เดินทางมาได้ 2 ปีแล้วสำหรับ Genshin Impact ผลงานเกมที่ประสบความสำเร็จมากที่สุดของ HoYoverse (miHoYo) อย่างไม่ต้องสงสัย และก็ยังไม่มีทีท่าว่ากระแสความนิยมจะแผ่วลงจนน่าเป็นห่วงแต่อย่างใด
ทว่านี่ก็เป็นเพียงหมุดหมายหนึ่งที่ยังไม่ถึงครึ่งทางด้วยซ้ำ เพราะทีมงานเคยประกาศแล้วว่าจะอัปเดตตัวเกมเข้ามาให้ครบ 7 ประเทศในอีกราว ๆ 3 ปีนับจากนี้ ดังนั้นจึงยังเหลือพื้นที่อีกมากให้ Genshin Impact ได้เติบโตต่อไป
ด้วยเหตุนี้ เราเลยอยากชวนมาร่วมส่องอนาคตของเกมไปพร้อมกัน โดยขอหยิบยกเอา 7 สิ่งที่หลายคนคาดหวัง และมักมีการพูดถึงตามชุมชนผู้เล่นต่าง ๆ มานำเสนอและคาดเดาความเป็นไปได้กันสนุก ๆ สักเล็กน้อย
1. ระบบย้อนเล่นอีเวนต์เก่า, ดูคัตซีนและเควสต์เก่า
Genshin Impact เป็นเกมที่ทุ่มทุนสร้างกับอีเวนต์ประจำแพทช์ต่าง ๆ สูงมาก ทั้งในด้าน Gameplay ที่ทีมงานมักจะหามินิเกมใหม่ ๆ มาให้ได้เล่นกัน หรือในด้านเนื้อเรื่องเองก็มีเหตุการณ์น่าสนใจ ที่ทำให้เราได้รู้จักกับตัวละครต่าง ๆ ในเกมนี้มากขึ้น อันนอกเหนือไปจากเส้นเรื่องหลัก
และเพราะเหตุนี้จึงน่าเสียดายที่บรรดาอีเวนต์ทั้งหลายเป็นแบบจำกัดเวลาเท่านั้น ใครที่มาเล่นไม่ทันก็จะพลาดไปเลย และถ้าอยากตามอ่านเนื้อเรื่องของอีเวนต์ย้อนหลัง ก็จะต้องหาดูจากวิดีโอใน YouTube หรือช่องทางอื่น ๆ อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ซึ่งก็ไม่ใช่วิธีที่ควรจะเป็นนัก
ดังนั้นระบบย้อนเล่นอีเวนต์เก่าจึงเป็นสิ่งที่มีผู้เล่นเรียกร้องกันอยู่บ่อยครั้งในชุมชน ซึ่งก็มีข่าวดีว่าทาง HoYoverse ตอบรับถึงเรื่องนี้แล้ว และออกมาเปิดเผยในการสัมภาษณ์ว่าพวกเขา “กำลังพิจารณา” จะเพิ่มระบบนี้เข้ามาในเกมอยู่
ขณะเดียวกัน ระบบย้อนดูคัตซีน / เควสต์เก่า ๆ ก็เป็นที่ต้องการไม่แพ้กันด้วย ซึ่งเป็นระบบที่หลายเกมมี แต่ Genshin Impact กลับขาดหายไป โดยเกมนี้ก็มีการนำเสนอคัตซีนเป็นแอนิเมชันเต็มรูปแบบอยู่บ่อยครั้ง และก็เรียกเสียงฮือฮาจากผู้เล่นได้เรื่อย ๆ (ตัวอย่างเช่น – คัตซีนการต่อสู้กับเทพแห่งน้ำวน ในบทของเมือง Liyue) จึงเป็นผลงานที่ควรค่าแก่การย้อนกลับมาดูซ้ำอย่างยิ่ง
