Demon’s Souls ฉบับรีเมค คือเกม Exclusive เรือธงในช่วงวางจำหน่ายเครื่อง PlayStation 5 ที่มีทั้งความสดใหม่ของกราฟิกระดับ Next-gen และยังคงซึ่งเนื้อหาดั้งเดิมจากเกมต้นฉบับเอาไว้อย่างเหนียวแน่น
แม้ว่าเกมนี้จะควรค่าแก่การเล่น แต่ด้วยความเป็นเกมโซลส์ ก็ทำให้ยังคงขึ้นชื่อในเรื่องความยากของ Bossfight อันชวนให้ท้อได้อยู่เหมือนกัน
ด้วยเหตุนี้ เราจึงได้รวบรวมวิธีปราบบอสทั้งหมดของเกมมาไว้ เผื่อว่าจะช่วยให้ไม่ต้องติดอยู่กับบอสตัวไหนนานจนเกินไป และมีเวลาได้ไปสนุกกับเนื้อหาถัดไปของเกมกันต่อ
ระวัง ! ไกด์นี้จะเป็นการเปิดเผยรายชื่อบอสทั้งหมด หากใครยังไม่เคยเล่นเกมต้นฉบับ และอยากลุ้นหน้าตาของบอสด้วยตัวเอง ให้ใช้วิธีค้นหาชื่อ เพื่อเจาะจงดูวิธีปราบบอสเป็นรายตัวจะดีที่สุด
.
World 1 : Boletarian Palace (ปราสาทโบเลทาเรีย)
Phalanx (ฟาลังซ์)
1-1 : Gates of Boletaria (ประตูสู่โบเลทาเรีย)
บอสตัวแรกของเกม ที่มาให้ผู้เล่นได้ลองเชิงกันก่อน กับรูปแบบปราการโล่อันแน่นหนา แต่มีจุดอ่อนถึงตายอยู่ที่ว่าพวกมันแพ้ไฟ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
.
Tower Knight (อัศวินหอคอย)
1-2 : The Lord’s Path (เส้นทางแห่งพระเจ้า)
ปราการร่างยักษ์สุดทรงพลัง อันตรายทั้งระยะใกล้-ไกล ต้องอาศัยความใจเย็น รอบคอบ และสังเกตท่าที่บอสจะโจมตีต่อไปให้ดี
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
.
Penetrator (อัศวินจอมทะลวง)
1-3 : Inner Ward (ห้องโถงด้านใน)
อัศวินที่มีท่าโจมตีด้านหน้าอันตรายมาก จึงควรเน้นไปที่การอ้อมตลบหลังเป็นหลัก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
.
Old King Allant (กษัตริย์เฒ่าอัลลานต์)
1-4 : The King’s Tower (หอคอยแห่งกษัตริย์)
กษัตริย์จอมปลอมแห่งโบเลทาเรีย ที่ถือว่ามีท่วงท่ารุนแรงและอันตรายที่สุดในเกม ต้องการเลือดปริมาณที่เยอะ ทั้งค่า Status และอาวุธควรจะอยู่ในช่วงท้ายเกมแล้ว เพื่อเพิ่มโอกาสรอดชีวิต
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
.
World 2 : Stonefang Tunnel (อุโมงค์เขี้ยวศิลา)
Armour Spider (แมงมุมหุ้มเกราะ)
2-1 : Smithing Grounds (โรงตีอาวุธ)
หนึ่งในบอสที่มีความกวน อีกทั้งเป็นอันตรายหากเข้าผิดมุม โดยมุมที่ปลอดภัยที่สุดคือตรงกลางลำตัว และโจมตีใส่ในระยะประชิด
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
.
Flamelurker (ปิศาจเพลิงแฝงกาย)
2-2 : The Tunnel City (นครอุโมงค์)
ปิศาจแห่งเปลวเพลิงที่มีท่าโจมตีดุดัน และหากจำเป็นต้องประชิดตัว ก็ควรเตรียมแหวนต้านทานไฟเอาไว้เป็นอย่างน้อย เพื่อช่วยลดความเสียหายที่จะเกิดขึ้นจากการโดนเผา
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
.
Dragon God (เทพมังกร)
2-3 : Underground Temple (วิหารใต้พิภพ)
ด้วยรูปร่างความอลังการของมัน ทำให้ไม่สามารถเผชิญหน้าตรง ๆ ได้ และจะมาในเชิงพัซเซิลมากกว่า ซึ่งพอรู้ปริศนาแล้ว การปราบมันก็ไม่ใช่เรื่องยากอีกต่อไป
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
.
