BY Aisoon Srikum
8 Dec 21 5:01 pm

9 เกมแนวโลกเปิด แต่กลับว่างเปล่า ขาดสีสันชวนให้ผู้เล่นออกผจญภัย

21 Views

Open World คือแนวเกมที่ไม่ว่าใครก็ต้องชื่นชอบ เกมแนวโลกเปิดกว้างสุดลูกหูลูกตา กิจกรรมที่มีให้ทำในเกมมากมายไม่รู้จบ แต่การจะทำอย่างนั้นได้ หมายความว่าโลกของเกมนั้น ต้องมีชีวิตชีวาพอจะให้ทุกคนจดจำ มีบ้างหลายเกมที่ทำได้ดี แต่หลายเกม แม้จะเป็นโลก Open World ที่กว้างใหญ่แค่ไหน แต่มันกลับกลายเป็นเกมโลกเปิดที่ว่างเปล่าไปซะอย่างนั้น และเกมเหล่านี้ คือเกมโลกเปิด แต่ดันว่างเปล่าเกินไป สำหรับความกว้างใหญ่ภายในเกม

1. Metal Gear Survive

ภาคต่อที่ไร้การสานต่อจาก Hideo Kojima และแทบจะเป็นภาคที่ใครหลายคนไม่อยากจะจำมากที่สุด นอกจากจะเปลี่ยนมาเป็นเกมการเอาตัวรอดของหน่วยรบผู้รอดชีวิตแล้ว กลไกเกมโลกเปิดของเกมภาคนี้ยังแห้งแล้งมาก ๆ เหมือนรีบทำ รีบขายไปอย่างนั้น ไม่ได้ขัดเกลาหรือใส่ใจรายละเอียดมากเท่าที่ควร รวมไปถึงระบบหลายอย่างภายในเกมที่ซ้ำซากจำเจ ยิ่งกลายเป็นการตอกย้ำได้ว่าความพยายามจะสร้างสรรค์ซีรีส์ Metal Gear ที่ไม่มีผู้ให้กำเนิดอย่าง Kojima นั้น เป็นเรื่องยากจริง ๆ แต่ก็ไม่ควรจะออกมาแย่ถึงขั้นนี้เช่นกัน

2. RAGE 2

แม้จะดุเดือด เลือดสาด รุนแรงสักแค่ไหน แต่ก็เถียงไม่ได้เลยว่า สำหรับซีรีส์ RAGE ที่มีฉากหลังของเกมเป็นโลกหลังการล่มสลายนั้น ในภาค 2 โลกของมันแม้จะกว้างใหญ่สักแค่ไหน แต่ก็แห้งแล้ง และขาดชีวิตชีวาอย่างมาก การใส่โทนเกม และธีมสีฉูดฉาดลงไปในเกมก็ไม่ได้ช่วยให้มันน่าสนใจขึ้นมาเลย เกมเพลย์ที่ดุเดือด ก็ถูกทำให้ง่ายเกินไปมาก เท่านั้นยังไม่พอ เนื้อเรื่องและกิจกรรมในโลกของเกม ยังไม่น่าดึงดูดอีกต่างหาก แถมจบเร็วไปด้วย ยิ่งทำให้ไม่มีความจำเป็นต้องออกสำรวจโลกภายในเกมเลย แต่ถึงแม้ว่าจะออกสำรวจได้ มันก็ไม่ค่อยจะมีอะไรมากนักอยู่ดีนั่นแหละ

3. Mass Effect: Andromeda

ไม่มีใครปฏิเสธว่า Mass Effect: Andromeda คือภาคที่ใครหลายคนรอคอย และทุกคนโดยเฉพาะแฟน ๆ Mass Effect ต่างก็ผิดหวังกับมัน เกมนี้ค่อนข้างล้มเหลวในการพยายามคิดค้นสิ่งใหม่ ๆ เป็นตัวอย่างของการทำให้เราเห็นว่าโลกเปิดกว้างอย่างเดียวนั้นยังไม่พอ มันต้องมีเนื้อหาที่ดี และน่าดึงดูดให้เราค้นหาด้วย แม้ว่าเกมเพลย์และแอ็คชั่นจะทำออกมาได้ดี แต่ในบางครั้ง โลกของเกมที่ว่างเปล่า และไม่มีอะไรให้ทำและสำรวจ บางที การ Open World ก็อาจจะไม่จำเป็นก็เป็นได้

4. Dynasty Warriors 9

เกมนี้น่าจะเป็นตัวอย่างที่ดี ของแนวคิดที่ว่า “คุณภาพ สำคัญกว่า ปริมาณ” เพราะเกมนี้ พยายามจะใส่เอาระบบอันหลากหลายเข้ามาในเกม และที่สำคัญคือการใส่กลไกของเกมแนว Open World เข้ามาในเกมด้วย โลกภายในเกมนอกจากจะจืดชืด ขาดชีวิตชีวาแล้ว มันยังมีแต่พื้นที่ว่างเปล่ามากมาย และเนื้อหาเล็ก ๆ น้อย ๆ ซ้ำไปซ้ำมาที่ใส่ลงไปในโลกของเกม ปริมาณอาจจะเยอะ แต่คุณภาพกลับขาดแคลนอย่างเห็นได้ชัด และคะแนนรีวิวบน Steam น่าจะเป็นคำตอบที่ชัดเจนพอแล้วว่าแฟนเกม Dynasty Warriors ไม่ถูกใจสิ่งนี้เอาซะเลย