นอกจากนี้ก็มีผู้เล่นอยู่ไม่น้อยที่อาจจะอ่านบทพูดไม่ทัน, เผลอกดข้ามไปประโยคถัดไปก่อน ทำให้ตกหล่นบางเนื้อหาไป ไม่ก็อยากลองเปลี่ยนไปฟังเสียงพากย์ภาษาอื่นดูบ้าง ก็จะพลาดโอกาสเหล่านี้ไปอย่างน่าเสียดาย ตราบใดที่ยังไม่สามารถย้อนกลับมาเล่นซ้ำได้
(วิดีโอเปรียบเทียบเสียงพากย์บทกวีของ Venti จากอีเวนต์ล่าสุด)
ซึ่งเราก็เชื่อว่าระบบเหล่านี้จะถูกอัปเดตเข้ามาภายหลังแน่นอน อยู่ที่เวลาเท่านั้นว่าจะพร้อมในช่วงใด
2. ปรับสมดุลตัวละครเก่า ๆ ในเกม
2 ปีกับการอัปเดตตัวละครใหม่เข้ามาอย่างต่อเนื่อง มันทำให้เราเห็นถึงการออกแบบสกิลและความสามารถที่ดีขึ้น ตอบรับกับการใช้งานมากขึ้น และแม้จะฟังดูไม่น่ามีปัญหาอะไร แต่เมื่อย้อนกลับมามองตัวละครเก่าที่ปล่อยมาในช่วงเกมเปิดให้บริการแรก ๆ ก็จะพบว่ามีหลายคนที่ควร “บัฟ” ขึ้นมาบ้างเหมือนกัน
แน่นอนว่าในตอนแรก ตัวเกมก็ไม่ได้เข้าที่เข้าทาง 100% นัก ด้วยความที่ไม่รู้ว่าผู้เล่นจะนิยมเล่นเกมนี้ในสไตล์ไหน จะเน้นปั้นค่าสเตตัสอะไร จึงทำให้ยังมีส่วนขาด ๆ เกิน ๆ กับตัวละครชุดแรกอยู่บ้าง (เช่น ความสามารถกลุ่มดาว Venti ที่ดันไปเสริมการโจมตีปกติ) ซึ่งนั่นไม่ใช่เรื่องผิดอะไร หากแต่ว่าทีมงานก็ไม่ได้ปรับสมดุลตัวละครให้เห็นกันบ่อยนัก จึงทำให้มีผู้เล่นออกมาเรียกร้องถึงเรื่องนี้อยู่เรื่อย ๆ ตลอดเวลาที่ผ่านมา
ในอีกมุมหนึ่ง ก็มีความเห็นทำนองว่าตัวเกมไม่ได้เน้นความจริงจังด้าน Multiplayer มากนัก และไม่ต้องไป PvP กับใครด้วยซ้ำ ดังนั้นก็ไม่จำเป็นต้องปรับสมดุลอย่างเข้มข้นเหมือนกับเกมอื่น ๆ จึงน่าสนใจว่า HoYoverse จะให้น้ำหนักกับเหตุผลข้อนี้มากน้อยเพียงใด และจะยอมหันกลับมาปรับสมดุลตัวละครเก่า ๆ ให้เยอะขึ้นบ้างหรือไม่
3. เนื้อหา Endgame ที่นอกเหนือจาก Spiral Abyss
เพิ่งเป็นประเด็นมาได้ไม่นานสำหรับเนื้อหา Endgame ของ Genshin Impact หลังจากที่ HoYoverse ออกมาตอบคำถามถึงอนาคตของเกมนี้ ว่า Spiral Abyss จะยังคงเป็นเนื้อหา Endgame เพียงหนึ่งเดียว และยังไม่มีแผนจะเพิ่มอะไรเข้ามาอีก