World 3 : Tower of Latria (หอคอยแห่งลาเทรีย)
Fool’s Idol (เทวรูปของผู้ขลาดเขลา)
3-1 : Prison of Hope (เรือนจำแห่งความหวัง)
บอสสายป่วนผสมลับสมองประลองปัญญา ที่ให้เน้นการดูวงแหวนที่พื้นเป็นหลัก ในรอบแรกจะบอกตำแหน่งไว้ให้ทราบ ก็คอยระวังอย่าไปเหยียบ เพราะจะโดน Stun ได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
.
Maneater (ปิศาจกินคน)
3-2 : Upper Latria (ลาเทรียชั้นบน)
น่าจะเป็นบอสที่น่าปวดหัวที่สุด ถ้าเป็นไปได้ก็ควรกำจัดตัวแรกให้ตายก่อนที่ตัวที่สองจะมา และไม่ควรล็อคเป้ามันไว้ เพราะมันอยู่ไม่สุข พาลจะเวียนหัวได้ง่าย ๆ
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
.
Old Monk (นักบวชเฒ่า)
3-3 : The Ivory Tower (หอคอยงาช้าง)
สังเวียนแห่งการ PvP ที่ต้องบอกว่าความยากง่ายก็แล้วแต่บุญกรรมว่าจะได้เจอกับผู้เล่นแบบไหน
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
.
World 4 : Shrine of Storms (ศาลสักการะแห่งวายุ)
Adjudicator (ตุลาการ)
4-1 : Island’s Edge (ขอบหน้าผา)
บอสสุดบึกบึน ที่มีจุดอ่อนอยู่ที่หัวชนิดเห็นได้อย่างชัดเจน ง่ายต่อการลอบยิงจากระยะไกล
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
.
Old Hero (วีรชนเฒ่า)
4-2 : The Ritual Path (เส้นทางพิธีกรรม)
ศัตรูร่างยักษ์ มาพร้อมท่าโจมตีอันรุนแรง ทว่าเขานั้นมองไม่เห็น และสามารถที่จะอาศัยจุดนี้เพื่อย่องเข้าไปโจมตีได้
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
.
Storm King (ราชาวายุ)
4-3 : Altar of Storms (แท่นบูชาแห่งวายุ)
ราชาร่างยักษ์กลางเวหา ที่สามารถถูกสะกดได้อย่างง่ายดาย ด้วยดาบ Storm Ruler ที่มีให้หยิบมาใช้ตรงบริเวณกลางฉาก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
.
World 5 : Valley of Defilement (หุบเขามลทิน)
Leechmonger (ฝูงปลิง)
5-1 : Depraved Chasm (หุบเหวชั่วช้า)
บอสที่เชื่องช้าและสามารถปราบลงได้อย่างไม่ยากนัก หากเล่นสายระยะประชิดก็สามารถปิดเกมได้ด้วยการฟันรัว ๆ เพียงไม่กี่ชุดเท่านั้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
.
Dirty Colossus (ยักษ์โสมม)
5-2 : Swamp of Sorrow (หนองน้ำแห่งความเศร้าหมอง)
อีกหนึ่งบอสที่สามารถปราบลงได้ไม่ยาก เน้นโจมตีจากด้านหลัง และระวังเพียงแค่กลุ่มแมลงที่จะกัดกินให้เลือดลดลงเรื่อย ๆ เท่านั้น
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
.
Maiden Astraea (อาสตรายาผู้ถือพรหมจรรย์)
5-3 : Rotting Haven (ที่พักพิงอันเน่าเปื่อย)
หญิงสาวและผู้อารักขาที่ไม่ประสงค์จะต่อสู้ สามารถเลือกยิงธนูจากระยะไกลเพื่อฆ่า Astraea ได้ หรือจะสู้กับ Garl Vinland ก็ได้เช่นกัน ซึ่งไม่ยากนัก เพราะเขาเน้นตั้งการ์ดเป็นหลัก
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมได้ที่นี่
.
สำหรับวิธีการปราบบอสเหล่านี้ เราก็หวังว่าจะช่วยคุณได้บ้างไม่มากก็น้อย เพื่อที่จะได้สนุกไปกับเกม อันต้องบอกว่าเป็นอีกครั้งที่ Bluepoint Games ทำให้แฟน ๆ ต้องทึ่ง กับคุณภาพการรีเมคระดับล้นแก้ว ของจุดเริ่มต้นตำนานเกมเวียนว่ายตายเกิดอย่าง Demon’s Souls