ผู้บริหาร Quantic Dream ให้สัมภาษณ์ถึงการเซ็นเซอร์เกมที่แสนน่าเบื่อว่ามันก็เหมือนวงการภาพยนตร์ในยุค 50s David Cage ผู้บริหาร Quantic Dream เกิดอาการทนไม่ไหวถึงประเด็นการเซ็นเซอร์วิดีโอเกมส์และการหยิบจับประเด็นที่มีความอ่อนไหวมาใช้ในเกมส์ของตน ไอ้นี่ก็ไม่ได้ ไอ้นั่นก็ไม่ดี จนเขาถึงกับต้องออกมาให้สัมภาษณ์ถึงประเด็นนี้ว่าโลกเราก็เคยเป็นแบบนี้มาก่อนนะกับวงการภาพยนตร์ในยุค 50s
“การเซ็นเซอร์เนื้อหาในเกมยังคงเป็นปัญหาหลักๆนะ มันไม่ง่ายเลยที่จะพูดถึงประเด็นที่มันอ่อนไหวง่ายในเกมแม้ว่าคุณจะทำให้มันดูไม่รุนแรงมากที่สุดขนาดไหนก็ตามที ถ้าคุณอยากจะพูดถึงเรื่องอะไรร้ายๆแรงหรืออยากจะจับประเด็นที่มันอ่อนไหว ผมแนะนำให้คุณไปเป็นคนสร้างหนังมากกว่าคนสร้างเกม เพราะอะไรน่ะเหรอ ? เพราะวงการภาพยนตร์มันได้ก้าวข้ามจุดนี้มาแล้วไง
ในขั้นตอนการทำ Beyond Two Souls เราได้ติดปัญหาในเรื่องนี้ เราไม่ได้มีปัญหากับ Sony หรอกนะ แต่เรามีปัญหากับการจัดเรทในหลายประเทศต่างหาก บางประเทศเขาก็ยังคิดว่าเกมมันควรจะเป็นของเล่นสำหรับเด็ก ถึงแม้ว่าเราจะบอกไปว่า “เฮ้ย นี่เราไม่ได้ทำเกมมาริโอ้หรือโซนิคอยู่นะเว้ย นี่เรากำลังทำเกมที่มีเนื้อหาหนักแน่น เกมสำหรับกลุ่มคนเล่นเกมที่เป็นผู้ใหญ่แล้วนะ ผมจะไม่ปรับเปลี่ยนเนื้อหาเพียงเพราะมันโดนเซ็นเซอร์หรอก ผมเป็นนักเขียนและผมก็อยากจะทำในสิ่งที่ผมเขียนและคิดลงไป” นี่แหละ คุณคงจะเห็นแล้วว่าการเซ็นเซอร์ในวงการเกมมันทำให้คุณยุ่งยากมากแค่ไหน
ปัญหาเหล่านี้ก็ไม่ใช่ว่าไม่เคยเกิดขึ้นมาก่อน ยกตัวอย่างวงการภาพยนตร์ในยุค 40-50 ในตอนนั้นภาพยนตร์แ-่งมีปัญหาแม้กระทั่งฉากจูบกันของพระเอก-นางเอก แต่การเอาปืนไล่ยิงคนป่า ไล่ยิงอินเดียนแดงหรือเอาลิ่มตอกอกแวมไพร์กลับเป็นเรื่องปกติ แต่พอเป็นคนจูบปากกันกลับมีแต่คนบอกว่า “เฮ้ แบบนี้มันไม่ได้นะ” หรือแม้กระทั่งฉากชายผิวสีจูบกับผู้หญิงผิวขาวก็ดันเกิดเป็นประเด็นเหยียดเพศกันขึ้นมาซะอย่างนั้นแหละ
ที่ผมจะบอกก็คือมันก็เป็นไปตามยุคสมัยนั่นแหละ ในตอนนี้ผู้คนเริ่มรับได้เริ่มเข้าใจในวงการภาพยนตร์แล้ว ตอนนี้ผู้กำกับหลายคนก็เริ่มจะยัดฉาก sex scene แบบโจ๋งครึ่มเข้ามาในหนังซึ่งเดี๋ยวคนก็เริ่มชินกันไปเอง นึกๆดูแล้ววงการภาพยนตร์จะทำอะไรมันก็ดูมีสไตล์มีเหตุผลไปหมดนั่นแหละ
แต่วงการเกมเรายังไปไม่ถึงจุดนั้น คุณลองไปเล่น Beyond Two Souls ดูก็ได้ ผมใส่ประเด็นหลายๆอย่างเข้าไปในเกมเท่าที่ผมจะทำได้ซึ่งคุณจะต้องคิดตามและตัดสินใจไปกับเรื่องราวในเกมซึ่งเมื่อเล่นจบคุณจะเข้าใจในสิ่งที่ผมพูดเองนั่นแหละ”
– David Cage ผู้บริหาร Quantic Dreams
พูดมาซะยาวพี่แกตัดจบด้วยขายของเฉยเลยเว้ยเฮ้ย !?
แต่จะว่าไปก็นับว่าเป็นประเด็นที่น่าสนใจเหมือนกันนะครับ ในบ้านเราเองสำหรับคนที่ไม่ได้เล่นเกมหรือไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับวงการเกมก็ยังคงมองว่าเกมเป็นเรื่องของการเล่นสนุก วิดีโอเกมส์ก็คือของเล่นสำหรับเด็ก มันไม่ควรจะมีฉาก Sex หรือฉากความรุนแรง ( ถึงแม้จะเป็นแค่ฉาก The Sims แก้ผ้าอาบน้ำก็ตาม ) แต่ในขณะที่เรามีละครตบจูบแย่งผัวแย่งเมียให้เด็กดูกันทุกวัน เรามีหนังที่ตัวละครได้เสียกันอย่างเปิดเผยฉายเข้าโรง เรามีภาพยนตร์มากมายที่เอา sex มาเป็นจุดขาย เรามี girl group มากมายที่เอา sex มาขายแต่ก็ไม่มีใครจะว่าอะไร คิดแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจยาวๆครับ เฮ้ออออออ