เมื่อพูดถึงเกมสยองขวัญในดวงใจใครหลาย ๆ คน ส่วนใหญ่ที่ผู้เขียนได้ยินจากเพื่อน ๆ ด้วยกันก็มักจะมี Resident Evil, Silent Hill ไม่เกมใดก็เกมหนึ่ง หรือถ้าใหม่ขึ้นมาหน่อยก็จะเป็น Amnesia: The Dark Descent หรือ Five Night at Freddy’s แต่แน่นอนว่ายังมีอีกหนึ่งเกมที่ขึ้นชื่อว่าน่ากลัวไม่แพ้เกมอื่น ๆ ที่กำเนิดขึ้นมาในยุคหลังปี 2000 ซึ่งจะเป็นเกมใดไปไม่ได้นอกจาก Dead Space นั่นเองครับ
ถ้านับตั้งแต่วันวางจำหน่ายเป็นต้นมา Dead Space ภาคแรกนั้นวางจำหน่ายมาได้ครบ 10 ปีแล้ว ซึ่งถ้ามองย้อนกลับไปในปีนั้น เราก็มีเกมที่สุดยอดอย่าง Devil May Cry 4, Grand theft Auto IV และอื่น ๆ อีกมากมาย แต่สำหรับเกมสยองขวัญยังถือว่าแทบไม่มีอะไรให้พวกเราได้เล่นกันเลย จะมีก็แต่ Silent Hill: Homecoming ที่มาตรฐานต่ำกว่าที่ผ่านมาอย่างมาก เรียกว่าเป็นปีที่แฟนเกมสยองขวัญต่างห่อเหี่ยว ไม่มีอะไรมาช่วยให้รู้สึกกระชุ่มกระชวยแม้แต่น้อย
แต่การมาของ Dead Space ผลงานของทีมงานที่คนแทบไม่รู้จักอย่าง EA Redwood Shores หรือ Visceral ทำให้คอเกมสยองขวัญกลับมากระชุ่มกระชวยอีกครั้งหนึ่งในที่สุด
Dead Space เป็นเรื่องราวที่เกิดขึ้นในอนาคตปี 2058 ที่โลกของเราแทบไม่เหลือทรัพยากรเพียงพอต่อจำนวนประชากรอีกต่อไป โลกจึงพัฒนายานขุดทรัพยากรขนาดใหญ่ในชื่อว่า Planet-cracker ออกไปขุดทรัพยากรในดวงดาวอื่น ๆ ในระบบสุริยะจักรวาล แต่แล้ววันหนึ่งยาน USG Ishimura ก็ได้ส่งสัญญาณฉุกเฉินเพื่อขอความช่วยเหลือในบริเวณดาวเคราะห์ Aegis VII เราจะได้รับบทเป็น Isaac Clarke วิศวกรระบบบานอวกาศที่อยู่กับทีมกู้ภัย ซึ่งมาเพื่อตามหาแฟนสาวของตน Nicole และหลังจากที่ขึ้นมาสู่ยาน Ishimura แล้ว ความสยองที่อันตรายถึงชีวิตก็กำลังรอพวกเขาอยู่
Dead Space เป็นเกมที่เรียกได้ว่าฉีกขนบของเกมสยองขวัญไปหลายอย่าง แต่ก็ยังคงนำเสนอความน่ากลัวของเกมอย่างเข้มแข็ง โดยเฉพาะจังหวะ Jump Scare ที่ใส่เข้ามาแบบไม่มีเกรงอกเกรงใจคนเล่นเลยแม้แต่น้อย และที่ผู้เขียนว่าทุกคนที่เล่นรอบแรกต้องตกใจ (เพราะผู้เขียนเองก็เหมือนกัน) ก็คือการยิงฆ่าพวกศัตรูในเกม (หรือที่เรียกกันว่า Necromorph) ที่ถ้าหากคุณยิงหัวพวกมันจะไม่ตายทันที กลับกันจะทำให้พวกมันคลั่งยิ่งขึ้น และการปราบพวกมันก็คือการยิงตัดชิ้นส่วนแขนขาของพวกมันแทน ซึ่งทำให้อาวุธชิ้นแรกสุดอย่าง Plasma Cutter กลายเป็นอาวุธสุดเทพเพราะสามารถเลือกตัดแต่ละส่วนของร่างกายศัตรูได้อย่างที่ต้องการ แต่อาวุธอื่น ๆ ในเกมก็ถือได้ว่าใช้งานได้ดีเช่นกัน รวมไปถึงระบบการอัพเกรดที่ผู้เล่นจะต้องออกสำรวจเพื่อหาเงินและ Node มาอัพเกรดอาวุธและชุดเกราะให้แข็งแกร่งยิ่งขึ้นไปด้วย (และต้องไม่ลืมท่ากระทืบอันเป็นเอกลักษณ์ ที่ช่วยเพิ่มความสะใจให้กับการเล่นขึ้นอีกโข)
อีกสิ่งหนึ่งที่ต้องชมจริง ๆ ก็คือเหล่าศัตรูในเกม พวก Necromorph นั้นมีหลายรูปแบบและน่ากลัวอย่างมาก ทั้งขนาดเท่าคนแต่รูปร่างบิดเบี้ยว ตัวเล็กแต่มากพิษสง หรือตัวใหญ่ที่ไม่รู้ว่าจะต่อกรกับมันอย่างไรดี และที่ขาดไม่ได้ก็คือพวกบอส โดยเฉพาะอย่างยิ่งเจ้า Regenerator ที่ฆ่ายังไงก็ไม่ตายซะที จัดเป็นหนึ่งใน Moment ที่น่ากลัวที่สุดของเกมนี้ไปโดยปริยาย
