Everybody’s Golf เป็นเกมกอล์ฟของ PlayStation ในดวงใจหลายคนที่ยังคงรับความนิยมในคอมมูนิตี้เกมกีฬาจนถึงตอนนี้ ด้วยระบบเกมเพลย์ที่มีเอกลักษณ์เป็นตัวเอง แต่มีความสนุกสนานและทุกคนสามารถเข้าถึงได้ แม้แฟรนไชส์ดังกล่าวดำเนินมานานกว่าสองทศวรรษแล้วก็ตาม
และนี่คือบทความที่จะทำให้ท่านเข้าใจซีรีส์เกมนี้มากขึ้นว่าทำไมเกมดังกล่าวจึงได้รับการยอมรับจากเกมเมอร์สายกีฬาว่าเป็นเกมกอล์ฟระดับแนวหน้าในตอนนี้ ไปรับชมกันได้เลยครับ
Everybody’s Golf คืออะไร
Everybody’s Golf หรือมีชื่อเรียกว่า Minna no Golf ในประเทศญี่ปุ่น (และอดีตมีชื่อว่า Hot Shots Golf ในประเทศอเมริกา) เป็นเกมที่พัฒนาโดยทีมงาน Clap Hanz กับ SIE Japan Studio (ยกเว้นเกมภาคแรกพัฒนาโดย Camelot Software Planning) เป็นเกมกีฬาประเภทกอล์ฟ กำเนิดขึ้นในปี 1997 บนแพลตฟอร์ม PlayStation ซึ่งเกมดังกล่าวสร้างชื่อเสียงให้เกมกีฬาด้วยระบบเกมเพลย์ที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้ แต่การเล่นให้เก่งจำเป็นต้องอาศัยการฝึกฝนและโชคช่วยเป็นบางส่วน ทำให้ซีรีส์เกมนี้เป็นที่นิยมอย่างมากสำหรับกลุ่มเด็กโตจนถึงวัยรุ่น
ซีรีส์ Everybody’s Golf ดำเนินมาตั้งแต่ปี 1997 จนถึงปี 2017 ซึ่งเป็นเกมกอล์ฟเพียงไม่กี่เกมที่สามารถหาเล่นได้ในปัจจุบัน เนื่องจากเป็นเกมค่อนข้างเจาะจงเฉพาะกลุ่ม และเป็นเกมกีฬาที่ไม่ค่อยพบเห็นได้ในท้องตลาด (ไม่นับเกม Minigolf นะ) หรือรับความยอดนิยมเท่ากับเกมฟุตบอลหรือบาสเกตบอล แต่เพราะด้วยสาเหตุบางอย่าง ซีรีส์นี้ยังคงครองใจชาว PlayStation จนถึงทุกวันนี้ แล้วเพราะอะไรนั้น มีดังนี้
เกมกอล์ฟทุกคนสามารถเล่นได้
กฎการเล่น Everybody’s Golf คล้ายการเล่นกอล์ฟในชีวิตจริง สนามกอล์ฟแต่ละสนามจะมีทั้งหมด 18 หลุม แต่ละหลุมมีจำนวน PAR ที่แตกต่างกัน (ขึ้นอยู่กับขนาดความใหญ่ของสนาม) โดยผู้เข้าแข่งขันต้องตีกอล์ฟไม่เกินกับจำนวนเทิร์นที่ PAR กำหนดไว้ ยกตัวอย่างเช่น ถ้าหากหลุมหนึ่งกำหนดไว้ว่า PAR 5 ผู้เล่นต้องหวดกอล์ฟให้ลงหลุมไม่น้อยกว่า 5 เทิร์น โดยการตีลงหลุมจะมีชื่อเรียกแตกต่างกันดังนี้
- Albatross หรือ Double Eagle ตีลูกกอล์ฟลงหลุมเพียง 2 เทิร์น เฉพาะสนามกอล์ฟ PAR 5
- Eagle ตีลูกกอล์ฟลงหลุมเพียง 2 เทิร์น สำหรับสนามกอล์ฟ PAR 4 หรือ 3 เทิร์นใน PAR 5
- Birdie ตีลูกกอล์ฟลงหลุมใน 3 เทิร์น สำหรับสนามกอล์ฟ PAR 4 หรือ 2 เทิร์นใน PAR 3