จากคำตอบดังกล่าว จึงเกิดเป็นการถกเถียงในชุมชนผู้เล่นทั้งจากกลุ่ม Casual และ Hardcore, ว่าแท้จริงแล้ว ความท้าทายสูงสุดของ Genshin Impact ควรจะหยุดอยู่แค่เพียง Spiral Abyss จริง ๆ หรือไม่ ? ซึ่งในส่วนนี้ก็มีความเห็นใหญ่ ๆ อยู่สองฝั่ง
ฝั่งหนึ่งคือเห็นด้วยกับทีมงาน จากเหตุผลที่ว่า “ไม่ใช่ทุกคนที่จะสนใจ Spiral Abyss” และก็ไม่ควรจะกดดันผู้เล่นมากนัก จึงอยากให้ Genshin Impact ยังคงไว้ซึ่งความ Casual ที่เน้นการนำเสนอเรื่องราวใน Teyvat และมอบโอกาสให้ได้เพลิดเพลินไปกับการสำรวจ, ค้นพบความหลากหลายของโลก Open World แห่งนี้ต่อไป
ในอีกฝั่งก็มองว่าเมื่อเล่นเกมนี้ไปถึงจุด ๆ หนึ่ง ก็จะไม่เหลืออะไรที่ท้าทายอีกแล้วนอกจาก Spiral Abyss ซึ่งเป็นเพียงเวทีแห่งเดียว ที่ทำให้รู้สึกว่าได้ใช้ความสามารถของตัวละครที่ปั้นมาอย่างคุ้มค่า หนำซ้ำบางคนก็ยังมองว่า Abyss นั้นไม่ใช่เนื้้อหา Endgame สำหรับตัวเองด้วย
ทว่าประเด็นนี้ก็ยังไม่ถือเป็นที่สิ้นสุด เพราะ HoYoverse ก็ไม่ได้ถึงกับปิดประตู ไม่ทำเนื้อหา Endgame เพิ่มเติมแล้วแต่อย่างใด หากแต่พวกเขาแค่ไม่อยากทำอะไรคล้ายคลึงกับ Spiral Abyss ออกมาอีกเท่านั้น จึงยังมีโอกาสอีกมาก ที่ทีมงานจะมองว่า “มันถึงเวลาแล้ว” สำหรับความท้าทายใหม่ ๆ และอัปเดตเนื้อหา Endgame เพิ่มเติมเข้ามาจนได้ในที่สุด
4. ออกสกินให้ถี่ขึ้น / ทำสกินนักเดินทาง
ถ้าเทียบกับเกมอื่นที่มีระบบสกินแล้ว ก็ต้องบอกว่า Genshin Impact ค่อนข้างจะแตกต่างพอสมควร เพราะจนถึงตอนนี้ก็มีชุดแต่งกายสำหรับตัวละครออกมาเพียงแค่ 6 คนเท่านั้น โดยที่สกินระลอกแรกของ Jean และ Barbara ถูกปล่อยออกมาเมื่อช่วงเดือนมิถุนายน 2021
สืบเนื่องจากที่เกมนี้เต็มไปด้วยตัวละครน่าสนใจ ก็ต้องบอกว่ามีหรือที่เราจะไม่อยากเห็นคนที่อวยได้สวมชุดใหม่ ๆ ดูบ้าง ? ความถี่ของสกินใหม่ ๆ ในระดับนี้จึงยังไม่เพียงพอต่อความต้องการ ซึ่งถ้าเป็นไปได้ก็คงอยากให้มีการปรับเปลี่ยนแอนิเมชันของตัวละคร และเปลี่ยนเอฟเฟคต์บ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ ด้วย แม้จะวางขายในราคาที่แพงขึ้น ก็เชื่อว่าหลายคนน่าจะรับได้ไม่มีปัญหา
