BY KKMTC
18 Oct 21 5:58 pm

Cheating AI คอมพิวเตอร์ในวิดีโอเกมก็โกงเป็น

52 Views

หากพูดถึงการโกงในวิดีโอเกม หลายคนอาจนึกถึงผู้เล่น Multiplayer ที่ไม่ซื่อสัตย์ ไม่รักษากฎกติกา ใช้โปรแกรมเถื่อนช่วยเล่นเพื่อต้องการได้รับชัยชนะเพียงอย่างเดียวโดยไม่สนวิธีการ แต่รู้หาไม่ว่า CPU หรือ AI ของเกมก็มีความสามารถในการโกงเกมได้เช่นกัน บทความนี้จะให้ทำความรู้จักกับ Cheating AI คอมพิวเตอร์ในวิดีโอเกมก็โกงเป็นเหมือนกัน

Cheating AI คืออะไร ?

ตรงตามความหมายของภาษาอังกฤษ ‘Cheating AI’ หมายถึง AI ในเกมที่มีพฤติกรรมโกง มีความสามารถได้เปรียบกว่าผู้เล่นที่ควบคุมโดยมนุษย์ ซึ่งระบบ Cheating AI ได้ถูกสร้างโดยฝีมือนักพัฒนาเกมผ่านการเขียนโปรแกรม ซึ่งยังคงถูกใช้จนถึงทุกวันนี้ และไม่มีประวัติความเป็นมาอย่างชัดเจน

Cheating AI ในโลกของเกมมีร้อยแปดวิธีที่แม้แต่นักพัฒนาเกมบางคน ก็ไม่สามารถกล่าวอธิบายได้หมด เพราะบางครั้ง การโกงของคอมพิวเตอร์อาจเกิดขึ้นเนื่องจากเป็นบั๊ก ปัญหาด้านการดีไซน์เกม หรือการเขียนโปรแกรมที่มีข้อผิดพลาด ซึ่งสามารถแก้ไขได้ด้วยการปล่อย Patch รอบถัดไป แต่ระบบ Cheating AI บางอย่างได้สร้างขึ้นมาแบบจงใจ แล้วถูกนำมาใช้งานบ่อยจนชาวเกมเมอร์บางคนตั้งชื่อเรียกให้มันโดยเฉพาะ

ตัวอย่าง Cheating AI ที่โดดเด่นจนมีชื่อเรียกอย่างไม่เป็นทางการ เช่น Rubber Banding การที่จู่ ๆ รถยนต์ของคู่แข่งสามารถเร่งความเร็วจนไล่ตามรถของผู้เล่นได้ทัน ไม่ว่ารถของคุณจะมีประสิทธิภาพดีแค่ไหนก็ตาม, Respawn Kill ศัตรูเกิดในจุดที่ผู้เล่นเสียเปรียบ เช่น เกิดจากด้านหลัง หรือเกิดบนพื้นที่ระดับสูงมาก หรือแม้กระทั่งสูตรโกงคลาสสิกอย่าง Semi-Aimbot ที่ศัตรูสามารถเล็งปืนยิงโจมตีใส่ผู้เล่นได้จากระยะไกล โดยมีความแม่นยำกว่าปกติ และการออกแบบให้ศัตรูมีความสามารถในการ One-Hit-Kill (โดนโจมตีครั้งเดียว ผู้เล่นตายทันที) ก็ถือเป็นการโกงเช่นกัน

แม้ Cheating AI สร้างความไม่แฟร์ต่อระบบเกมเพลย์ แต่ทีมพัฒนาเกมหลายส่วน ได้ออกมายอมรับว่าบางครั้ง AI จำเป็นต้องโกงเกมบ้าง เพื่อให้เกมมีความท้าทายมากยิ่งขึ้น และการโกงของ AI จะไม่มีการก่อปัญหา ตราบใดที่ระบบไม่ส่งผลเสียต่อเกมเพลย์โดยรวม หรือความรู้สึกต่อผู้เล่นส่วนใหญ่

Terry Lee Coleman จากสื่อ Computer Gaming World เคยออกมารายงานในปี 1994 ว่าสาเหตุที่ AI ในเกมมีการโกงมากมาย ก็เพื่อสร้างแรงบันดาลใจให้คนเล่นเกมต่อไปได้นานขึ้น และไม่ต่างจากปัจจุบัน นักเล่นเกมยุคนั้นมักมีการตั้งคำถามต่อนักพัฒนาเกมเป็นประจำว่า “AI มีการโกงจริงหรือไม่”

ส่วน Johny Ebert หัวหน้านักดีไซน์เกม Dawn of War 2 เคยให้สัมภาษณ์ผ่าน Kotaku กล่าวถึง “กฎการสร้างพฤติกรรม AI ในโลกวิดีโอเกม” โดยหนึ่งในกฎระบุไว้ว่า “หาก CPU เริ่มเสียเปรียบ ควรตั้งโปรแกรมให้ AI สามารถโกงเป็นครั้งเป็นคราว เพราะไม่ว่า AI จะฉลาดขนาดไหน ย่อมต้องมีโมเมนต์ที่พิการบ้าง” และ “AI ที่ดีคือ AI ที่ฉลาดเหมือนกำลังใช้สูตรโกง”

