วันอังคารที่ 30 พฤษภาคม พวกเราได้มีโอกาศเข้าร่วมการทดสอบอัปเดตล่าสุดของเกม Battlefield 2042 ซึ่งเป็น Season 5 ในชื่อ New dawn มีทั้งแผนที่ใหม่และอาวุธใหม่มาให้เราได้สัมผัส
สำหรับแผนที่ใหม่ในซีซั่นนี้มีชื่อว่า ‘Reclaimed’ เขตอุตสาหกรรมของ เชคเคีย ที่เคยเป็นสมรภูมิในช่วงเวลาหนึ่ง ณ ตอนนี้ ไฟสงครามแห่งยุค 2042 ได้ลามมาถึงเพื่อให้ผู้ชนะได้เป็นฝ่ายยึดครอง สำหรับใครที่เป็นแฟน Battlefield 4 เมื่อได้เข้าไปเดินในแผนที่นี้ คุณจะรู้ทันทีว่านี่คือฉากที่ได้แรงบันดาลใจจาก ‘Zavod 311’ เขตโรงงานร้างที่กลายเป็นสุสานรถถัง Layout ของฉากจะคล้ายกันอย่างมากโดยที่ทั้ง 2 ฝ่ายจะเริ่มจากจุดโล่งแจ้ง และค่อย ๆ ขยับเข้ามาในเขตโรงงานที่มีอาคารอยู่ประชิดกัน 2 ฝั่ง บริเวณรอบนอกก็จะมีธงบางส่วนที่อยู่กลางแจ้งและบางส่วนจะอยู่ในอาคารที่เป็นบังเกอร์ใต้ดิน ทำให้เราได้เจอการต่อสู้หลากหลายระยะ ในจุดโล่งก็จะเป็นถิ่นของสไนเปอร์กับยานพาหนะ ระยะระหว่างอาคารก็เป็นการต่อสู้ระยะกลางที่อาจจะไม่ปลอดภัยสำหรับยานพาหนะเพราะมันเต็มไปด้วยมุมหลบที่ทหารราบจะส่งจรวดหรือระเบิดมาใส่ได้หลายทาง แต่มันเหมาะกับการเดินเท้าพร้อมกับใช้ไรเฟิลจู่โจมหรือปืนกลหนัก และในฉากบังเกอร์ที่เปลี่ยนให้เป็นการต่อสู้ระยะประชิดที่ทำให้ปืนกลเล็กหรือลูกซองเฉิดฉายกว่าในจุดอื่น
หากจะมีข้อเสียบางอย่างของแผนที่นี้ นั่นคือการลอบเร้นไปตามริมฉากจะทำได้ค่อนข้างยาก เพราะกำบังที่ใช้ในการเลาะไปตามขอบแมพจะไม่ได้เยอะเท่ากับที่เราเคยเล่นกันใน Zavod 311 ของ BF4 ทำให้การแอบอ้อมไปยึดธงหลังในโหมด Conquest อาจจะถูกพบเห็นได้ง่ายโดยเหล่าผู้เล่นที่ชุลมุนกันอยู่ในธงกลาง แถมในโหมด Breakthrough ฝ่ายบุกก็ดูจะเป็นฝั่งที่ได้เปรียบอย่างมาก เพราะมุมการเข้าตีของฝ่ายบุกจะเป็นการพุ่งเข้าไปในมุมที่มีทางผ่านมากมาย พร้อมกับกำบังที่ช่วยบังตาฝ่ายกันมากกว่าการเป็นที่ซุ่ม และหากใครหวังจะได้เห็นปล่องไฟล้มพังพาบลงมากลางฉาก ก็ต้องขอแสดงความเสียใจด้วยว่ามันไม่มีอะไรแบบนั้นแล้ว
แต่โดยรวมมันก็ยังเป็นแผนที่ของ Battlefield ที่สนุกพอตัว เปิดโอกาสให้กับสไตล์การเล่นทุกรูปแบบ มีความกะทัดรัดไม่กว้างจนเกินไป แถมไม่มีตึกสูงให้ผู้เล่นสายแคมป์ขึ้นไปนอนรากงอก หากคุณชอบแผนที่ในสไตล์ของ Zavod 311 จาก BF4 คุณก็น่าจะชอบ Reclaimed ของ BF2042
อีกหนึ่งดาวเด่นในซีซั่นนี้ก็คืออาวุธใหม่ ‘GEW-46’ หรือที่ชาว BF อาจจะเคยใช้มันมาแล้วหลายภาคในชื่อ ‘G36C’ จากตำแหน่ง Carbine rifle กลายมาเป็นหมวด Assault rifle ด้วยอัตราการยิง 750 นัด/นาที ที่ไม่ช้าแต่ก็ไม่เร็วมาก พร้อมกับพลังทำลายและแรงถีบที่ทรงตัว ทำให้มันอยู่ในสถานะที่คล้ายกับ ‘M416’ จากภาคก่อน ๆ มากกว่าไรเฟิลน้องเล็ก มันอาจจะไม่นิ่งเป็นจับวางเหมือนกับ AK-24 แต่มันก็เป็นอีกทางเลือกที่ไม่เลวเช่นกัน