และตัวละครที่ควรแก่การมีสกินโดยเร็ว ก็คงหนีไม่พ้น “นักเดินทาง” ตัวเอกของเรา เพราะไม่ว่าจะเป็น Lumine หรือ Aether ก็ล้วนมีส่วนร่วมกับเนื้อเรื่องหลักบ่อยที่สุด และเป็นตัวละครที่เข้าถึงได้ง่ายที่สุดโดยไม่จำเป็นต้องเปิดกาชาใด ๆ
ทว่าทีมงานก็เคยตอบคำถามเกี่ยวกับสกินของนักเดินทางไว้แล้ว (ในคราวเดียวกันกับที่พูดถึงเนื้อหา Endgame) โดยเปิดเผยว่าขณะนี้นักเดินทางจะยังไม่มีสกินเหมือนกับตัวละครอื่น ๆ ออกมา
เมื่อมองในมุมของผู้พัฒนา ก็อาจเข้าใจได้ว่าการทำสกินขึ้นใหม่ในเกมนี้นับเป็นงานที่ยากจริง ๆ ยิ่งถ้ามองว่าต้องแสดงผลสกินของนักเดินทางในคัตซีนเพิ่มมาด้วยก็ยิ่งยาก เพราะเราก็เชื่อว่าคงไม่มีทีมงานทีมใด อยากจะทิ้งโอกาสทำรายได้ก้อนใหญ่จากการขายสกินไปนัก
ในขณะเดียวกัน หากมองถึงแคมเปญการจับมือร่วมกับแบรนด์ต่าง ๆ อย่าง OnePlus (Hu Tao), HeyTea (Ayaka, Ayato), Cardillac (Kazuha, Beidou), Lawson (Hu Tao, Yoimiya) และอื่น ๆ ก็จะเห็นได้ว่ามีการออกแบบชุดแต่งกายใหม่ ๆ ให้กับตัวละครเหล่านี้ด้วย ดังนั้นถ้า HoYoverse อยากจะต่อยอดสักหน่อย ก็ขอเพียงแค่ทำสกินออกมาช่วยให้พาร์ทเนอร์ขายของง่ายขึ้นก็ยังได้ แต่บริษัทก็ไม่ทำ จึงดูเหมือนจะสนับสนุนเหตุผลที่ว่า “กว่าจะได้มาแต่ละสกินนั้นไม่ง่าย” อยู่พอสมควร
5. การนำเสนอเควสต์ที่ดีขึ้น
ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า “เควสต์เนื้อเรื่อง” คือหนึ่งในองค์ประกอบสำคัญของ Genshin Impact, หลายคนเล่นเกมนี้ด้วยจุดมุ่งหมายที่จะรวบรวมข้อมูล หาเบาะแสเพื่อเชื่อมโยง ตีความเนื้อเรื่องและสนุกไปกับมัน ดังนั้นก็ย่อมมีความคาดหวังที่จะเห็นการนำเสนอเควสต์ที่ดีขึ้นกว่าเดิมเป็นธรรมดา
แม้ว่าโดยภาพรวม, Genshin Impact จะเป็นเกมที่นำเสนอเนื้อเรื่องได้ดีแล้วเมื่อเทียบกับเกม RPG สไตล์อนิเมะเกมอื่น ๆ แต่สำหรับฉากย่อยในแต่ละเควสต์ (ที่ไม่ใช่คัตซีน) ก็ยังมีจุดบกพร่องที่สามารถปรับปรุงให้ดีขึ้นได้อยู่หลายประการ เช่นการเว้นช่วงประโยคพูดที่นานเกินควร (เพื่อให้สัมพันธ์กับแอนิเมชันตัวละคร), ท่าทางการขยับตัวของ NPC ในฉาก ซึ่งจะต้อง “หมุนตัว” ไปทิศที่ต้องการก่อน แล้วค่อยเริ่มเดินอย่างผิดธรรมชาติ