หากสังเกตจากผลงานเกมแนวแอ็กชันต่าง ๆ ก็พบว่าหลายเกมมีการสอดแทรกศัตรูต่าง ๆ ที่มีความสามารถโกงกว่าผู้เล่น ยกตัวอย่างเช่น ตัวเลื่อยไฟฟ้าของเกม Resident Evil 4 ที่สามารถปลิดชีพ Leon ได้จากการฟันเพียงครั้งเดียว และเจ้าหน้าที่ตำรวจของเกมตระกูล Need for Speed มีความสามารถ Rubber Banding ให้ไล่ตามรถผู้เล่นได้ตลอดเวลา

ตัวอย่าง Rubber Banding

อย่างไรก็ตาม ผู้เล่นกลับไม่รู้สึกว่าเกมทั้งหมดที่กล่าวมานั้น มีระดับความยากที่ไม่แฟร์ แต่มองว่าเป็นระบบหนึ่งที่สร้างความท้าทายให้เกมสนุกสนาน ลุ้นระทึกมากขึ้น ซึ่งแน่นอนว่าสาเหตุหนึ่งที่หลายคนไม่รู้สึกว่าเกมโกงเกินไป เพราะตัวเกมมีดีไซน์เปิดทางให้ตัวละครเราแข็งแกร่งมากขึ้น เช่น การอัปเกรดความสามารถ อัปเกรดอาวุธ หรือบางครั้ง ผู้เล่นได้เรียนรู้วิธีการเล่นเกมจนคุ้นเคย ซึ่งส่งผลทำให้ตัวละครเราเก่งขึ้นตามมาเช่นกัน ในขณะที่พฤติกรรมมอนสเตอร์ ศัตรู ของเกมมีลักษณะการโจมตีที่ค่อนข้างตายตัว ด้วยสาเหตุดังกล่าวทำให้ระหว่างการเล่น เรารู้สึกได้ว่าตัวละครกับเกมเพลย์มีพัฒนาการ ที่สามารถเปลี่ยนจากเกมยากในช่วงเริ่มต้น กลายเป็นเกมที่ท้าทายพอดี ศัตรูจะน่ากลัวขนาดไหนก็ไม่หวั่น

แน่นอนว่า Cheating AI ยังไม่หายไปไหนในเกมยุคปัจจุบัน แต่ด้วยพฤติกรรมการเล่นเกมของคนส่วนใหญ่ที่เปลี่ยนไปตามกาลเวลา จากเดิมที่หลายคนเล่นเกมเพื่อเสพความท้าทาย อวดโฉมคะแนนของตัวเองผ่านกระดาน Leaderboard ตอนนี้ คนเลือกที่จะเล่นเกมเพื่อพักผ่อนหย่อนใจ หรือเน้นเสพเนื้อเรื่องมากขึ้น ก็ทำให้เกมปัจจุบันหลายเกม มีตัวเลือก Accessibility ที่หลากหลาย

จากเกมในอดีตมีตัวเลือกปรับระดับความยากเพียงแค่ Easy, Normal กับ Hard ตอนนี้เกมหลายเกมสามารถปรับแต่งระดับความยากได้มากกว่านั้น ยกตัวอย่างเช่น The Last of Us Part II ได้มีตัวเลือกแต่งเกมเพลย์มากมาย ไม่ว่าจะเป็นปรับความฉลาดของ AI, ปรับความไหวตัวทันของ AI, ปรับระยะสายการมองเห็นผู้เล่นของ AI, ปรับอัตราการดรอปของทรัพยากรหรือกระสุนปืนที่เก็บได้ตามพื้น และอื่น ๆ อีกมากมายที่ทำให้การเล่นเกมง่ายขึ้น

The Last of Us Part II มีตัวเลือกปรับแต่งความยากมากมาย

ถึงอย่างนั้น บางเกมถูกสร้างขึ้นเพื่อเจาะตลาดกลุ่มผู้เล่นสายฮาร์ดคอร์ / Old-School ที่ชื่นชอบความท้าทายโดยเฉพาะ ซึ่งตัวอย่างเกมที่มีชื่อเสียงด้านความยากโหดหิน อย่างไรก็หนีไม่พ้น Dark Souls, Bloodborne และ Sekiro: Shadows Die Twice ของค่าย FromSoftware ซึ่งทุกเกมที่กล่าวมานั้น มี Accessibility น้อย, ไม่มีตัวเลือกการปรับความยาก และ AI ไม่มีความปรานีต่อผู้เล่น ทุกคนจะได้รับประสบการณ์การเล่นที่เหมือนกัน ร่วมทรมานไปด้วยกัน และยากเหมือนกันหมด

แม้ Cheating AI เป็นระบบเกมที่เป็นสร้างถกเถียงบางส่วนในวงการเกม แต่ถ้าหากใช้อย่างถูกต้อง มีออกแบบและรักษาบาลานซ์ได้ดี มันก็ส่งผลดีต่อวิดีโอเกมที่ช่วยให้เกมสนุกสนานท้าทายมากขึ้นได้เช่นกัน

แหล่งที่มา: TV Tropes

SHARE

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top