อีกกระบอกที่สิงห์ปืนไวน่าจะถูกใจเป็นอย่างยิ่ง ก็คือ ‘BFP.50’ หรือแม็กนั่ม Desert Eagle.50 (ผู้เขียนคิดว่า BFP ในเกมนี้ คงย่อมาจาก ‘Big F***ing Pistol’ ซึ่งก็สมชื่อ) แม้ว่าเราจะมีลูกโม่ .44 เป็นแม็กนั่มอยู่แล้ว แต่ BFP.50 จะเป็นแม็กนั่มที่ยิงเร็วกว่ามาก แม้ว่าแรงถีบจะสูงแต่คุณสามารถกระหน่ำมันในระยะใกล้ที่แค่ 2 นัดกลางตัวศัตรูก็ลงไปกองหรือนัดเดียวเท่านั้นหากเล็งเข้าหัว ในช่วงถาม-ตอบกับทีมสร้าง ทางผู้พัฒนาก็บอกว่าความต่างระหว่าง ลูกโม่.44 กับ BFP.50 นั่นคือระยะ BFP.50 จะมีระยะแดมเมจตกที่ใกล้กว่า ในขณะที่ลูกโม่.44 จะทำหน้าที่เป็นปืนพกสไนเปอร์นั่นเอง
และยังมีสไนเปอร์ไรเฟิลกระบอกใหม่ ‘XCE BAR’ ที่มีอุปกรณ์ตกแต่งหลายชนิดให้ผู้เล่นสายสไนเปอร์สามารถปรับเปลี่ยนไปตามระยะการต่อสู้ แถมบรรดาอาวุธเก่า ๆ ที่เราได้เล่นในโหมด Portal ก็จะปล่อยให้เล่นกันฟรี ๆ ในโหมดหลักและมีของแต่งปืนให้เราปรับแต่งประสิทธิภาพตามที่เราชอบ ซึ่งผู้เขียนได้ลองใช้ MTAR-21 ปืนโปรดจากสมัย Battlefield 3 ที่ต้องบอกว่ายังคงรุนแรงสะใจไม่เปลี่ยน พอเราสามารถเปลี่ยนแม็กให้ยาวระดับ 40 นัด ก็ยิ่งเพิ่มพลังทำลายอย่างที่มันไม่เคยทำได้มาก่อน
นอกจากนี้ก็มีอุปกรณ์ใหม่ ๆ อย่างเช่น ระเบิดต่อต้านยานพาหนะที่คล้ายกับที่เราเคยใช้ใน Battlefield 1 โดยมันจะระเบิดทันทีเมื่อกระทบกับยานพาหนะ ระเบิด Mini-grenade จาก Battlefield 4 ที่เราพกได้ 3 ลูก แม้จะแรงไม่มาก แต่การสแปมเข้าไป 3 ลูก ก็ทำให้อีกฝ่ายต้องหนีกันบ้าง และระเบิด Spring grenade ที่ค่อนข้างประหลาดกว่าเพื่อน เมื่อมันตกถึงพื้นมันจะเด้งขึ้นกลางอากาศแล้วค่อยระเบิด แม้ว่าผู้เขียนจะยังไม่สามารถเก็บ Kill ได้ด้วยระเบิดนี้เลย แต่ก็น่าสนใจว่าในการเล่นจริงกับผู้เล่นทั่วไป ถ้าลูก Spring grenade ตกลงไปกลางวงศัตรูจะทำให้เกิดความเสียหายระดับไหน (ในการทดสอบนี้ ผู้เขียนได้เล่นกับบอทเสียส่วนใหญ่)
สำหรับการอัปเดต Season 5 อาจจะไม่มีจุดที่ถือเป็น ‘Game changer’ โดยรวมแล้วมันก็เป็นการเพิ่มของเล่นใหม่ ๆ เท่านั้น พร้อมกับสกินหน้าตาแปลกประหลาดที่มีให้เราไล่ปลดกันบานเบอะใน Battle pass แต่สิ่งที่นับเป็น Game changer จริง ๆ ได้ถูกใส่เข้ามาแล้วในช่วงที่ผ่านมา นั่นคือการทำให้ Speacialist แต่ละตัวมีความเป็น’คลาส’หาใช่ฮีโร่ที่พกทุกอย่างที่อยากพก อย่างเช่น Specialist ในคลาส Assault จะมีอุปกรณ์ตายตัวนั่นคือ เข็มฉีดยาเติมพลัง ทำหน้าที่เหมือนกล่องพยาบาลติดตัวจาก Battlefield 5 เปิดโอกาสให้เราเติมพลังทันที 1 ครั้ง