เป็นวิธีที่ทำตามได้ง่าย หรือจะปรับใช้ให้เข้ากับตัวเองก็ได้เช่นกัน
Promised Consort Radahn / Radahn Consort of Miquella (ราดาห์น ราชาแห่งพันธสัญญา / ราดาห์น ราชาแห่งมิเคล่า)
สถานที่ – Shadow of the Erdtree :
- Enir-Ilim (อีเนียร์ อิลลิม)
ความยาก : 10/10 (สู้ปกติ), 4/10 (เล่น Build ที่เราแนะนำ)
- ควรเตรียมตัวมาให้พร้อมที่สุด แนะนำว่าบัฟ Scadutree Blessing (ความคุ้มครองแห่งพฤกษาเงา) ควรสูงกว่าเลเวล 10
- ท่าโจมตีบอสซับซ้อนและแรงมาก เราจึงแนะนำให้เล่น Build ต่อไปนี้ เพื่อเอาชนะได้อย่างปลอดภัย และไม่ยากจนเกินไป
เงื่อนไข Build
- มีทรัพยากรพอให้ตีบวกอาวุธ 1 ชิ้นได้จน +25
- ต้องเตรียมอาวุธ / อุปกรณ์นิดหน่อย แต่สามารถหาได้ง่ายมาก ๆ เน้นใช้ของที่มี หรือของที่น่าจะต้องได้มาอยู่แล้วก่อนเข้า DLC นี้
อาวุธ / อุปกรณ์ที่ต้องเตรียม
1. มือซ้าย : ถือ Greatshield (โล่ใหญ่) อะไรก็ได้ที่ป้องกันกายภาพ 100% / มีค่า Boost (เสริมพลังป้องกัน) เยอะสุดเท่าที่เราถือได้, เกิน 75 กำลังดี / ตีบวกให้สูงที่สุด เท่าที่ไหว
2. มือขวา : ถือ Thrusting Swords (ดาบแทง) อะไรก็ได้ที่เราถือได้และมีค่าโจมตีสูงสุด / ติดตั้ง Ash of War (เถ้าสงคราม) ลงไปได้ / ตีบวก 25
3. เถ้าสงคราม : Seppuku (คว้านท้อง) ติดตั้งไว้ที่ดาบ ปรับแต่งให้เป็นแบบติดสถานะเลือดออก
4. ชุดเกราะ : เกราะหัวใช้เป็น White Mask (หน้ากากขาว) ส่วนที่เหลือใช้อะไรก็ได้ให้ตัวเราถึกที่สุด และน้ำหนักยังอยู่ระดับปานกลาง
5. เครื่องราง
- Green Turtle Talisman (เครื่องรางเต่าเขียว) หรือ Two-Headed Turtle Talisman (เครื่องรางเต่าเขียวสองหัว) : เต่าเขียวสองหัว หาได้จากถ้ำหลังน้ำตก ใกล้ ๆ ดันเจี้ยน Rivermouth Cave (ถ้ำปลายน้ำ) ใน DLC นี้
- Lord of Blood’s Exultation (ความรื่นเริงของราชาโลหิต) : ควรมี เพิ่มพลังโจมตีให้ Build นี้
- Pearl Shield Talisman (เครื่องรางโล่ไข่มุก) : ไว้ลดความเสียหายเวทที่ตีทะลุโล่เข้ามา เก็บได้จากหีบในค่ายทหารใกล้ ๆ Ancient Ruins Base Site of Grace (พร – เชิงซากโบราณสถาน)
- ถ้าไม่มี Pearl Shield Talisman ใช้เป็น Pearldrake Talisman (เครื่องรางตรามังกรไข่มุก) +2 / +3 แทนได้ ลดดาเมจได้ดีรองลงมา
