ทำไมเราถึงชอบอ่านการ์ตูนซูเปอร์ฮีโร่ ดูหนังซูเปอร์ฮีโร่ และเล่นเกมซูเปอร์ฮีโร่กันนักหนา จนกระทั่งทุกวันนี้ไม่มีใครค่อนขอดได้ว่าเรื่องราวเหล่านี้เป็น “เรื่องของเด็ก” อีกต่อไป ผู้เขียนคิดว่าเบื้องลึกเป็นเพราะสื่อแนวนี้สร้างแรงบันดาลใจให้เห็น “ด้านดี” ของความเป็นมนุษย์ เสริมสร้าง “ความฝัน” นั่นคือ ตัวเราหรือโลกในอุดมคติที่เราอยากเห็น เป็น “ประตู” สู่จินตนาการและความคิดสร้างสรรค์ไร้ขีดจำกัด ยังไม่นับว่าเรื่องราวของซูเปอร์ฮีโร่ทั้งหลายนั้นล้วนแต่ “สนุกตื่นเต้น” เร้าใจ เต็มไปด้วยฉากแอ๊กชันมัน ๆ มากมาย
ความเด๋อด๋าประสาวัยรุ่นของสไปเดอร์แมน ความอิหลักอิเหลื่อทางศีลธรรมของแบทแมน (เวลาที่เขาใช้ความรุนแรงไม่ต่างจากวายร้าย) หรือความชาตินิยมน่าหมั่นไส้ของกัปตันอเมริกา ลักษณะนิสัยหรือความตะขิดตะขวงอันเป็นธรรมชาติและเป็นมนุษย์ของซูเปอร์ฮีโร่เหล่านี้ คือเสน่ห์อย่างหนึ่งของสื่อตระกูลนี้ – พวกเขาทำให้เรารู้สึกว่า แม้แต่ผู้มีความสามารถเหนือมนุษย์ทั่วไป ก็หนีไม่พ้นความท้าทายที่ปุถุชนคนเดินดินต้องเผชิญ
แล้วเสน่ห์ของ Guardians of the Galaxy ทีมซูเปอร์ฮีโร่หลุดโลกจากค่าย มาร์เวล ล่ะอยู่ตรงไหน ? ผู้เขียนคิดว่าถ้าภาพยนตร์สุดเจ๋งสองภาคจากฝีมือผู้กำกับ เจมส์ กันน์ ยังไม่ชัดพอ สุดยอดเกมแอ๊กชั่น-ผจญภัยชื่อเดียวกันจากค่ายเกม ไอดอส มอนทรีออล ผู้อยู่เบื้องหลังเกมเจ๋งอย่าง Deus Ex: Human Revolution และ Shadow of the Tomb Raider ก็จะตอกย้ำอย่างชัดเจนและช่วยเปลี่ยนใจคอเกมหลายคนให้กลายเป็นแฟนพันธุ์แท้ของซูเปอร์ฮีโร่ทีมนี้
ธีมที่เด่นชัดที่สุดของ Guardians of the Galaxy คือ “ครอบครัว” ในทุกแง่มุมและความหมายของคำคำนี้ ใครที่เคยดูภาพยนตร์สองภาคมาก่อนจะรู้สึกตื่นเต้นดีใจที่ ไอดอส มอนทรีออล สามารถจำลองบรรยากาศจากภาพยนตร์มาไว้ในเกมอย่างเต็มเปี่ยม ไม่ว่าจะเป็นแอ๊กชันมันส์ๆ กราฟิกและสไตล์แบบไซไฟพังก์ร็อคจากทศวรรษ 1980 โดยเฉพาะดนตรีและเพลงประกอบรีโทรจากวงดังในอดีตอย่าง Wham!, Motley Crue, Culture Club, Blondie, KISS ฯลฯ เต็มอิ่มด้วยเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยจากจักรวาลมาร์เวลให้แฟน ๆ ได้ฟินกันอีกนาน และที่จะไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือ บุคลิกโดนๆ ของสมาชิกทีมทุกคน ไม่ว่า สตาร์ลอร์ด ร็อกเก็ต แดรกซ์ กามอรา และ กรูท ซึ่งที่จริงทุกคนและทุกตัวในนี้ล้วนเป็น “หมาป่าสันโดษ” และ “คนชายขอบ” ที่สังคมภายนอกมองเป็นพวกนอกคอกหรือตัวประหลาด แต่เมื่อโคจรมาเจอกันก็เกิดเป็น “ครอบครัว” ที่ผูกพันแน่นแฟ้นยิ่งกว่าครอบครัวทางสายเลือดอีกมากมาย