- PAR ตีลูกกอล์ฟลงหลุมจำนวนเทิร์นตรงกับที่ PAR กำหนดไว้ (เช่น ตีกอล์ฟลงหลุมใน 4 เทิร์น ในสนาม PAR 4)
- Bogie ตีลูกกอล์ฟเกินกว่าจำนวน PAR ที่กำหนดไว้ ยิ่งเกินมากเท่าไหร่จำนวนคะแนนติดบวกจะยิ่งเพิ่มขึ้นเท่านั้น
- Hold In One ตีลูกกอล์ฟลงหลุมเพียงแค่ครั้งเดียว
โดยกฎการเอาชนะแข่งขันก็เข้าใจง่ายเช่นกัน ในการตีกอล์ฟ 18 หลุม หรือ 9 หลุม ผู้เล่นต้องสะสมคะแนนติดลบจากการทำ Birdie, Eagle, Albatross หรือ Hold In One โดยผู้เล่นไหนที่ทำคะแนนติดลบมากที่สุด คนนั้นเป็นฝ่ายชนะ
นอกจากกฎของเกมจะเข้าใจง่ายแล้ว วิธีการเล่นเกมก็เล่นง่ายอีกด้วย หลังจากเกมเมอร์เลือกตำแหน่งที่ตีเสร็จแล้ว ด้านล่างจะมีเกจพลังให้ผู้เล่นกดแรงตีและกดจังหวะให้ตรงช่อง เพื่อตีลูกกอล์ฟให้ตรงเป้า หากกดไม่ตรงช่อง มีโอกาสทำให้ตีลูกเบี้ยว หรือเลวร้ายสุดคือตีไม่โดนลูกกอล์ฟทำให้เราเสียเทิร์นไปแบบฟรี ๆ
แน่นอนว่าผู้เล่นต้องพบกับอุปสรรคมากมายระหว่างการแข่งขัน ไม่ว่าจะเป็นสภาพอากาศแปรปรวน สภาพแวดล้อมบดบัง ลมพัดแรงจนพาลูกกอล์ฟไปที่ที่เราไม่ต้องการ ภูมิประเภทเอียงเกินไปจนทำการพัตต์ลงหลุมลำบาก หรือลูกกอล์ฟตกสนามหญ้าหรือทรายโดยไม่ได้ตั้งใจ ทำให้การเล่นเกมนี้เต็มไปด้วยความลุ้นระทึก และต้องฝึกฝนเป็นเวลานานเพื่อให้เกมเมอร์เชี่ยวชาญเกมนี้
มาจนถึงตอนนี้ เกมเมอร์อาจนึกเกมออนไลน์ PangYa เป็นเกมแรก เพราะมีระบบเกมเพลย์ที่คล้ายกันเหมือนได้รับแรงบันดาลใจมา แต่ความจริงแล้ว มีองค์ประกอบบางอย่างของ PangYa และ Everybody’s Golf ที่มีแตกต่างกัน อย่างเช่นการออกแบบสนามกอล์ฟในปังย่าจะมีความเป็นแฟนตาซี ในขณะ Everybody’s Golf มีความสมจริงมากกว่า รวมถึงทักษะพิเศษของเกมดังกล่าวจะมีน้อยกว่าปังย่า ทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมจึงมีอรรถรสแตกต่างกัน
แต่โดยรวมแล้ว ด้วยการออกแบบเกมเพลย์เล่นง่าย แต่มีระบบคำนวนที่ซับซ้อนยิ่งขึ้นจากการพัฒนาภาคต่อ ซึ่งมีการปรับปรุงระบบฟิสิกส์กับความสมจริงมากขึ้น ทำให้เป็นเกม Easy to Play, Hard to Master ที่ผู้เล่นหลายคนต่างหมดเวลาไปกับ Singleplayer และ Multiplayer อย่างการฝึกฝน, ทำลายสถิติ Leaderboard หรือทำผลลัพธ์การแข่งขันที่แตกต่างจากเดิมให้จนได้ ก็ต้องบอกเลยว่าเป็นเกมกีฬาเน้นสมาธิมากกว่าการตะลุยอย่างแท้จริง