วิธีสู้บอส
- บอสแพ้ท่าประเภทแทง และติดสถานะเลือดออกได้ ดังนั้นอาวุธของเราจะได้เปรียบมาก
- Build นี้ ทำให้เรายกโล่แล้วเอาดาบแทงได้เลยแบบมึน ๆ โดยไม่ต้องปล่อยโล่ จึงสามารถชนหน้ากับบอสได้ประมาณหนึ่ง
- เมื่อแทงไปสักพัก บอสจะติดสถานะเลือดออก และ HP จะหายไปเยอะมาก
- ไม่ควรเรียก NPC มาช่วยสู้ เพราะจะทำให้ HP บอสเยอะขึ้น แนะนำให้ใช้อัญเชิญ Mimic Tear (หยาดร่างลอกแบบ) ช่วยดึงความสนใจบ้างก็เพียงพอแล้ว
- ควรอัญเชิญมาตั้งแต่ตอนเริ่มสู้เลย แต่บอสมักจะกระโดดเข้ามาฟันเราไวมาก ๆ จึงแนะนำให้ใส่ Opaline Bubbletear (หยาดฟองสีไข่มุก) ไว้ในขวดน้ำอมฤต แล้วกินตั้งแต่ก่อนเข้าห้องบอส เพื่อลดดาเมจในการโจมตีครั้งแรก
- Build นี้ แทบไม่ต้องกลิ้งหลบ (ถ้าไม่โดนโจมตีจนล้ม) เน้นแค่บริหารค่า Stamina ให้มีเหลือใช้อยู่เสมอ
- ยกโล่ค้างไว้เกือบตลอดเวลา จังหวะที่ควรปล่อยโล่ มีแค่ตอนที่ Stamina ใกล้หมด กับตอนที่บอสโจมตีเสร็จหนึ่งทีแล้วกำลังง้างดาบ (เครื่องรางเต่าเขียวจะช่วยฟื้น Stamina ไวมาก ๆ)
- ท่า Seppuku (คว้านท้อง) ใช้บัฟดาบของเราก่อนเริ่มสู้ ถ้าบัฟหมด ให้กดบัฟใหม่ตอนที่บอสกำลังหันหลังไปตี Mimic Tear อยู่ หรือกดตอนเริ่มเข้าเฟส 2
- ถ้าโล่ของเรามีท่าพิเศษติดมาด้วย ให้สลับมือซ้ายไปว่าง ๆ ก่อน, แล้วค่อยกดใช้ท่า Seppuku แล้วสลับคืนมาเป็นโล่เหมือนเดิม
- ในเฟส 2, บอสจะมีท่าใหม่+โจมตีธาตุแรงขึ้น แต่เราก็ยังสู้ด้วยวิธีเดิม แค่อาจจะต้องกินยาบ่อยขึ้น เพราะหลาย ๆ ท่า โล่ก็กันได้ไม่หมด
- บอสจะมีท่าจับตัวเราแล้วติดดีบัฟไว้ ถ้าโดนดีบัฟนี้อีกรอบจะตายเลยทันที จริง ๆ แล้วท่านี้มีไอเท็มแก้ทางอยู่ แต่เราแนะนำให้วัดดวงไปเลย
- บอสอาจจะใช้ท่าดังกล่าวกับ Mimic Tear แทน หรือถ้ามันเล็งมาที่เรา ก็พยายามกลิ้งหลบให้พ้น ซึ่งถ้าไม่พ้นก็ไม่เป็นไร เพราะ Build นี้แรงพอที่จะชนะได้ก่อนบอสใช้ท่ารอบ 2
- ท่าที่บอสบินขึ้นฟ้าแล้วหายไปสักพักเพื่อเตรียมพุ่งลงมา ให้วิ่งหนีออกมาไกล ๆ ไม่ต้องยกโล่รอรับ เพราะอาจจะผิดทิศแล้วตายได้เลย
- โดยรวมคือเน้นยกโล่ค้าง และย่อ ชิด ยก จ้วง แทง ไปเรื่อย ๆ ก็จะผ่านบอสตัวนี้ไปได้ สิ้นสุดกันที !
- ตัวอย่างการสู้บอสด้วย Build นี้