ถ้าหากพูดถึงเกมแข่งรถสมจริงที่เล่นยากมาก และสร้างความร้อนให้กับเกมเมอร์มาแล้วหลายราย ก็คงไม่มีทางหนีพ้น DiRT Rally เกมแข่งรถแบบ Rally โดยทีมงาน Codemasters ที่มีประสบการณ์สร้างผลงานเกมแข่งรถมาแล้วหลายเกมเช่น GRID และซีรีส์เกม F1 ที่ออกวางจำหน่ายภาคใหม่ทุกปี
แต่ทำไม DiRT Rally จึงกลายเป็นเกมแข่งรถที่หลายคนกล่าวขานจนถึงทุกวันนี้ และกลายเป็นหนึ่งในผลงานชิ้นโบแดงของ Codemasters บทความนี้จะทำให้คุณเข้าใจเกมนี้มากยิ่งขึ้น
DiRT Rally และ DiRT ไม่เหมือนกัน
หลายคนอาจจะเข้าใจว่า DiRT Rally เป็นเกมภาคหลัก แต่ความจริงแล้ว เกมดังกล่าวเป็นเกมภาคสปินออฟที่แยกตัวออกมาจากแฟรนไชส์ DiRT ซึ่งทีมพัฒนาเกม Codemasters ตั้งเป้าหมายอย่างชัดเจนว่า DiRT Rally ต้องเป็นเกม DiRT รูปแบบสมจริงที่มีระบบฟิสิกส์ ความรู้สึกการขับขี่ รวมถึงการออกแบบแผนที่สนามแข่งใหม่ทั้งหมดตั้งแต่เริ่มต้น หรือหมายความว่า DiRT ภาคหลักจะเป็นการแข่งขันสไตล์อาเคดสนุกสนาน ในขณะที่ DiRT Rally เป็นการแข่งขันแบบซีเรียส มีความยากท้าทายระดับ Dark Souls ของเกมรถแข่งนั้นเอง
เดิมที DiRT Rally เป็นโปรเจกต์เกมขนาดเล็กที่พัฒนาโดยทีมงาน Codemasters บางกลุ่ม รวมถึงบริษัทยังไม่มีแผนเร่งรีบพัฒนาเกมดังกล่าวอย่างเต็มกำลัง ทำให้เกมดังกล่าวเปิดตัวครั้งแรกในฐานะ Early Access ให้ทุกคนซื้อเกมมาทดลองเล่นบน Steam ในปี 2015
แต่อย่างไรก็ตาม เนื่องจาก DiRT Rally มีกระแสตอบรับดีมากจากนักเล่นเกมแข่งรถหลายคน รวมถึงสื่อเกมหลายแห่งอย่างไม่คาดคิดมาก่อน ทำให้ทีมงานเริ่มมีกำลังใจสร้างเกมต่อไปจนสามารถพัฒนาตัวเกมเสร็จสิ้น แล้วพร้อมเปิดวางจำหน่ายเกมอย่างเต็มรูปแบบ (อัปเดตเวอร์ชัน 1.0) ในปีเดียวกัน และเปิดวางขายบนแพลตฟอร์ม PlayStation 4 และ Xbox One ในปี 2016 รวมถึงถูกพัฒนาเป็นเกมภาคต่อชื่อว่า DiRT Rally 2.0 ซึ่งมาพร้อมคอนเทนต์ใหม่มากมาย เช่น Rallycross
แน่นอนว่า DiRT Rally มันจะต้องไม่ใช่เกมแข่งรถธรรมดา ๆ เพราะแม้แต่เกมเมอร์ทั่วไปยังรู้จักชื่อเกมดังกล่าว ทั้งที่เกมแข่งรถเป็นเกมเฉพาะกลุ่มที่ไม่แมสเท่ากับเกม FPS หรือเกมกีฬาฟุตบอล ซึ่งสิ่งที่ทำให้ DiRT Rally มีชื่อเสียงในวงการเกมแข่งรถจนทุกวันนี้ ก็เพราะความยากท้าทายของเกมดังกล่าวจัดอยู่ในระดับ “มหาโหด” ที่ไม่มีเกมแข่งรถเกมไหนนั้น “ยาก” เท่ากับ DiRT Rally อีกแล้ว
เหมือนที่กล่าวไว้ข้างต้น DiRT Rally เปรียบเสมือนเป็น Dark Souls ของเกมแข่งรถ เพราะตัวเกมมีชื่อเสียงด้านความยากท้าทายที่โหดมาก จนแม้แต่เกมเมอร์ที่ผ่านประสบการณ์เล่นเกมแข่งรถหลายเกม ยังต้องประสบปัญหาในการปราบเกมดังกล่าว แต่เพราะอะไรทำไมเกมนี้จึงเล่นยาก นี่คือตัวอย่างฟีเจอร์เกมอันโดดเด่นของ DiRT Rally ที่เกมแข่งรถเกมอื่นไม่มี
Perfectionist เป็นกุญแจสำคัญสำหรับการเอาชนะ DiRT Rally
