ท่ามกลางเกมที่ปล่อยออกมาหลากหลายเกมของ Ubisoft ในปีนี้ เกมนี้คือเกมที่ถูกพูดถึงน้อยที่สุด แต่มันกลับเป็นเกมที่ยอดเยี่ยมที่สุดเช่นกัน แถมยังเป็นหนึ่งในเกม Metroidvania ที่ดีที่สุดในรอบหลายปีเลยทีเดียว
Prince of Persia อีกหนึ่งไอพีดังที่ห่างหายไปจากหน้าประวัติศาสตร์เกมของ Ubisoft แม้จะมีการประกาศภาค Sand of Time ในเวอร์ชัน Remake แต่มันเปิดตัวได้ย่ำแย่จนทีมงานต้องขอพับกลับไปทำกันใหม่ และส่งภาค The Lost Crown นี้มาแก้ขัดคั่นเวลา โดยไม่คาดคิดว่านี่จะเป็นอีกหนึ่งผลงานที่ Ubisoft Montpellier จะทำได้ดีขนาดนี้
แม้จะเป็นชื่อเกม Prince of Persia แต่ในภาคนี้ เรายังคงไม่ได้เล่นเป็นเจ้าชาย แต่จะเป็นหนึ่งในเจ็ดองครักษ์มากฝีมือนามว่า Sargon หลังจากภารกิจปกป้องเมืองเสร็จสิ้น ภัยคุกคามครั้งใหม่ก็มาถึง เมื่อเจ้าชายแห่งอาณาจักรถูกลักพาตัวไป องครักษ์ทั้งเจ็ดออกปฏิบัติการอีกครั้งก่อนจะพบว่ามีหนอนบ่อนไส้ และดินแดนที่เขาย่างกรายเข้าไป จะทำให้เขาได้ปลุกพลังที่แท้จริงของตัวเองขึ้นมา
Metroidvania อาจไม่ใช่แนวเกมที่ค่ายเกมยักษ์ใหญ่จะหันมาสนใจลงมือทำ ไม่ว่าจะด้วยเหตุผลใดก็ตามแต่ แต่เราเองเคยคิดบ้างไหมว่า หากเกมแนวนี้ ไปอยู่ในมือของสตูดิโอที่เพรียบพร้อมทั้งทุน ทั้งทีมงานที่ช่วยกันระดมสมองออกแบบและดีไซน์ มันจะออกมาเป็นยังไง ? วันนี้เราได้คำตอบแล้ว ก็คือมันจะออกมาเป็นเกมเกมนี้
หัวใจสำคัญของการทำเกม Metroidvania ให้สนุก ไม่ใช่การยัดฉากอันสลับซับซ้อนจนงงงวยเข้ามาโดยไม่มีเหตุผลที่สมควร แต่ยังต้องทำให้ระหว่างทางมันสนุก และกระตุ้นให้ผู้เล่นอยากออกสำรวจต่อ แม้ว่าเส้นทางข้างหน้าจะกว้างใหญ่หรือลึกลับซับซ้อนแค่ไหน นี่คือสิ่งที่ Prince of Persia: The Lost Crown ตีโจทย์ได้แตกกระจาย แม้เราจะเห็นทางแยกมากมาย ทั้งบน ล่าง ซ้าย ขวา ที่ด้านหน้า แต่พลังที่ผู้เล่นมีติดตัวอยู่ มันเพียงพอแล้วที่จะฝ่าฟันอุปสรรค ณ ปัจจุบัน ที่เหลือก็โยนภาระให้กับ Skill Play ของผู้เล่น ว่าจะใช้พลังทั้งหมดที่มี ฝ่าอุปสรรคไปจนถึงจุดหมายปลายทางได้หรือไม่ ถ้าทำได้ คุณก็จะได้รางวัล เป็นการอัปเกรด เป็นพลังใหม่ เป็นหนทางในการไปต่อ แต่อุปสรรคที่ออกแบบมานั้น มันทาบเส้นพอดิบพอดีกับพลังของผู้เล่นในตอนนั้น ไม่ได้ทำให้รู้สึกว่ามันง่ายเกินไปจนไม่มีคุณค่าในการฝ่าฟัน หรือยากเกินจนหมดกำลังใจในการเล่น
เท่านั้นยังไม่พอ Skill Play ที่คุณฝึกฝนและฝ่าฟันมาตลอด ก็อาจจะต้องพึ่งอีกสิ่งที่เรียกว่า Muscle Memory แม้ว่าในเกมนี้ Boss Fight ช่วงแรก ๆ เราอาจจะผ่านได้ง่าย ๆ แต่เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ ความสามารถของตัวละครที่เพิ่มขึ้น เยอะขึ้น ก็จะตามมาด้วยบอสสุดท้าทายที่จะทำให้คุณงัดเอาทุกอย่างที่เรียนรู้ และได้มาตลอดการเล่นมาใช้เพื่อเอาชนะมัน และวินาทีที่เราทำได้ มันเป็นความรู้สึกที่ดีมาก ๆ เลยทีเดียว
การออกสำรวจในเส้นทางที่ซับซ้อน แต่ก็ไม่ถึงขั้นมึนงงหลงทาง สอดแทรกมาด้วยเกมเพลย์แบบ Platform ที่ผสมกลมกลืนไปกับ Ability ความสามารถของ Sargon มันจึงเป็นประสบการณ์เล่นที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ ผนวกเข้ากับบอสหลากหลายรูปแบบที่ให้เรางัดทุกอย่างออกมาสู้ เป็นอะไรที่ยอดเยี่ยมมาก ๆ และที่ไม่พูดถึงไม่ได้ก็คือ ระบบ Accessibility หรือความสามารถในกาปรับแต่งตั้งค่าของตัวเกมที่ละเอียดละเมียดละไม จนถึงขั้นคว้ารางวัล Best Innovation มาจากเวที The Game Awards ก็ถือว่าสมศักดิ์ศรี
และแน่นอน มันสมศักดิ์ศรีมากที่จะอยู่ในทำเนียบเกมยอดเยี่ยมประจำปีนี้