BY StolenHeart
14 May 20 1:15 pm

Chrono Trigger ตำนานการผจญภัยข้ามเวลา ของเหล่าผู้หาญกล้าเปลี่ยนชะตาโลก

267 Views

ช่วงต้นเดือนมีนาคมที่ผ่านมา แฟนเกม Final Fantasy หลายคนคงได้ปลื้มปริ่มไปกับ Final Fantasy VII Remake ไปอย่างท่วมท้น เพราะเป็นหนึ่งในเกมแบบ Remake ที่หลายคนรอคอย แต่สำหรับแฟนเกมแนว RPG น่าจะยังมีอีกหนึ่งเกมที่อยากให้ Square Enix นำกลับมาสานต่อหรือ Remake ใหม่อีกรอบเช่นกัน มันเป็นเกมที่มีเนื้อเรื่องเข้มข้นประทับใจ มีทางเลือกมากมายให้ผู้เล่นเลือกทำ และตัวร้ายที่ทรงเสน่ห์ มันคือหนึ่งในตำนานที่หลายคนอยากให้คืนชีพกลับมาอีกครั้ง ซึ่งเกมที่ว่านั้นก็คือ Chrono Trigger นั่นเอง

ย้อนกลับไป ในยุคที่ Square Enix เริ่มมีชื่อเสียงโด่งดังมากขึ้นจากเกมซีรีส์ Final Fantasy การกล้าเสี่ยงและติดสินใจพัฒนาเกมที่เหมือนเป็นเกมสุดท้ายของพวกเขาประสบความสำเร็จอย่างยอดเยี่ยม เกมทั้งห้าภาคที่ออกวางจำหน่ายในช่วงนั้นล้วนได้รับความนิยมสูงลิ่วในประเทศญี่ปุ่นก่อนที่จะขยายมาสู่ตลาดตะวันตกในภายหลัง

ซึ่งเรื่องดังกล่าวนี้ต้องยกความดีความชอบให้กับเหล่าทีมงานและคุณ Hironobu Sakaguchi ผู้เป็นทั้งผู้สร้างและโปรดิวเซอร์ของเกม Yoshitaka Amano ผู้วาดงานศิลป์ระดับตำนานในเกมจนเป็นที่จดจำของหลายคน นำพา Square Soft ให้ผ่านพ้นวิกฤติและทำให้ชื่อ Final Fantasy เป็นที่จดจำมาจนทุกวันนี้

ปี 1992 คุณ Sakaguchi ได้มีโอกาสเดินทางไปยังประเทศอเมริกาเพื่อศึกษาค้นกว้าเรื่อง Computer Graphics โดยเขาได้เดินทางไปกับคุณ Yuji Horii โปรดิวเซอร์และผู้สร้างเกม Dragon Quest จาก Enix และคุณ Toriyama Akira ผู้ออกแบบตัวและนักเขียนมังงะ Dragonball ที่โด่งดังอย่างมาก ซึ่งพวกเขาก็ได้พบปะพูดคุยกันหลายเรื่องอย่างถูกคอ จนตัดสินใจที่จะเริ่มทำอะไรบางอย่างร่วมกัน “ในแบบที่ไม่เคยมีใครทำมาก่อน”

ซึ่งพวกเขาทั้งสามคนได้พูดคุยปรึกษาในเรื่องนี้ร่วมกันมานานนับปี ระดมสมองและไอเดียพร้อมทีมงานระดับหัวกะทิเพิ่มเติม เช่นคุณ Masato Kato มือเขียนบทและผู้วางโครงเนื้อเรื่องจาก Square Kazuhiko Aoki ที่ขันอาสามาเป็นโปรดิวเซอร์ของเกม รวมถึงทีมงานอีกกว่า 50 ชีวิตมาร่วมแรงใจกัน จนการพัฒนาเกมได้เริ่มต้นขึ้นในช่วงต้นปี 1993 และหลังจากผ่านไปประมาณสองปี โปรเจกต์ที่มีชื่อว่า Chrono Trigger ก็ได้วางจำหน่ายให้แฟนเกมได้เล่นกันบนเครื่อง Super Famicom และ SNES ในที่สุด