5. FUEL

Fuel อาจเป็นเกมที่มีโลกขนาดใหญ่จนคุณจดจำได้ดี แต่ก็๗ะจดจำมันได้ด้วยว่า โลกภายในเกมมันแทบจะไม่มีอะไรเลย ตลอดทั้งเกม ผู้เล่นจะสามารถขับแบบ Free Roam สามารถไปไหนมาไหนก็ได้ แต่มันแทบไม่มีอะไรเลย นอกจากความว่างเปล่า ไม่มีสิ่งปลูกสร้าง ไม่มีอะไรให้ทำ หนักกว่านั้นคือตามถนนนั้น แทบจะไม่มีรถสักคัน มีเพียงถังน้ำมันให้เก็บเพิ่มคะแนนเท่านั้น พิสูจน์ได้ว่าเกมนี้มันช่างว่างเปล่าจริง ๆ คนเหงาไปเล่น ระวังเหงามากยิ่งขึ้น

6. Superman Returns

ถึงแม้ว่า Superman Returns จะไม่ใช่เกม Superman ที่แย่ที่สุด แต่เกมนี้ก็ได้รับคำวิจารณ์ที่หนักหนาเอาการ และที่หนักที่สุดคือโลกเปิดที่ว่างเปล่าสมชื่อบทความ มหานครเมโทรโพลิสที่ดูกว้างใหญ่ แต่กลับไร้ซึ่งชีวิตชีวา รวมไปถึงเนื้อหา และคอนเทนต์ภายในเกมที่มีน้อยมาก ไม่สมกับโลกในเกมที่ออกแบบมา หนักที่สุดเลยคือ ถึงขั้นมีคนที่บอกว่า นี่มันเป็นเพียงเกมที่ใส่โลกกว้าง ๆ มาบังหน้าระบบที่ดูกลวงเท่านั้น ไม่มีอะไรใกล้เคียงกับคำว่า Open World จริง ๆ

7. The Amazing Spider-Man 2

แม้ปัจจุบัน Spider-Man จะกลับมาโด่งดังในฐานะเกม Open World อันยอดเยี่ยมโดยฝีมือ Insomniac Games แต่รู้หรือไม่ว่า The Amazing Spider-Man 2 ที่ลงให้กับมือถือและเครื่องคอนโซลนั้น หลายคนยกให้เป็นอีกเกมที่ค่อนข้างแย่มาก ๆ โดยปัญหาหลัก ๆ ของมันก็คือโลกเปิดภายในเกที่ว่างเปล่าอย่างมาก แถมยังมีแต่วัตถุเดิม ๆ เกิดขึ้นซ้ำ ๆ เช่นรถสีเหลืองที่ใช้กันแทบจะทั้งเมือง รวมไปถึงใช้วิธีการสร้างสิ่งเดิม ๆ เกิดขึ้นซ้ำไปซ้ำมาแทน และเป็นอีกหนึ่งเกมสไปเดอร์แมนที่น่าผิดหวังสำหรับคอเกม

8. Sniper Ghost Warrior 3

ซีรีส์ Sniper Ghost Warrior เป็นอีกเกมแนวลอบเร้นที่พอมาในภาค 3 ทีมงานเกิดอยากจะใส่กลไกโลกเปิดแบบ Open World เข้าไปในเกมให้มากที่สุด แต่ผลของมันคือความล้มเหลวและคำวิจารณ์ที่ค่อนข้างย่ำแย่  และปัญหาของมันก็เหมือนกับเกมอื่น ๆ คือพื้นที่เปิดกว้างแต่ดันว่างเปล่า ไม่มีอะไรให้ทำ ไม่มีเป้าหมายให้เก็บ ทำให้เราไม่จำเป็นจะต้องออกสำรวจเลย แม้ว่าโลกของเกมจะกว้างใหญ่ขนาดไหน และจะออกสำรวจไปทำไม ในเมื่อเป้าหมายของเราคือการลอบสังหาร นั่นทำให้ทาง CI Games หันไปพัฒนาภาคใหม่ในชื่อ Sniper Ghost Warrior: Contracts ที่ออกแบบโลกภายในเกมมาให้ใหญ่มากขึ้น และอย่างน้อยมันก็ยังดูดีกว่าภาค 3

9. One Piece World Seeker

ถ้าจะมีเกมไหนที่น่าเสียดายที่สุดในจำนวนนี้ ก็คือ One Piece World Seeker นี่คือเกมที่ได้การ์ตูนชื่อดังอย่างวันพีซมาเป็นแกนหลัก และยังได้สร้างเนื้อเรื่องออริจินอลของตัวเองขึ้นมาด้วย แต่ปัญหาของมันคือโลกเปิดแต่ว่างเปล่า แถมหนักกว่าทุกเกมด้วย โลกของเกมขาดสีสัน ขาดชีวิตชีวาในแบบที่วันพีซควรจะเป็น ไม่ว่าจะพื้นที่โลกเปิด หรือหมู่บ้าน ล้วนขาดชีวิตชีวาอย่างมาก อาจเพราะ Ganbarion ทีมพัฒนาเกมนี้ ผ่านแต่งานเกมต่อสู้ของวันพีซซะเป็นส่วนมาก พอขยายเป็นเกมสเกลใหญ่เลยเหมือนคุมไม่อยู่ซะอย่างนั้น และแฟน ๆ คงไม่ชิชนแน่ที่ได้เห็นลูฟี่มาลอบเร้น แทนที่จะแหกปากกระโดดซัดหน้าทหารเรือ

SHARE

Aisoon Srikum

Back to top