ส่วนหนึ่งของความผูกพันฉันครอบครัวใน Guardians of the Galaxy ต้องให้เครดิตกับปูมหลังของตัวละครที่มาจากการ์ตูนต้นฉบับในจักรวาลมาร์เวล กามอรา มีความสัมพันธ์ที่ซับซ้อนกับ ธานอส พ่อบุญธรรมและจอมวายร้ายแห่งจักรวาล แดรกซ์ ในเกมนี้ยังถูกความโศกเศร้าเกาะกุมจิตใจ เศร้าที่ภรรยาและลูกสาวของเขาถูกธานอสคร่าชีวิต (และความเศร้าของแดรกซ์ก็จะเปิดทางให้เขาตกหลุมพรางของตัวร้ายในเกม) ส่วนมิตรภาพระหว่าง ร็อกเก็ต กับ กรูท ก็แน่นแฟ้นจนบางครั้งดูเหมือนพี่น้องมากกว่าเพื่อนตาย (และนิสัยมุทะลุของ ร็อกเก็ต ก็นำไปสู่การพรากจากกันชั่วคราวระหว่างคู่นี้กับเพื่อนร่วมทีมคนอื่น ๆ ในเกม)
ส่วน ปีเตอร์ ควิล หรือ สตาร์ลอร์ด หัวหน้าทีมและมนุษย์โลกจอมกวน ก็ยังมีปมรู้สึกผิดที่เห็นแม่ของเขาตายต่อหน้าต่อตาในวันเกิดครบรอบ 13 ขวบ ด้วยน้ำมือกองทัพชิเทารี ซึ่งการรุกรานโลกในวันนั้นเป็นส่วนหนึ่งในสงครามข้ามแกแล็กซี ระหว่างเผ่า ครี กับเผ่าต่างดาวอีกเผ่า ปูมหลังของเรื่องราวใน Guardians of the Galaxy ตอนเปิดเกม
Guardians of the Galaxy ให้เราควบคุม สตาร์ลอร์ด และสมาชิกทีมคนอื่นๆ ในฉากแอ๊กชันที่สนุกตื่นเต้นทุกฉาก คอมโบในเกมนี้มีตั้งแต่คอมโบระหว่างสมาชิก คอมโบแบบรวมพลังทุกคน และโหมด “ไร้เทียมทาน” นานหลายวินาที ทริกเกอร์จากการให้ สตาร์ลอร์ด ขอเวลานอก เรียกลูกทีมมากล่าวคำปลุกใจ ยิ่งเราทำคอมโบได้มากและเปลี่ยนท่าโจมตีได้หลายท่า เราจะยิ่งได้ค่าประสบการณ์ซึ่งเอาไว้อัพเกรดความสามารถพิเศษของตัวละคร นอกจากนี้ สตาร์ลอร์ด ยังสามารถอัพเกรดปืนและท่าโจมตีเฉพาะตัวได้จากการเก็บชิ้นส่วนโลหะที่กระจัดกระจายอยู่ตามฉาก และทุกคนสามารถเปลี่ยนชุดประจำตัวด้วยการควานหากล่องเก็บชุดในฉากต่าง ๆ ซึ่งจะทำก็ได้หรือไม่ทำก็ได้
