วนหนึ่ง รวมถึงเป็นภาคแรกที่ซื้อลิขสิทธิ์รถยนตร์จริงพร้อมกับระบบแต่งรถที่หลากหลายมากและความสามารถพิเศษที่ขึ้นอยู่กับลักษณะสายรถที่ใช้ ทำให้เป็มเกมเรซซิ่งที่เร้าใจมาก ถึงแม้ว่าฮาร์ตแวร์ของ PlayStation 2 จะเกินประสิทธิภาพและไม่เกมไม่ลื่นไหลไปบ้างก็ตาม
Crazy Taxi
เกมคลาสสิคของ SEGA ที่คุณมีหน้าที่รับส่งผู้โดยสารให้ถึงที่จุดหมาย แค่นั้นแหล่ะ!! Crazy Taxi เป็นเกมอาร์เขตที่แท้จริง เป็นเกมเก็บคะแนนสกอร์เพื่อที่จะติดสกอร์บอร์ด ซึ่งสกอร์เป็นจำนวนเงินที่ลูกค้าที่เรารับมาได้ยิ่งเร็วเท่าไหร่ ยิ่งหวาดเสี่ยวเท่าไหร่ ยิ่งได้สกอร์คะแนนมากเท่านั้น ซึ่งในเกมจำกัดในระยะเวลาแค่ 10 นาทีเท่านั้น นั่นก็หมายความทุกวินาทีคุณจะต้องเร่งความเร็วเหยียบให้มิดตลอดทาง ไม่สนอะไรทั้งสิ้น! หากหาความสนุกแบบไม่คิดมาก กฏเรียบง่าย แต่สนุกมันเร้าใจ Crazy Taxi คือคำตอบ
FLATOUT Ultimate Carnage
หากต้องการต้องการความวินาศ สันตะโรสุด ๆ ไหม? สิ่งของกระจัดกระจายตามถนน พุ่งชนรถคู่แข่งจนกระเด็นออกจากหน้าต่าง ตึกราวบ้านช่องเละเทะ สตั้นระเบิดตู้มต้ามล่ะก็ นี้คือคำตอบที่ดีสุด เซ้นต์ออฟสปีตร้องโว้ว!! เพลงประกอบโครตเร้าใจ หรือเลือกรถตามสไตล์การเล่นของตัวเอง สายชนแหลก สายเพี้ยว สายอึด สายโอเวอร์พาวเว่อร์ ล่ะก็ FLATOUT Ultimate Carnage ก็คือคำตอบที่ดีมาก ๆ เกมหนึ่งเลย ไม่ต้องกล่าวอธิบายเพิ่มเติม เพราะที่กล่าวมาทั้งหมดมันคือแก่นหลักของเกมทั้งสิ้น
BURNOUT Series (ทุกภาค)
เจ้าพ่อเกมอาร์เขตเรซซิ่งที่ใคร ๆ ก็รู้จัก (สามารถพบได้ตามห้างสรรพสินค้าหลาย ๆ แห่งที่ดัดแปลงเป็นตู้เกม) เป็นเกมเรซซิ่งไม่กี่เกมที่จะอยู่ในระดับเพอร์เฟคทุกภาค เนื้อหาในแต่ล่ะภาคจะนำเสนอ ระบบการเล่นแตกต่างกันไป แต่แก่นหลักของทุกภาคก็คือ “ชนแหลก!!” ไม่มี Burnout ภาคไหนที่ไม่สนุก
- ถ้าเน้นภาพกราฟิกสวยงาม ระบบเสียงที่บีบอัดได้ดีมาก และเปิดโลกกว้าง แนะนำให้ภาค Burnout Paradise Remastered
- อยากจะกวาดถนน ระเบิดจราจรทิ้งใน Clash Mode แนะนำภาค Revenge
- โหยหาภาคที่สร้างชื่อเกมให้เป็นที่พวกเราได้รู้จัก หรืออยากจะรู้เกมนี้มีดียังไงในอดีต แนะนำ ภาค 3 Takedown
- โหยหาความคลาสสิค เบสิค ระลึกความหลังเล่นภาค 2 และภาคแรก
เป็นเกมเรซซิ่งระดับตำนานทุกคนสามารถเข้าถึงได้ที่แท้จริงทุกภาคจริง ๆ เกมเมอร์ทุกคนจะต้องผ่านการเล่นภาคใดภาคหนึ่งมาก่อน
Mario Kart ทุกภาค
ไม่ต้องอธิบายมาก เกมเรซซิ่งที่เป็นมิตรต่อทุกฝ่ายที่สุด (และทำลายมิตรภาพแบบ Real Time เช่นกัน) ทั้งเล่นง่าย เบสิค ทั้งคลาสสิค ทั้งร่วมสมัย ภาพการ์ตูนสีสันสดใส ไม่ว่าจะผู้สูงอายุ ผู้ปกครอง เด็กโต เด็กเล็ก ทุกคนเล่นได้ ข้อเสียอย่างเดียวก็คือเป็น Exclusive สำหรับ Nintendo ทุก ๆ ภาคตั้งรุ่นปู่ยันปัจจุบัน
หากใครเครียด ๆ จากการจราจรรถติด ระบายอารมณ์ ต้องการสร้างพื้นฐานหรือสร้างประสบการณ์เล่นเกมเรซซิ่งล่ะก็ 8 เกมนี่แหล่ะที่จะทำให้คุณรู้สึกสนุกไปกับมันได้ แม้เป็นเพียงแค่แคชชวลเพลเยอร์ก็ตาม