เมื่อยักษ์ใหญ่แห่งวงการเกมอย่าง Grand Theft Auto จะก้าวสู่บัลลังค์อีกครั้งมันต้องไม่ใช่ก้าวเล็กอย่างที่หลายคนเป็น แต่มันจะเป็นก้าวยักษ์ที่สั่นสะท้านปฏิวัติทั้งวงการ
ย้อนเวลากลับไปสมัยผมยังอยู่ช่วงประถม เวลานั้นเกม Open-World จะมีสักกี่เกมกันที่น่าประทับใจและจะมีสักกี่เกมกันที่คุณรู้จัก ผมยังจำได้ดีกับภาพของเย็นวันศุกร์ที่ผมรีบกลับจากโรงเรียนเพื่อแวะร้านอินเทอร์เน็ต หากคุณเคยเห็นภาพของการโจ้ Winning Eleven กันทั้งร้านด้วยเครื่อง Playstation 2 ล่ะก็ แถวบ้านผมก็เป็นเช่นเดียวกันแต่มันเกิดขึ้นกับเกมที่มีชื่อว่า Grand Theft Auto III
เป็นครั้งแรกๆที่เราได้รู้จักกับเกมที่เราจะทำอะไรก็ได้ จะไปไหนก็ได้ อิสระในเกมมีมากล้นปรี่ราวกับว่าเกมนั้นไม่มีแก่นสารสาระอื่นๆนอกเหนือจากตีรันฟันแรงและขโมยรถเลยก็ว่าได้ ในตอนนั้นผมไม่รู้หรอกครับว่าเกมมันมีเนื้อเรื่องที่ยอดเยี่ยมขนาดไหน เกมมันมีเป้าหมายอะไร ผมแค่ใช้มันเป็นเครื่องบันเทิงอันหาสาระมิได้ ผมเปิดเกมมาเพื่อทนดู Cutscene ต้นเกมประมาณ 5 – 10 นาทีและก็เริ่มไล่กระทืบคน ขโมยรถแล้วซิ่งไปให้มิดไมล์พร้อมบดบี้ขยี้เศษมนุษย์ดวงจู๋ข้างทาง ภาพประทับใจของผมกับเกม Grand Theft Auto III ก็คือภาพของการชนคนตายแล้วมีรอยเลือดติดที่ล้อรถพร้อมกับมีเงินหล่นไว้เหมือนกับจะบอกเราว่า”มาเก็บตูหน่อย” ซึ่งมันเป็นอะไรที่ผมไม่เคยเห็นและไม่เคยสัมผัสมาก่อน
เหมือนว่าคนที่คิดแบบนั้นจะไม่ได้มีแต่ผมคนเดียว เกมเมอร์รอบตัวทั้งโรงเรียนประถม สถาบันสอนพิเศษ ทั้งครูและนักเรียนรวมไปถึงกระทั่งพ่อของผมเองก็ติดตาตรึงใจไปกับเกมนี้พร้อมกับคนทั่วโลก ทำให้ไม่นานหลังจากนั้นก็เกิดเกมโคลนลอกเลียนแบบ Grand Theft Auto ผุดขึ้นมาราวกับดอกเห็ดทั้งพอใช้ได้บ้าง ห่วยบ้างแต่ก็ไม่มีเกมใดที่จะมาโค่นความเข้มแข็งของ Grand Theft Auto Series ได้เลยแม้แต่เกมเดียว ( ถ้าผมจำไม่ผิดเกมที่พอจะใกล้เคียงและรับได้มากที่สุดน่าจะเป็น True Crime: Streets of LA )
เรียกได้ว่า Grand Theft Auto เป็นหนึ่งในผู้ปฏิวัติวงการเกมก็คงจะไม่ผิดนักทั้งในด้านยอดขาย ผลคะแนน เสียงวิพากษ์วิจารณ์ ผลตอบรับจากเกมเมอร์และรูปแบบเกมการเล่น จาก Grand Theft Auto III สู่ Grand Theft Auto Vice City และ Grand Theft Auto IV แต่ละก้าวย่างที่ Rockstar ได้ฝากฝังรอยเท้าเอาไว้บนจารึกหน้าประวัติศาสตร์วงการเกมแต่ละก้าว พูดได้เต็มปากครับว่าไม่มีครั้งไหนเลยที่ก้าวนั้นไม่สั่นสะเทือน ปีนี้ก็เช่นกัน Grand Theft Auto V จะเป็นอีกหนึ่ง Milestone ที่วงการเกมต้องจารึก แต่ Grand Theft Auto V จะปฏิวัติวงการเกม ( อีกครั้ง ) ในเรื่องอะไรบ้าง ต้องลองอ่านกันเองครับ
1. ความรุนแรง
ถ้าจะพูดกันตามตรง Grand Theft Auto Series ได้ทำหน้าที่ในการ educate ให้กลุ่มเกมเมอร์รู้จักกับความรุนแรงอย่างต่อเนื่องและเพิ่มขึ้นทุกภาคในรูปแบบของตลกร้าย ประชดประชันและเสียดสีที่ผู้ใหญ่ยอมรับได้ แต่ทว่ากลุ่มที่เล่นเกมนี้กลับไม่ใช่กลุ่มคนที่ตกผลึกทางความคิดมาแล้วทั้งหมด ( ผมจะไม่เอ่ยว่าเด็กหรือผู้ใหญ่นะครับ เพราะอายุก็เป็นแค่อายุไม่ได้เกี่ยวกับความคิดและการใช้เหตุผล ) เพราะฉะนั้นการที่ผมจะบอกว่าใน Grand Theft Auto แต่ละภาค ความรุนแรงภายในเกมนั้นจะเพิ่มดีกรีความเสี่ยงโดนแบนมากขึ้นก็คงไม่ผิดนัก