ฉากแอ๊กชันใน Guardians of the Galaxy เดินสลับกับคัทซีนมัน ๆ ที่ขยับเส้นเรื่องไปข้างหน้า และฉากผจญภัยที่ต้องแก้ปริศนาง่ายๆ โดยใช้ความสามารถเฉพาะตัวของเพื่อนร่วมทีมในการหาทางออกจากฉาก ที่น่าสนใจก็คือ ธีม “ครอบครัว” ในเกมนี้นอกจากจะขับเน้นด้วยบทสนทนา (ส่วนใหญ่คือบทแซวและถากถางล้อเลียน 55) ระหว่างสมาชิกในทีม และปูมหลังของตัวละครแล้ว ยังเพิ่มความซับซ้อนในรูปของ นิกกี้ เด็กสาวชาว ครี วัย 12 ขวบ ที่ สตาร์ลอร์ด คิดว่าเขาอาจเป็นพ่อแท้ ๆ ของเธอ ความที่เคยมีสัมพันธ์ฉันคู่รักกับแม่ของเธอนาม โค-เรล ผู้บังคับการ โนวาคอร์ป จอมเฮี้ยบ
ความรู้สึกอิหลักอิเหลื่อของ สตาร์ลอร์ด และไม่มั่นใจว่าเขาจะเป็น “พ่อที่ดี” ของ นิกกี้ ได้หรือไม่ ถ้าหากว่าเขาเป็นพ่อของเธอจริง ๆ กลายเป็นปมหลักปมหนึ่งในเรื่องที่ต้องรอจนถึงฉากท้าย ๆ ก่อนการคลี่คลาย และ นิกกี้ ก็จะกลายเป็นตัวละครสำคัญในเรื่อง เมื่อสิ่งมีชีวิตต่างดาวอันเร้นลับอาศัยความเศร้าของเธอ เข้ามาฉวยโอกาสใช้เธอเป็นฟันเฟืองในการล้างสมองคนจำนวนมากให้กลายเป็นสาวกของลัทธิแปลกประหลาด ลัทธิที่ “สัญญา” ว่า ทุกคนจะได้ในสิ่งที่ตัวเองปรารถนา
ประสบการณ์การเล่น Guardians of the Galaxy เหมือนหลุดเข้าไปเป็นส่วนหนึ่งของภาพยนตร์ภาคต่อไป ตลอดเวลาเกือบ 30 ชั่วโมง (ถ้าไม่ตามเก็บชุดประจำตัวและหาความลับต่าง ๆ ก็คงใช้เวลาน้อยกว่านี้ราว 8-10 ชั่วโมง) ไม่มีจังหวะไหนในเกมที่รู้สึกว่าน่าเบื่อเลยแม้แต่น้อย และเราจะค่อย ๆ สังเกตเห็นความผูกพันที่เพิ่มพูนขึ้นเรื่อย ๆ ระหว่างสมาชิกในทีมนี้เมื่อพวกเขาผ่านเหตุการณ์เฉียดตายร่วมกันมานาน
ยกตัวอย่างเช่น ในฉากแรก ๆ ของเกม เราจะเลือกได้ว่าจะให้ แดรกซ์ ขว้าง ร็อกเก็ต ข้ามเหวเพื่อหาทางออกหรือไม่ (แน่นอนว่า ร็อกเก็ต บ่นอุบว่าเห็นเขาเป็นอะไร) แต่ในฉากท้าย ๆ แดร็กซ์จะไม่ยอมทำแล้ว เขาพูดกับร็อกเก็ตว่า “แกเป็นสมาชิกทรงคุณค่าของทีมนะ”
และเมื่อเราได้ยินเสียงหัวเราะของทุกคนตอนที่ สตาร์ลอร์ด ขับยานมิลาโนไปจอดแบบทิ่มหัวทุลักทุเลบนดาวเคราะห์ ได้ยิน ร็อกเก็ต พูดขึ้นมาว่า “เฮ้ย นี่มันพวกเรามาก ๆ เลย” – เมื่อนั้นเราก็จะเข้าใจว่า “ครอบครัว” ที่ทุกคนมีความรักความผูกพันอันละเอียดอ่อนระหว่างกันนั้น ไม่จำเป็นจะต้องเป็นครอบครัวที่ผูกพันกันโดยสายเลือดอย่างเดียวเท่านั้น ในทางตรงกันข้าม ความผูกพันทางสายเลือดไม่ได้เป็นหลักประกันอะไรเลยว่า คนในครอบครัวจะรักใคร่กลมเกลียวกัน
ความธรรมดาที่ไม่ธรรมดานี้เอง ทำให้ Guardians of the Galaxy ขึ้นแท่นเป็นหนึ่งในเกมซูเปอร์ฮีโร่ที่ดีที่สุดในประวัติศาสตร์เกม และเป็น “เกมแห่งปี 2021” ในความเห็นของผู้เขียน