การมาของ Dead Space ทำให้แฟนเกมสยองขวัญหลายคนปรีดากันอย่างมาก เพราะด้วยการนำเสนอบรรยากาศอันสุดแสนน่ากลัวของยาน Ishimura ที่ถูกรุกรานโดยพวก Necromorph เนื้อเรื่องอันลึกลับซ่อนเงื่อนมีปมเกี่ยวพันมากมาย สำหรับผู้เขียนเองถือว่าเป็นเกมที่ใช้เวลาเล่นกว่าจะจบนั้นนานมาก เพราะในแต่ละฉากมีความกดดันค่อนข้างสูง เรียกว่าเล่นครั้งหนึ่งก็สามารถไปได้แค่หนึ่งหรือสองฉากเท่านั้นก่อนที่จะปิดเกมพักเพื่อเล่นในวันต่อไปเลย
Dead Space ภาคแรกทำผลงานออกมาได้ดีเยี่ยมและขายไปได้กว่า 2 ล้านชุด ได้รับคำชมทั้งจากนักวิจารณ์และผู้เล่นอย่างถล่มทลาย จึงไม่น่าแปลกใจที่จะมีภาคต่อออกมาให้เราได้เล่นกันรวมไปถึงยังมีการสร้างภาพยนตร์อนิเมชั่นและหนังสือการ์ตูนเพื่อขยายเรื่องราวในจักรวาลของ Dead Space ขึ้นไปอีกขั้น และหลังจากนั้น Dead Space 2 ก็วางจำหน่ายตามมาในปี 2011 ที่คราวนี้ทาง EA ทุ่มทุนสร้างมากถึง 60 ล้านเหรียญสหรัฐ ขยายสเกลของเรื่องราวจากแค่ในยาน Ishimura เป็นที่ Sprawl สถานีอวกาศในบริเวณดวงจันทร์ของดาวเสาร์ ที่คราวนี้ตัวเอกของเรา Isaac จะต้องกลับมาเผชิญกับฝันร้ายของฝูง Necromorph และภาพหลอนต่าง ๆ และยังมีภัยคุกคามจากมนุษย์ด้วยกันเองอีกด้วย (และในภาคนี้ Isaac ของเราพูดได้แล้ว ไม่ได้เป็นใบ้แบบภาคแรก) ซึ่งในภาคสองนี้เพิ่มโหมด Multiplayer เข้ามาด้วย แต่ก็ดูเหมือนจะไม่ได้รับความสนใจมากนัก แต่โดยรวมแล้วการสร้างบรรยากาศความน่ากลัวยังคงทำได้ดีอยู่ แต่อาจจะดรอปลงมาจากภาคแรก เพราะฟีลของ Isaac ที่ผ่านเรื่องเลวร้ายมาก่อนในภาคแรกทำให้ฟีลในการเล่นภาคนี้ดูพร้อมรับมือมากกว่าภาคแรกที่เต็มไปด้วยสิ่งที่เราไม่รู้ว่าจะได้เจอกับอะไร แต่ทีเด็ดนั้นผู้เขียนขอยกให้ฉากที่เราได้กลับไปเยือนบนยาน Ishimura อีกครั้งหนึ่งของภาคนี้ซึ่งถือว่าเป็นการย้อนกลับไปหาฝันร้ายในภาคแรกได้อย่างมีจังหวะจะโคนที่ดีที่สุดของภาคนี้เลยทีเดียว
แต่สำหรับภาคที่สามนั้นกลายเป็นภาคที่คอเกมสยองขวัญนั้นไม่ค่อยปลื้มเท่าที่ควร เพราะมันได้กลายเป็นเกม Action แบบ Co-op เต็มรูปแบบไปเสียแล้ว แม้จะยังมีช่วงเวลาชวนสยองให้ได้เห็น(โดยเฉพาะกับคนที่เล่นเป็น John Carver) แต่ตัวเกมก็เน้นไปที่แอคชั่นมากกว่าภาคที่ผ่านมาจนทำให้หลายคนเบือนหน้าหนี แม้ตัวเกมจะยังเล่นได้สนุกอยู่ก็ตาม และเนื้อเรื่องที่ยังคงน่าติดตามเพราะมันได้ขยายสเกลเรื่องราวไปถึงโลกแล้ว แต่น่าเสียดายที่เราคงไม่มีโอกาสได้เห็นภาคต่อของเกม เพราะ Visceral Games ได้ปิดตัวไปเมื่อปี 2017 ที่ผ่านมา ทำให้เรื่องราวของ Dead Space นั้นค้างเติ่งอยู่แบบนั้นจนถึงทุกวันนี้
แม้จะน่าเสียดายที่พวกเราอาจจะไม่มีโอกาสได้เห็นภาคต่อของ Dead Space อีกต่อไปแล้ว แต่เกมเมอร์หลายคนก็ให้การยอมรับว่าตัวเกมนั้นช่วยดึงความสนใจให้กับเหล่าเกมเมอร์หันมาสนใจเกมแนวสยองขวัญสไตล์ Survival Horror ให้กลับมาอยู่ในกระแสได้อีกครั้งหนึ่งในปี 2008 รวมไปถึงบางคนยังยกให้เกมนี้น่ากลัวกว่า Resident Evil 5 ที่ออกมาในภายหลังอีกด้วย ซึ่งผู้เขียนว่าสักวันหนึ่งทาง EA จะปลุกผีซีรีส์นี้ขึ้นมาสร้างภาคต่ออีกครั้งหนึ่งเพื่อจบเรื่องราวของ Isaac Clarke และเหล่า Necromorph ลงอย่างสมบรูณ์ในอนาคตครับ
