BY StolenHeart
22 Oct 18 11:47 am

Alan Wake ตำนานบทที่สองของ Remedy ผู้นำเสนอความสยองในแบบซีรีส์

131 Views

ถ้าเราเอ่ยชื่อ Remedy Entertainment สิ่งแรกที่เราจะนึกถึงก็คือเกมแอคชั่นสุดเดือดที่พลิกโฉมวงการเกมอย่าง Max Payne ที่ทำให้เหล่าเกมเมอร์รู้จักระบบ Bullet Time กันมากขึ้น และผลงานลำดับถัดมาของพวกเขาก็ยังคงมีความน่าสนใจและเป็นเกมสยองขวัญที่มีแง่มุมน่าพูดถึงอยู่ไม่น้อยก็คือ Alan Wake นั่นเองครับ

อย่างที่หลายคนทราบกันว่า Max Payne คืองานสร้างชื่อของทีม Remedy จนเทรนด์การใช้ระบบหน่วงเวลาอย่าง Bullet Time แพร่หลายตามที่ได้เกริ่นไป และหลังจากที่พัฒนา Max Payne มาถึงสองภาค พวกเขาก็เริ่มอยากจะทำเกมที่มีการนำเสนอที่แตกต่างออกไปจากที่เคยทำมา โดยจะให้เกมนี้กลายเป็นเกมที่มีการเล่าเรื่องแบบใหม่ที่เกมอื่นมีมาก่อน นั่นก็คือการเล่าเรื่องในแบบภาพยนตร์ซีรีส์แบบแบ่งเป็นตอน ๆ ในเกมเดียว เพื่อเพิ่มความตื่นเต้นในการเสพเนื้อเรื่องให้เข้มข้นมากขึ้น และไม่รอช้า พวกเขาก็เริ่มพัฒนาโปรเจ็กต์ใหม่ในชื่อว่า Alan Wake หลังจากที่หยุดพักไปกันทันที

Alan Wake เปิดตัวในปี 2005 ที่งาน E3 โดยถูกชูให้เป็นเกมที่ใช้เทคโนโลยีสำหรับ Next Gen โดยเฉพาะ โดยแรกสุดนั้นมันถูกโชว์หลังม่านโดยเน้นไปที่เทคโนโลยีใหม่ ซึ่งโปรเจ็กต์ดังกล่าวทาง Microsoft เข้ามาร่วมเป็น Partner ช่วยพัฒนาโปรเจคนี้ จึงทำให้ทาง Remedy สามารถใช้เทคโนโลยีใหม่ ๆ จากทาง Microsoft ได้อย่างเต็มที่ แลกกับการที่จะลงให้กับเครื่อง Xbox 360 แบบ Exclusive ในช่วงนั้น หลังจากใช้เวลาในการพัฒนาอยู่สี่ปี ในที่สุดเหล่าเกมเมอร์ก็ได้สัมผัสมันในปี 2010 บนระบบ Xbox 360 เป็นที่แรก ก่อนที่บน PC จะตามมาในปี 2012

Alan Wake เป็นเรื่องราวของนักเขียนนิยายระดับ Best Seller ใน Psychological thriller หรือแนวเขย่าขวัญทางด้านจิตประสาทแต่ในพักหลังเขาประสบปัญหาไอเดียตีบตัน หรือที่เหล่านักเขียนนักวาดเรียกกันว่า Art Block จนไม่มีงานใด ๆ ออกมาเลยเป็นเวลากว่าสองปี ทำให้เขาและภรรยาตัดสินใจออกเดินทางไปพักผ่อนที่เมืองชนบทห่างไกลอย่าง Bright Falls เพื่อที่เขาจะได้มีไอเดียในการเขียนนิยายเล่มใหม่ออกมาได้บ้าง แต่หลังจากที่ไปถึงที่พักในกระท่อมบนหุบเขา เหตุการณ์เหนือธรรมชาติก็เกิดขึ้นกับเขา ความมืดเข้าจู่โจมเขาอย่างไม่ทันตั้งตัวและจับภรรยาของเขาไป ซึ่งหลังจากที่ Alan หนีออกมาและได้รับความช่วยเหลือจากเสียงลึกลับที่สอนให้เขาใช้แสงต่อสู้กับพวกมันได้ การตามหาต้นตอของเรื่องลึกลับและภรรยาที่หายตัวไปของเขาจึงเริ่มต้นขึ้น