นอกจากนี้ เกมทุกภาคต้องมาพร้อมระบบ Local Multiplayer ที่สามารถเล่นเกมพร้อมกัน 2-4 คนได้ในห้องเดียว นี่จึงเป็นเกมเหมาะสำหรับการปาร์ตี้กับเพื่อนที่สามารถหาเล่นได้ใน PlayStation อีกด้วย
คอนเทนต์เยอะ
นอกจากเกมเพลย์จะเข้าใจง่ายแต่สนุกสนานแล้ว มีอีกสิ่งหนึ่งที่ทำให้เกมเมอร์หลายคนต่างติดพันกับเกมตระกูลนี้ ก็คือจำนวนคอนเทนต์ที่มีให้ปลดล็อกมากมายในเกมเดียว หากนับเฉพาะ Singleplayer เท่านั้น เกมเมอร์จะต้องเข้าร่วมอีเวนท์ทัวร์นาเมนต์ แล้วแข่งขันกอล์ฟกับ AI เพื่อสะสมแต้มสำหรับปลดตัวละคร ไอเทม สนามกอล์ฟ หรือนำเงินจากการแข่งขันไปซื้อไอเทมตกแต่งตัวละคร เช่น เสื้อผ้า กางเกม รองเท้า เครื่องประดับ หรือแม้กระทั่งไม้กอล์ฟหรือลูกกอล์ฟที่คุณสมบัติเพิ่มบัฟหรือเนิร์ฟความสามารถแตกต่างกัน
ระบบ Progression จึงไม่ค่อยมีอะไรซับซ้อน เพราะเกมนี้เน้นใช้ทักษะการเล่นกับโชคในสถานการณ์นั้น ๆ ทำให้เกมการเล่นไม่มีระบบ RPG เข้ามาเกี่ยวข้องและมีความคืบหน้าเป็นเส้นตรง รวมถึง Microtransactions ไม่ค่อยมีความจำเป็นซะเท่าไหร่ นอกเหนือจากซื้อไอเทมตกแต่งตัวละครแบบ Exclusive ซึ่งมีเวลาจำกัด
สนามกอล์ฟก็มีความท้าทายเฉพาะตัวเช่นกัน สนามกอล์ฟในเกมมีตั้งแต่การออกแบบสุดเบสิกที่เห็นสามารถพบได้ในเมือง ไปจนถึงสนามกอล์ฟที่มีภูมิประเทศซับซ้อน และสร้างความท้าทายกับปวดหัวให้เกมเมอร์ทุกคนอีกด้วย แต่ก็เป็นการเสริมความวาไรตี้ให้เกมเมอร์อาจจริงจังกับการเล่นเกมมากยิ่งขึ้น
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากระบบ Progression เป็นแบบเส้นตรงมาก ๆ ทำให้เกมเมอร์หลายคนก็ประสบปัญหาการ Grinding ที่ผู้เล่นจะตีกอล์ฟครั้งแล้วครั้งเล่า เพื่อปลดล็อกคอนเทนต์อื่น ๆ ตามมา ทำให้เกมเมอร์เกิดอาการเบื่อหรือซ้ำซากได้หลังจากเล่นติดต่อกันสองชั่วโมง หรือเล่นติดต่อกันหลายวัน ซึ่งปัญหาดังกล่าวเป็นตั้งแต่เกมยุค PlayStation 2 จนถึงตัวเกมภาคปัจจุบันที่ตัวเกมพยายามแก้ไขมาหลายครั้งแต่ก็ไม่เป็นผล แม้เกมภาคล่าสุดมีมินิเกม กิจกรรม โหมด Multiplayer ที่หลากหลายมากยิ่งขึ้นก็ตาม
Everybody’s Golf ไม่ใช่เกมกีฬาที่ทุกคนอาจชื่นชอบ แต่แน่นอนว่าเป็นเกมที่ทุกคนสามารถเล่นได้ไม่ยาก แม้ว่ามันไม่ได้รับความนิยมเหมือนเกมแนวฟุตบอล แต่ระบบเกมเพลย์ก็เต็มไปด้วยเอกลักษณ์และยังคงรักษาความสนุกสนานมาตลอดเกือบสองทศวรรษ จึงไม่แปลกใจเท่าไหร่นักที่เกมนี้ได้เป็นเกมถูกอกถูกใจ จนเป็นหนึ่งในเกม Childhood ในดวงใจของชาว PlayStation กับผู้เล่นหลายคนจนถึงทุกวันนี้