ถ้าหากเราพูดถึงเกมแนวต่อสู้ในยุคนี้ ชื่อแรกที่เราจะนึกถึงกันก่อนคงหนีไม่พ้น Street Fighter หรือ Tekken นำมาก่อนเพื่อนเสมอ เพราะเป็นเกมที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ตามมาจากนั้นก็จะเป็นเกมอย่าง Guilty Gear, BlazBlue หรือ The King of Fighters ที่ได้รับความนิยมลดหลั่นลงมา แต่สำหรับเด็กโข่งยุคปี 2000 ที่อาศัยดูดซับรับบรรยากาศในร้านเกมเป็นอาจิณอย่างผู้เขียนก็คงต้องขอแนะนำอีกเกมที่เชื่อว่าหลายคนรู้จักกัน นั้นก็คือเกม Bloody Roar นั้นเองครับ
Bloody Roar เป็นผลงานของค่าย Hudson Soft ทีมพัฒนาที่เรารู้จักกันดีจากเกมสุดหรรษาอย่าง Bomberman ซึ่งตัวเกมภาคแรกสุดเป็นเกมเวอร์ชั่นอาร์เคดที่เปิดให้บริการครั้งแรกในปี 1997 แต่เชื่อว่าบ้านเราน่าจะรู้จักจากในเครื่องตามบ้านอย่าง Playstation กันเสียมากกว่า ซึ่งเกม Bloody Roar นี้เป็นเกมต่อสู้ที่เรียกได้ว่ามีจุดเด่นที่ไม่เหมือนใครอย่างนึง โดยในยุคนั้นเกมต่อสู้สามมิติที่เราคุ้นเคยกันก็คือ Tekken ที่เตะต่อยกันแบบเกือบ ๆ จะสมจริง (ไม่สมจริงเพราะเอ็งกระโดดสูงเกินมนุษย์นี่แหละ) แต่ Bloody Roar เสริมความแปลกใหม่เข้าไป ด้วยการให้ผู้เล่นสามารถแปลงเป็นมนุษย์สัตว์ได้ด้วย
ซึ่งเมื่อแปลงร่างแล้ว พลังและความเร็วก็จะเพิ่มขึ้นอย่างมาก แถมมีท่าไม้ตายเพิ่มขึ้นมาอีก เมื่อบวกรวมกับการควบคุมที่เข้าใจไม่ยาก พร้อมท่าคอมโบที่อลังการและรุนแรง ทำให้เกมนี้โดนใจผู้เล่นชาวไทยอย่างทันที เพราะความเท่และเว่อร์วังของมันนี่แหละ ตอนต่อยกันปกติยังไม่เท่าไหร่ แต่พอแปลงร่างปุ๊บนี่ความสนุกเพิ่มขึ้นทวีคูณเลยทีเดียว
ส่วนเนื้อเรื่องเอาจริง ๆ ในสมัยนั้นผู้เขียนแทบไม่ได้สนใจเลย (ฮา) เพราะสนใจแต่ว่าจะหาท่าพิฆาตมาปราบเพื่อนตัวเองที่เล่นขี้โกงยังไงดี โดยเฉพาะถ้าใครเล่น Long หรือมนุษย์สมิงแล้วกดท่าคอมโบ 22 Hit แบบครบ ๆ ได้นี่รับรองเลยว่าเพื่อนไม่คบแน่นอน เพราะมันทั้งแรงทั้งเร็ว ยิ่งแปลงร่างเป็นเสือแล้วกดคอมโบนี้ด้วยยิ่งโกงขึ้นไปอีก แต่ตัวอื่น ๆ ที่ขี้โกงก็มีบ้างอย่างเช่นนินจาตัวตุ่น Bakuryu ที่แม้จะเล่นยาก แต่ถ้าฝึกมาดีก็เอาไม่อยู่เหมือนกัน หรือย่างมนุษย์หมาป่า Yugo พระเอกของเกมก็มีท่าคอมโบที่กดยากแต่ก็แรงเอาเรื่องใช้ได้ รวมไปถึงตัวละครอื่น ๆ ที่หยิบมาเล่นเพราะเพื่อนห้ามไม่ให้ใช้ Long ก็เล่นสนุกอยู่เหมือนกัน (แต่ใครบอกให้ไปเล่นตัวหมูป่าหรือกอริล่าก็จะโกรธเพื่อนอยู่ เพราะเล่นไม่รุ่งจริง ๆ ฮา)
เรียกว่า Bloody Roar ภาคแรกนั้นเป็นภาคที่จุดกระแสความนิยมให้กับผู้เล่นชาวไทยอย่างมากเกมหนึ่ง แม้จะมีอีกหลายเกมที่โดดเด่นไม่แพ้กันอย่าง Bushido Blade (เดี๋ยวไว้เล่าให้ฟังวันหลัง) หรือ Soul Edge แต่สุดท้ายนอกจาก Street Fighter หรือ Tekken ทุกคนก็เลือกที่จะเล่นเกมนี้กันมากกว่า