Chrono Trigger เป็นเรื่องราวแฟนตาซีที่อิงยุคกลางของยุโรปบนดวงดาวที่คล้ายกับโลก เด็กหนุ่มนามว่า Chrono ได้ออกเดินทางไปเที่ยวเล่นกับเพื่อนสมัย Luccaและได้พบกับ Marle เจ้าหญิงตัวน้อยที่แอบหนีมาจากในวังเพื่อสัมผัสกับอิสรภาพนอกรั้ว ทั้งสามได้เจอกันและเที่ยวเล่นอย่างสนุกสนานในงานเทศกาล

จนเหล่าเด็ก ๆได้มาเจอกับการแสดงใช้สิ่งประดิษฐ์เครื่องย้ายมวลสาร ทว่า Marle ที่ทดลองขึ้นไปแสดงบนเวทีกลับโดนวาร์ปหายไปไม่กลับมา ทำให้ Chrono และ Lucca ต้องออกตามหาเธอ และหลุดเข้าไปในห่วงเวลาของยุคต่าง ๆ มากมายทั้งอดีต ปัจจุบันที่ประวัติศาสตร์เปลี่ยนแปลง และอนาคตอันมืดมิด ซึ่งจุดจบของเรื่องจะเป็นอย่างไรนั้นก็เป็นหน้าที่ของผู้เล่นที่ต้องไปค้นหาคำตอบด้วยตัวเอง

สิ่งที่ทำให้ Chrono Trigger แตกต่างจากเกม RPG เกมอื่นในยุคนั้นไม่ได้มีแค่เรื่องของพลอตเรื่องที่เกี่ยวกับการบิดเบี้ยวและเปลี่ยนแปลงของเวลาเท่านั้น

แต่การกระทำและตัดสินใจของผู้เล่นนั้นจะมีผลต่อฉากจบและเนื้อเรื่องที่ดำเนินไปด้วย โดยเราจะสามารถเดินทางข้ามเวลาไปมาในยุสมัยต่าง ๆ ได้เกือบจะอิสระ มี Side Quest ให้ทำเพื่อรับรางวัลเป็นท่าไม้ตายหรืออาวุธพิเศษมาครอบครองได้  ยิ่งในเวอร์ชั่นใหม่ที่ออกมาก็มีการขยายความเนื้อเรื่องจนดีขึ้นไปอีก ชวนให้เคลิ้มกับเนื้อเรื่องไปได้ไม่ยากเย็น

และยังมีโหมด New Game+ เริ่มเล่นรอบใหม่ได้โดยที่สามารถนำตัวละครที่เล่นไว้ในรอบที่แล้วมาทำเนื้อเรื่องใหม่ได้ ไม่ต้องเสียเวลาเล่นใหม่อีกรอบ(ยกเว้นเงินที่ต้องหาเก็บใหม่อีกรอบหนึ่ง หรืออาวุธบางชิ้นที่ต้องเองใหม่อีกครั้ง) และก็นำระบบนี้ไปต่อยอดกับเกมอื่น ๆ เครือเพิ่มเติมอีกภายหลังในเวลาต่อมา

ส่วนระบบการเล่นของเกมก็ได้รับการยกเครื่องขึ้นมาจากเกมของ Square Soft อย่างน่าสนใจ โดยมีชื่อเรียกว่าว่า Active Time Battle 2.0 ที่ยังอ้างอิงระบบโดยรวมจากเกม Final Fantasy มาปรับปรุงใหม่ ซึ่งเราต้องรอให้เกจ Active Time เต็มเสียก่อนจึงจะสามารถใช้คำสั่งโจมตี ท่าไม้ตาย หรือพลังเวทได้ และตัวละครแต่ละตัวจะมีความเร็วในการชาร์จเกจ ATB ไม่เท่ากัน ทำให้การจัดทีมยังคงเป็นสิ่งที่ท้าทายเหมือนเดิม