นอกจากนี้ยังรวมไปถึงเรื่องของโมเดลตัวละครต่าง ๆ ที่อยู่ในเควสต์เช่นกัน ไม่ว่าจะเป็น “NPC หน้าเหมือน” ที่พบได้เป็นเรื่องปกติมาก ๆ แต่ที่ไม่ปกติคือแม้แต่พาร์ทเนื้อเรื่องหลักก็ยังเจอ NPC เหล่านี้อยู่ในบทบาทตัวละครหลักด้วย
รวมถึง “ความไม่ตรงปก” ของตัวละครหลายคน ที่แม้ว่าในตัวอย่างจะดูเคร่งขรึมแค่ไหน แต่พอกลายเป็นโมเดลในเกมจริง ๆ แล้วก็จะถูกเหลาใบหน้าจนโค้งมนดูน่ารักขึ้นมาทันที ตัวอย่างล่าสุดก็คือ Dottore แห่งองค์กร Fatui ที่ก็โดนเหล่าผู้เล่นหยอกล้อกันถึงเรื่องนี้อย่างสนุกสนาน
ดังนั้นจึงต้องบอกว่า Genshin Impact ยังสามารถปรับปรุงการนำเสนอเควสต์ให้ดีขึ้นได้อีกมาก เพื่อขับกล่อมเนื้อเรื่องที่เดิมทีก็น่าสนใจอยู่แล้ว ให้ดูสมบูรณ์ยิ่งขึ้นภายในเกม
ซึ่งในช่วงหลังมานี้ ก็มีการปรับปรุงเนื้อหาของแต่ละเควสต์ไปในทิศทางที่ดีขึ้นแล้วจริง ๆ จึงได้เห็นเป็นละครบทใหญ่ของประเทศ Sumeru ที่มีการจัดวางเรื่องราวในอดีตเอาไว้อย่างเข้มข้น ส่งผลให้เนื้อเรื่องหลักก็ดูแข็งแรง และยังก่อเกิดเป็นอภิมหาเควสต์ย่อยอย่าง “ตำนานอรัญญกา (Aranara)” และ “แดนฝันทองคำ” ที่แม้เส้นทางจะยาวเหยียดจนต้องร้องขอชีวิต แต่ก็นับว่าลุ่มลึกไม่แพ้เนื้อเรื่องหลัก และยังมอบประสบการณ์อันดีที่ควรค่าแก่การได้ลองเล่นดูสักครั้ง
6. ลง Nintendo Switch !
นับเป็นการเฝ้ารออันแสนยาวนานสำหรับ Genshin Impact ในเวอร์ชัน Nintendo Switch เพราะแม้จะเคยประกาศมาแล้วกว่า 2 ปี ก็ยังไม่มีวี่แววว่าเราจะได้เห็นตัวเกมในเวอร์ชันดังกล่าวเลยแม้แต่น้อย
สำหรับใครที่กังวลว่าโปรเจกต์นี้จะโดนพับเก็บเข้าตู้ไปแล้วหรือเปล่า ? ก็ต้องบอกว่าทาง HoYoverse ยังคงพัฒนามันอยู่จริง ๆ โดยความเคลื่อนไหวล่าสุด ก็คือถ้อยแถลงจากคุณ Xin Yang, Global PR specialist ของบริษัท ที่ว่า
“เวอร์ชัน Switch ยังคงอยู่ในขั้นตอนการพัฒนา และเราจะเปิดเผยข้อมูลให้ทราบเมื่อมีความคืบหน้ามาแล้ว”
ซึ่งเมื่อดูจากขีดจำกัดของตัวเครื่อง Switch ก็มีความเป็นไปได้ว่านี่จะเป็นงานช้างจริง ๆ สำหรับทีมผู้รับหน้าที่พอร์ตเกม เพราะแม้แต่เวอร์ชันมือถือเองก็ยังกินประสิทธิภาพเครื่องไปไม่น้อย ดังนั้นก็มีแนวโน้มว่าเราน่าจะยังไม่ได้เห็น Genshin Impact บน Switch ในเร็ว ๆ นี้แน่นอน