ปกติแล้วความยากของเกมแข่งรถแบบสมจริง ส่วนใหญ่จะเน้นการควบคุมรถยนต์ที่เราไม่ถนัด การปรับแต่งจูนรถยนต์ให้เหมาะกับสไตล์การเล่นเกมของตัวเอง และทดสอบความอดทนจากการแข่งขันในเวลา 10 นาที ถึง 24 ชั่วโมงขึ้นไป
สำหรับ DiRT Rally มีระบบความยากอย่างหนึ่งที่ทำให้ตัวเกมยากขึ้นไปอีกระดับ คือระบบ A.I. ค่อนข้าง Perfectionist สามารถทำเวลาเข้าถึงเส้นชัยด้วยเวลาที่ดี สมกับเป็นนักแข่งขันระดับมืออาชีพหรือมือสมัครเล่นในชีวิตจริง ทำให้เกมเมอร์จะต้องแข่งรถไปให้ถึงเส้นชัยได้เร็วที่สุดเท่าที่ทำได้
แต่มันไม่ใช่เรื่องที่ง่ายดายขนาดนั้น เนื่องจาก DiRT Rally เป็นการแข่งขันรถยนต์แบบ Rally ที่เกมเมอร์ต้องใช้สมาธิเล่นเกมอย่างจริงจัง ด้วยการใช้สายตามองถนน แล้วใช้หูฟังเพื่อนร่วมคนขับที่จะคอยบอกไกด์เส้นถนนที่กำลังอยู่ด้านหน้า รวมถึง HUD ไม่มีหน้าต่าง Mini-Map โชว์เส้นถนน รวมถึงถนน (บางสนาม) มีลักษณะขรุขระมากจนเกิดอุบัติเหตุได้ง่ายมาก ทำให้ระหว่างการแข่งขันต้องมีสมาธิอยู่ตลอดเวลา
นอกจากนี้ ระบบ Penalty หรือการทำโทษผู้เล่นก็จัดว่าไม่มีความปรานีเลยแม้แต่นิดเดียว ถ้าหากเกมเมอร์ขับรถออกจากสนาม ขับรถคว่ำ หรือขับชนผู้ชมการแข่งขัน ผู้เล่นจะถูก Respawn ใหม่ พร้อมทำโทษด้วยการบวกเวลาเพิ่มราว 15-25 วินาที ซึ่งทำให้ผู้เล่นหลุดจากตำแหน่งอันดับหนึ่งได้อย่างง่ายดาย รวมถึงรถยนต์ของเราก็ค่อนข้างเปราะบาง หากชนกับวัตถุเยอะ หรือรถตีลังกาบ่อย ก็ส่งผลลัพธ์ทำให้เครื่องยนต์ เกียร์เสียหาย หรือยางรถยนต์แตกระหว่างการแข่งขัน
แต่อย่างน้อย ตัวเกมก็ยังพอมีความใจดีอยู่บ้าง เพราะ Career Mode ของ DiRT Rally มีเงื่อนไขการชนะว่า ขอเพียงแค่ผู้เล่นสามารถเอาชนะในอันดับตรงตามเงื่อนไขที่ตั้งไว้ เช่น ชนะทัวร์นาเมนต์ในอันดับที่ 6 ขึ้นไป เพียงเท่านี้ ผู้เล่นจะสามารถไต่แรงก์ขึ้นไปอีกระดับได้ ซึ่งแน่นอนว่ายิ่งผู้เล่นมีแรงก์สูงเท่าไหร่ ความยากท้าทายและความ Perfectionist ก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ซึ่งหากผู้เล่นพ่ายแพ้ในการแข่งทัวร์นาเมนต์ เกมเมอร์จะต้องถูกทำโทษด้วยการลดแรงก์ แล้วเล่นอีเวนท์ทัวร์นาเมนต์เก่าซ้ำอีกหนึ่งรอบ
DiRT Rally คือเกมแข่งรถยนต์ที่ยากที่สุดในตอนนี้ก็ว่าได้
แม้ระบบความยากของเกม DiRT Rally จะโหดเกินไปจนไม่ปรานีต่อผู้เล่นหน้าใหม่ และทำให้ใครหลายคนต้องยอมแพ้กับเกมดังกล่าว แต่ความยากท้าทายสไตล์ DiRT Rally สามารถถูกอกถูกใจผู้เล่นสายฮาร์ดคอร์ไม่มากก็น้อย เนื่องจากเป็นการบีบบังคับให้ผู้เล่นต้องศึกษาถนนเส้นทางอย่างรอบคอบ, ทดสอบสมรรถภาพของรถยนต์ และแข่งขันสนามซ้ำ ๆ หลายรอบ เพื่อให้ได้เป็น “มาสเตอร์” ของเกม DiRT Rally ซึ่งจัดว่าเป็นประสบการณ์การเล่นเกมแข่งรถแบบใหม่ที่นำเสนอความยากท้าทายระดับโหดหิน แต่มีความแฟร์ สมเหตุสมผล กับต้องรู้สึกภาคภูมิใจทุกครั้ง เมื่อผู้เล่นสามารถเอาชนะการแข่งขันด้วยการรักษาตำแหน่งทัวร์นาเมนต์จนจบที่อันดับหนึ่ง