ความรุนแรงในที่นี้ไม่ใช่เพียงแค่การฆ่าฟัน เอามีดปาดคอ เอาท่อฟาดไข่ แต่ความรุนแรงที่ผมหมายถึงนั้นรวมไปถึงบทพูด ภาษาที่ใช้ภายในเกม การแสดงออกถึงการร่วมเพศหรือกระตุ้นอารมณ์ทางเพศซึ่งเมื่อผนวกไปกับภาพกราฟฟิกที่นับวันจะมีแต่สมจริงมากยิ่งขึ้น ทำให้การซึมซับระหว่างเกมกับความเป็นจริงมีช่องว่างที่แคบลง น้อยลง
และด้วยความรุนแรงต่างๆที่มีใน Grand Theft Auto V นี้เองที่เหล่าเกมโคลนที่กำลังจะเกิดขึ้นในอนาคตนับจากนี้ไปมีแต่จะเพิ่มขึ้น เพิ่มขึ้นและเพิ่มขึ้นเพื่อเข้าใกล้ความเป็น “Grand Theft Auto” มากยิ่งขึ้นนั่นเอง
2. ตัวละครที่หลากหลายกับความสมดุลของ Gameplay
ป่านนี้ทุกคนคงได้เห็นทั้งบทความและวิดีโอเกี่ยวกับ Grand Theft Auto V มากจนรู้กันแล้วว่าในเกมนี้ผู้เล่นจะสวมบทบาทเป็นตัวละครทั้งสามคนที่มีบุคลิก เอกลักษณ์ ทักษะและปูมหลังที่แตกต่างกันซึ่งคุณสามารถสับเปลี่ยนไปมาระหว่างการเล่นเพื่อที่จะเข้าสู่เกมเพลย์ที่มีสีสันและอารมณ์ความสนุกที่มากยิ่งขึ้น
ถึงแม้ผมจะยังไม่มีโอกาสได้สัมผัสการเล่นจริงกับเกมนี้แต่ผมก็กล้าเอาชื่อปู่เป็นเดิมพันว่าระดับ Rockstar แล้วความไม่สมเหตุสมผลพิกลพิการราวกับทำเป็นเกมแจกฟรีคงไม่มีในเกมนี้อย่างแน่นอน และถ้าหากทุกสิ่งอันเป็นไปดั่งที่คาดไว้เหล่าทีมพัฒนาเกมทั่วโลกก็คงจะคิดเห็นเช่นเดียวกันว่า “เข้าท่าเหมือนกันนะ เราเองก็ควรจะมีบ้าง” หรือค่ายเกมที่ฝันอยากเป็นใหญ่ก็คงจะเขียนไว้บนกระดานบางๆว่า “เราควรจะเติมเต็มสิ่งนี้ด้วยรูปแบบของเราอย่างที่ Rockstar ไม่เคยคิดมาก่อน” และนี่แหละครับ สัญญาณว่าด้วยศักราชใหม่แห่งวงการเกมที่จะออกมาให้ผู้เล่นได้สับเปลี่ยนตัวละครกันจนหัวหมุนกันเลยทีเดียว
3. มิติใหม่ของโหมด Multiplayer
หากว่าเกม FPS Multiplayer ในปัจจุบันได้รับอิทธิพลมาจาก Quake , Call of Duty และ Battlefield โหมด Multiplayer ของเกมแอ็คชั่นในอนาคตก็คงจะต้องเดินตาม Grand Theft Auto Online นี่แหละครับ ความสนุกนี่คงไม่ต้องพูดถึง หลายคนคงยังจำความระห่ำและบ้าพลังของ Multiplayer ใน Grand Theft Auto IV ได้เป็นอย่างดี ภาคนี้ก็เช่นกันเพียงแต่ว่า อิสระมากขึ้น กิจกรรมมากขึ้น ผู้เล่นมากขึ้น เรียกได้ว่า Rockstar เดินหน้ายกเครื่องโหมด Multiplayer กันยกสูบ ( อันที่จริงใครที่ทนไม่ไหวแล้วอาจจะต้องลองโหลด APB Reloaded มาเล่นไปพลางๆก่อนก็ได้นะครับ มีความคล้ายคลึงกันมากพอสมควรเลยแหละ )
เขียนไปเขียนมาก็คงต้องขอปิดท้ายอีกครั้งว่านี่เป็นสิ่งที่ผมคิดและคาดการณ์ขึ้นมาเองแบบไม่มี-่าอะไรมาเป็นสมมุติฐานเลยแม้แต่น้อยครับผม จะจริงไม่จริงอย่างไรก็คงได้แต่รอดู ส่วนใครที่คิดว่า Grand Theft Auto V จะมายกระดับวงการเกมเรื่องอะไรกันอีกมั่งก็บอกไว้ได้ครับเผื่อว่าผมจะขาดตกบกพร่องหลงลืมอะไรไปบ้าง