แถมในเวลาต่อมาเมื่อตัวเกมถูกสร้างใหม่อีกครั้งในเครื่อง PlayStation และ Nintendo DS ทางทีมงานก็เพิ่มเนื้อหาใหม่ของเกมเข้าไปอีก ทั้งภาพยนตร์ Cutscene แบบอนิเมชั่นที่ลงทุนสร้างและทำโดย Bird Studios ของ Toei Animation ผู้เคยฝากผลงานอนิเมชั่นยอดเยี่ยมอย่าง Dragonball เอาไว้ และเพิ่มเนื้อเรื่องใหม่เข้าไป ส่วนบน Nintendo DS ก็ปรับปรุงการแปลภาษาของเกม ปรับกราฟฟิกให้ดูดีขึ้นและเพลงประกอบใหม่ที่ดีขึ้นกว่าเดิม เรียกว่าออกมาใหม่กี่ครั้งก็ยังมีคุณภาพสูงเสมอมา

Chrono Trigger กลายเป็นเกมที่ติดอันดับขายดีบนเครื่อง Super Famicom ในประเทศญี่ป่นแทบจะในทันที โดยขายได้ถึงสองล้านชุดหลังจากวางขายไปเพียงสองสัปดาห์เท่านั้น สื่อเกมทั่วโลกต่างให้คะแนนในระดับสูงแทบทั้งสิ้น ด้วยเนื้อเรื่องที่กินใจและน่าติดตาม มีความแหวกแนวและพัฒนามากกว่าเกม RPG อื่น ๆ ในยุคเดียวกัน บวกรวมกับการออกแบบตัวละครจากอาจารย์ Toriyama ที่ทุกคนคุ้นเคยจากเรื่อง Dragonball ก็ยิ่งทำให้เกมนี้เป็นที่รู้จักมากขึ้นไปอีก พร้อมกวาดรางวัลไปอีกเพียบ และยังถูกยกย่องว่าเป็นหนึ่งในเกมที่ดีที่สุดแห่งยุคเฮย์เซย์ของญี่ปุ่นอีกด้วย

ด้วยความสำเร็จที่เคยเกิดขึ้นมาทำให้แฟนเกมหลายคนต่างถวิลหาภาคต่อไปไม่ก็ภาค Remake นำเรื่องราวกลับมาสร้างใหม่อีกครั้ง เพราะเชื่อว่ามันจะต้องออกมายิ่งใหญ่ไม่แพ้ Final Fantasy VII Remake ที่ทีมงานเคยพิสูจน์ฝีมือมาแล้วนั่นเอง และภาคต่ออย่าง Chrono Cross ก็ทำได้ดี แม้จะไม่ได้ยิ่งใหญ่ถึงขนาดภาคต้นตำรับ แต่ก็สร้างความประทับใจให้ผู้เล่นได้ไม่น้อย จนถึงปัจจุบันนี้ Chrono Trigger ก็ถือเป็นอีกเกมที่หลายคนต้องการให้ทาง Square Enix นำกลับมาสร้างใหม่อีกครั้งอย่างมากมายไม่แพ้เกมอื่นในค่ายเลย

แม้ปัจจุบันนี้ชื่อของ Chrono Trigger จะจางหายไป แต่สำหรับแฟนเกมแล้ว นี่คือเกม JRPG ที่อยู่ในระดับสุดยอดมากอีกหนึ่งเกมและควรได้รับการคืนชีพกลับมา และแม้ความหวังจะเลือนราง แต่ในอนาคตเราอาจจะได้เห็นซีรีส์นี้กลับมาโลดแล่นในอนาคตก็เป็นได้ครับ

Putinart Wongprajan

เค้ก - Content Writer

Back to top