และพอภาคสองออกวางจำหน่ายในปี 1999 ชาวไทยทุกคนก็ยังให้การตอบรับอย่างดีเหมือนเดิม ซึ่งในภาคที่สองนี้มีตัวละครให้เล่นเยอะขึ้น ระบบการเล่นก็ทำออกมาดีและลื่นไหลขึ้น ตัวละครทุกตัวมีท่าไม้ตายพิเศษที่ใช้ได้เฉพาะตอนแปลงร่างที่รุนแรงประมาณท่าสุดยอดในเกมอื่นที่ถ้ากดโดนก็จะรู้สึกหล่อมาก ๆ (แต่ส่วนใหญ่ก็วืดเพราะสมัยนั้นยัง noob อยู่ ฮา) แถมโมเดลตัวละครก็ปรับปรุงใหม่ให้สวยขึ้นกว่าเดิม ตัวละครสาว ๆ อย่าง Jenny หรือ Alice ก็ปั้นมาสวยขึ้นกว่าเดิม ระบบการเล่นก็ถึงใจมากขึ้น (แม้ท่าพิเศษของแต่ละตัวมันจะโกงไปหน่อยก็เถอะ) ทำให้เราเห็นคนเล่นภาคนี้กันมากขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าทีเดียว
พอมาถึงยุค Playstation 2 ทางผู้พัฒนาก็ยังคงส่งเกมภาคที่สามมาให้เราเล่นกันอีก โดยวางจำหน่ายในปี 2001 ซึ่งแน่นอนว่ากราฟฟิกสวยขึ้น โมเดลตัวละครดูดีขึ้น แต่ระบบการเล่นนั้นเปลี่ยนแปลงไปค่อนข้างเยอะจากภาคสอง ทำให้หลายคนรู้สึกไม่ชินมือ แถมในตอนนั้นเกมต่อสู้เองก็ค่อนข้างจะไม่มีอะไรใหม่ ๆ ให้เล่นกันเท่าใดนัก แถมปีนั้นก็มีเกมฟอร์มยักษ์อย่าง Final Fantasy X และ Max Payne ออกมาแย่งซีนในเดือนเดียวกัน หรือถ้าเป็นในญี่ปุ่นที่วางจำหน่ายเดือนมีนาคมก็ถูกเกม Onimusha กวาดตลาดไปเกลี้ยง เรียกว่าตอนนั้นมีตัวเลือกเกมที่น่าเล่นมากกว่าออกมาให้จัดกันเยอะมาก จนทำให้มันถูกลืมไปอย่างรวดเร็ว
ส่วนภาคสุดท้ายที่ออกวางจำหน่ายก็คือภาค 4 ที่ออกมาในปี 2003 ก็ถือว่าทำออกมาสนุกในระดับนึง ซึ่งในภาคนี้ผู้เล่นจะสามารถแปลงเป็นสัตว์ได้โดยที่ไม่ต้องมีเกจขึ้นจนเต็ม และการกดคอมโบก็ถือว่าง่ายกว่าเดิมมาก ถือว่าเป็นภาคที่มีแฟน ๆ เฉพาะกลุ่มชื่นชอบกันจำนวนหนึ่ง แต่ส่วนตัวผู้เขียนไม่ค่อยชอบภาคนี้นักเพราะรู้สึกว่าง่ายเกินไปหน่อย แถมปีนั้นก็มีเกมต่อสู้ให้ประทับใจมากกว่าอย่าง The King of Fighters 2002 ให้สนุกกันอีกด้วย ซึ่งก็น่าเสียดายอยู่เหมือนกัน
ส่วนอนาคตของเกม Bloody Roar นั้นก็ค่อนข้างมืดบอดพอดู เพราะลิขสิทธิ์ในชื่อนี้นั้นอยู่ที่ค่าย Konami ซึ่งเป็นผลมาจากการรวมค่ายระหว่าง Hudson Soft และ Konami ในปี 2012 ซึ่งดูเหมือน Konami จะสนใจ Bomberman มากกว่าและนำไปสร้างเกมภาคใหม่บนหลายระบบอย่างมากมาย (แต่ส่วนใหญ่ก็เจ๊งยับ) ส่วน Bloody Roar นั้นก็ไม่มีความคืบหน้าอะไรเกิดขึ้น แม้จะมีข่าวลือว่าภาคใหม่จะเปิดตัวในปี 2011 แต่ก็ไม่เป็นความจริง และทางค่าย Hudson ก็ถูก Konami กลืนตามที่ว่าไป
แต่แม้จะผ่านมาหลายปี Bloody Roar ก็ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่ผู้เล่นทั้งชาวไทยและทั่วโลกชื่นชอบมากโดยเฉพาะในสมัยยุครุ่งเรืองของ Playstation 1 แม้เราจะหวังภาคต่อได้ยากมากแล้วในตอนนี้ (เพราะอะไรก็ลองดูสภาพของ Konami ในตอนนี้ดูละกัน) แต่เราก็ยังไม่ลืมว่า เกมซีรีส์นี้เคยเป็นหนึ่งในเกมต่อสู้ที่ดีและสนุกมากเกมหนึ่งที่พวกเราเคยได้สัมผัสกันครับ
ปล. จริง ๆ ยังมีภาคหนึ่งก็คือภาค Extreme ที่วางจำหน่ายบนเครื่อง Xbox แต่ผู้เขียนยอมรับตามตรงว่าไม่เคยเล่น จึงขอข้ามไปนะครับ