ส่วนอุปกรณ์ที่เราเลือกได้จะจำกัดเฉพาะพวกต่อต้านทหารราบ เช่นระเบิด Claymore, แผ่นเหล็กเสริมเกราะ, ปืนระเบิดควัน หรือระเบิด C5 ที่พอจะใช้กำจัดรถเกราะได้บ้าง คลาส Engineer ก็จะมีอุปกรณ์ตายตัวเป็นเครื่องซ่อมยานพาหนะไม่จำเป็นต้องเลือกมาในช่องอุปกรณ์ ส่วนอุปกรณ์ที่เราเลือกได้ก็จะเป็นแนวต่อต้านยานพาหนะ เช่นเครื่องยิงจรวดหลากรูปแบบและทุ่นระเบิด รวมถึงระเบิดต่อต้านรถถังที่เพิ่งอัปเดตเข้ามาก็เป็นสิทธิเฉพาะของคลาส Engineer
คือจะไม่มีการที่ผู้เล่นทุกคนสามารถแบกจรวดต่อต้านรถถัง มีเฉพาะคลาส Engineer ที่ใช้ได้ ไม่มีการที่ผู้เล่นทุกคนสามารถพกกล่องพยาบาลหรือกล่องกระสุน มีเพียงคลาส Support เท่านั้นที่เลือกได้ การจำกัดขอบเขตแบบนี้ ทำให้ BF2042 กลับมามีความเป็น ‘Battlefield’ อีกครั้ง ที่ผู้เล่นแต่ละคลาสไม่สามารถทำทุกอย่างด้วยตัวคนเดียว เราต้องพึ่งพาอาศัยกันหรือเปลี่ยนคลาสให้เหมาะกับสถานการณ์แทนที่จะเล่นตัวเดียวและทำได้ทุกอย่างแบบในช่วงแรกที่เกมวางจำหน่าย
ซึ่งตรงนี้ก็นับว่าเป็นการเปลี่ยนแปลงที่มาถูกทางแล้ว รวมทั้งการ Rework แผนที่ต่าง ๆ ก็ทำให้เกมการเล่นสนุกกว่าในช่วงแรก จากการยิงกันในที่โล่งแถมไกลอย่างยิ่งกว่าจะเดินทางไปถึงจุดปะทะ ในตอนนี้แผนที่แต่ละฉากจะมีความกระทัดรัดแถมมีเส้นทางและกำบังที่ให้เราลัดเลาะได้ดีกว่าเดิม และแผนที่ที่กำลังจะได้รับการ Rework เป็นฉากสุดท้าย นั่นคือ ‘Hourglass’ ที่ผู้เขียนขอพูดจากใจเลยว่านี่คือแมพที่เกลียดที่สุดในซีรีส์ Battlefield เลยก็ว่าได้ ด้วยฉากที่โล่งแจ้งไร้ที่กำบังแถมกว้างใหญ่จนท้อ การถูกทิ้งให้เดินเท้าไร้ยานพาหนะใด ๆ คือความน่าเบื่ออย่างที่สุด แต่ใน Season 5 นี้ ก็กำลังจะเปิดตัว ‘Hourglass 2.0’ ที่จะมาเปลี่ยนประสบการณ์แย่ ๆ แบบนั้น ก็ต้องลองดูกันเองว่ามันจะดีขึ้นแค่ไหน
ปิดท้ายด้วยคำตอบของคำถามที่ว่า คุ้มไหมกับการกลับมาเล่น ? ผู้เขียนขอตอบว่า หากคุณเป็นแฟน Battlefield และอยากจะได้ประสบการณ์แบบ Battlefield โดยไม่ใช่การกลับไปเล่นภาคเก่า ก็ขอให้ลองเปิดใจดูซักนิด ณ เวลานี้ มันถือเป็นช่วงที่ดีขึ้นกว่าเดิมในทุกด้านหากเทียบกับช่วงแรกที่เกมเปิดให้เล่น มันมีอาวุธ มีแผนที่ มีคอนเท้นต์ใหม่ ๆ ให้เราได้ลอง แม้ว่าระบบ Specialist ความเป็น’ตัวละครฮีโร่’จะยังมีอยู่ไม่สามารถถอดออกจากเกมได้ แต่มันก็มีความใกล้เคียงกับระบบคลาสมากกว่าที่ผ่านมา จริงอยู่ว่าถ้าคุณเป็นคนที่ไม่ชอบความเป็น Specialist หรือ’ฟีลลิ่ง’การยิงของ BF2042 มันก็อาจจะยังเปลี่ยนใจคุณไม่ได้ แต่โดยรวมมันก็ได้กลายเป็นเกมที่ดีขึ้นกว่าเดิมแล้ว ถ้าใครอยากจะลองสัมผัสดูซักครั้งก็ไม่เสียหายอะไร แถมมันอาจจะกลายเป็นเกมยิงที่คุณถูกใจก็เป็นได้