ระบบการเล่นของ Alan Wake นั้นน่าสนใจยิ่ง นอกจากเนื้อเรื่องที่แบ่งออกเป็น Episode ที่ชวนให้ผู้เล่นติดตามแบบเดียวกับการรับชมภาพยนตร์ซีรีส์ทางโทรทัศน์แล้ว ระบบการเล่นแบบใช้แสงต้านเงาในเกมนี้ก็โดดเด่นมาก ผู้เล่นจะต้องใช้ไฟฉายส่องไปที่ตัวของศัตรูก่อนจึงจะสามารถใช้ปืนยิงให้มันหายไปได้ ทำให้การบริหารทรัพยากรอย่างถ่ายไฟฉายและกระสุนจึงจำเป็นมากขึ้นกว่าเกมอื่น และทำให้ของที่ดูเหมือนไม่จำเป็นในเกมอื่นอย่างพลุแสงกลายเป็นระเบิดมือย่อม ๆ ขึ้นมาทันที จนเป็นเอกลักษณ์ของเกมที่หลายคนที่ได้เล่นนั้นลืมไม่ลงเลยทีเดียว

แน่นอนว่าความน่ากลัวของเกมถือว่าอยู่ในระดับที่ยอดเยี่ยม เนื่องจากศัตรูในเกมนั้นมีความเป็นคนที่ถูกเคลือบฉาบอยู่ด้วยความมืด พวกมันนั้นโหดเหี้ยมไม่ปราณีผู้เล่น มันมาจากจินตนาการในนิยายของ Alan ที่เขาเขียนขึ้นมา และฉากหลาย ๆ ฉากในเกมหยิบยืมมาจากฉากคลาสสิกในหนังสยองขวัญมาประกอบในเกมให้เห็นกันอยู่เรื่อย ๆ เช่นฉากคลาสสิกของ The Shining หนังสยองขวัญที่ดัดแปลงมาจากนิยายของ Stephen King ราชานักเขียนนิยายสยองขวัญในภาพยนตร์ที่กำกับโดย Stanley Kubrick หรือในภาพยนตร์สยองขวัญอื่น ๆ ให้ได้เห็นกันมากมาย และจังหวะ Jump Scare ของเกมที่แม้จะไม่ได้มีบ่อย แต่มาแต่ละครั้งก็ทำให้เราตกใจจนนั่งไม่ติดเก้าอี้กันเลย

แรกสุดนั้นทาง Remedy ต้องการให้ตัวเกมเป็นเกมแบบ Open World เต็มรูปแบบเหมือนกับใน GTA ไปรับภารกิจจากชาวเมือง Bright Falls แก้ไขปัญหาปีศาจบุกเมืองให้กับ NPC ในเกมที่มีทั่วไป แต่หลังจากที่พัฒนาไปได้หกเดือน พวกเขาก็รื้อไอเดียนี้ทึ้ง แล้วเน้นการเล่าเรื่องราวแบบที่เราได้สัมผัสกันในเกมเวอร์ชั่นเต็มแทน ซึ่งก็ค่อนข้างน่าเสียดายอยู่เหมือนกันเพราะตัวเกมอาจจะมีอะไรให้ผู้เล่นทำมากกว่านี้เยอะทีเดียว

Alan Wake มี DLC เนื้อเรื่องเสริมออกมาเพิ่มเติมอีกหนึ่งชิ้น นั้นก็คือภาค American’s Nightmare ที่เป็นภาค Spin’s off ไม่เกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลัก และจะให้บรรยากาศแบบละครมินิซีรีส์ The Twilight Zone ที่ชวนให้ขนหัวลุกเหมือนเดิม แต่ตัวเกมจะเน้นไปที่ระบบการต่อสู้มากขึ้น มีอาวุธและศัตรูที่มากขึ้น และผู้เล่นต้องออกสำรวจเพื่อที่จะค้นหาอาวุธและ Manuscript ที่ขาดหายไป น่าเสียดายที่เนื้อเรื่องของภาคนี้ไม่หลอนและเข้มข้นเท่าภาคหลัก แต่ก็ถือว่าเป็นภาคที่เล่นได้เพลินอีกหนึ่งภาคเหมือนกัน

แม้ปัจจุบันนี้อาจจะเป็นไปได้ยากที่เราจะได้ภาคต่อของ Alan Wake เพราะตอนนี้ทีมงาน Remedy กำลังตั้งใจพัฒนาเกม Control อยู่อย่างสุดความสามารถ แต่ก็ไม่ได้ปิดโอกาสในการพัฒนาเกมภาคต่อแต่อย่างใด เพียงแค่บอกว่าทุกอย่างนั้นขึ้นอยู่กับทาง Microsoft ว่าจะอยากให้ Alan Wake กลับมาหรือไม่ ซึ่งผู้เขียนเองก็หวังว่าเรื่องราวของชายนามว่า Alan Wake นั้นจะได้รับการพูดถึงและสานต่ออีกครั้งในอนาคตต่อไปครับ

Putinart Wongprajan

เค้ก - Content Writer

Back to top