นอกเหนือจาก Nintendo Switch ก็ยังมีการเรียกร้องถึงคอนโซลฝั่งคณะเขียวอย่าง Xbox อยู่บ้างประปราย แต่ทาง HoYoverse ก็ยังไม่มีแผนจะนำไปลงภายในอนาคตอันใกล้เช่นกัน อย่างน้อยก็เท่าที่ทราบจากแหล่งข่าวทั่วไป
7. เนื้อเรื่องในช่วงไคลแมกซ์
ปัจจัยหนึ่งที่ทำให้หลายคนยังไม่เลิกเล่น Genshin Impact ไปง่าย ๆ ก็เพราะรู้ว่าเกมนี้มีจุดหมายปลายทางที่ค่อนข้างชัดเจน นั่นคือการอัปเดตเข้ามาจนครบ 7 ประเทศ จากนั้นก็เข้าสู่ช่วงไคลแมกซ์ต่อไป
ด้วยเหตุนี้ “เรื่องราวในบทสรุป” จึงเป็นสิ่งที่ผู้เล่นต่างคาดหวัง อันจะผลิดอกออกผลมาจากการปูเนื้อเรื่อง และหยอดประเด็นน่าสนใจเข้ามาทีละนิดละหน่อยตลอดเวลาที่ผ่านมา ชวนให้เราอดสงสัยไม่ได้ว่าท้ายสุดแล้ว การเผชิญหน้ากับเหล่า Fatui ที่ประเทศ Snezhnaya จะเป็นอย่างไร, จะมีการท้าทายเหล่า Celestia หรือไม่, เกิดอะไรขึ้นที่ประเทศ Khaenri’ah กันแน่ รวมไปถึงตัวตนแท้จริงของ Paimon อันเป็นปริศนาที่ผู้เล่นล้วนอยากให้ทีมงานเฉลยออกมา
และทั้งหมดทั้งมวลนี้ก็คือ 7 ความคาดหวังหลัก ๆ ที่มักพูดถึงกันในชุมชนผู้เล่น ซึ่งก็แน่นอนว่ายังมีเนื้อหา / ฟีเจอร์ยิบย่อยอีกมากมายที่หลายคนอยากเห็น ไม่ว่าจะเป็นระบบเปิด-ปิดเอฟเฟคต์กลุ่มดาว, ปุ่ม Skip ฉากพูดคุย, การบันทึกเซ็ต Artifact ไว้ใช้ภายหลัง, คอนเทนต์ทางเลือกอย่าง “เกมกลเจ็ดอัจฉริยะ” ที่กำลังจะอัปเดตเข้ามาในอีกไม่กี่แพทช์ รวมไปถึงความคาดหวังในสื่อบันเทิงอื่น ๆ อย่าง Genshin Impact ฉบับซีรีส์อนิเมะด้วยเช่นกัน ว่าจะออกมาดีหรือไม่ และจะเล่าเรื่องราวในไทม์ไลน์ใดกันแน่
ท้ายสุดแล้วเราก็คงต้องลุ้นกันว่า HoYoverse จะรับฟังข้อเสนอแนะในชุมชน และนำไปสร้างสรรค์เป็นคอนเทนต์ออกมาจริง ๆ มากน้อยเพียงใด ซึ่งแม้ว่าตัวเกมจะยังมีข้อด้อยให้เห็นอยู่บ้าง แต่ก็ต้องยอมรับว่านี่คือเกมสไตล์อนิเมะที่อยู่ในจุดสูงสุดของยุคนี้แล้ว และด้วยความพร้อมเดินหน้าลุยอย่างเต็มพิกัดของทีมงาน ก็เชื่อว่าเราจะยังได้เห็น Genshin Impact เป็นเกมฮิตติดตลาด มีผู้ร่วมติดตามกันต่อไปยาว ๆ ยันประเทศที่ 7 รวมถึงหลังจากนั้นอีกแน่นอน