ย้อนกลับไป 6 ปีก่อน ในสมัยที่ Epic Games Store เพิ่งเปิดตัว และมีเกมแรกที่ช่วยประเดิมแพลตฟอร์มนี้อย่างเป็นทางการ เกมนั้นคือ Hades มันเปิดตัวด้วยรูปแบบ Early Access และด้วยความที่เป็นแพลตฟอร์มหน้าใหม่ แถมเปิดตัวแบบ Surprise Launch คือเปิดตัวแล้ว พร้อมเล่นเลย กระแสในช่วงแรกก็ไม่ได้หวือหวาอะไรมาก วันเวลาผ่านพ้นไปอีก 2 ปี Hades กลายเป็นที่รู้จักมากขึ้น เมื่อมันเข้าสู่เวอร์ชั่นเกมเต็ม และถูกนำมาวางขายบนหน้าร้านค้า Steam ในปี 2020 แม้ Hades จะไม่ได้ชนะรางวัล Game of the Year แต่สื่อหลายสำนักก็ยกให้มันเป็นหนึ่งในเกมที่ยอดเยี่ยมที่สุดในปีนั้น ผ่านไปอีก 4 ปี ณ เวลานี้ ทีม Supergiant Games ก็พร้อมส่งบัตรเชิญถึงเหล่าเกมเมอร์ทุกท่าน ให้กลับสู่ขุมนรกอีกครั้ง โดยภารกิจคราวนี้คือการพา Milinoe น้องสาวของ Zagreus ตัวเอกจากภาคแรก ไปสังหารไททันแห่งกาลเวลาอย่าง Cronos และนี่คือการกลับมาของเกม Rogue-like ระดับเทพ อย่าง Hades II
Hades II ยังคงเปิดตัวแบบภาคแรกแบบเดินตามรอยกันมา นั่นคือนอกจากจะ Surprise Launch เปิดตัวแบบทันทีทันใด ไม่ให้ตั้งตัวแล้ว มันก็ยังคงจะเป็นเกมแบบ Early Access ที่จะต้องรอคอยการอัปเดต เพิ่มเติมคอนเทนต์ใหม่ ๆ หรือปรับปรุงบาลานซ์ของตัวเกมกันต่อไป ดังนั้น นี่อาจจะไม่ใช่รีวิว แต่เป็นการหยิบมาแนะนำหรือพูดถึง สำหรับเกมนี้ เอาอย่างแรกที่เปลี่ยนไปอย่างเห็นได้ชัด ก็น่าจะเป็นเรื่องของการนำเสนอและ Presentation จากภาคแรกที่ดูเป็นองค์ชายสายลุย เน้นโทนสีแดงเข้มจนแสบตา ภาคนี้จะเป็นพื้นที่สีเขียวสว่าง ดูสบายตาไปอีกแบบ แต่เห็นโทนที่ผ่อนคลายลงแบบนี้ แต่พอถึงเวลาบู๊จริง บอกเลยว่าภาคนี้ยกระดับขึ้นในหลาย ๆ ด้าน ทำเอารัวจอยกันจนปวดนิ้วไปข้าง
เกริ่นกันก่อน สำหรับคนที่ไม่เคยเล่นภาคแรก Hades จะเป็นเกม Rogue-like ที่ผูกระบบ Rogue-like เอาไว้กับการดำเนินเรื่องและ Progression เอาไว้ได้อย่างแนบเนียน ทุก ๆ การตายของผู้เล่นในแต่ละรอบ หรือที่ภาษาเกมนี้เรียกว่า แต่ละ Run จะเป็นการปลดล็อคอะไรใหม่ ๆ ไม่ว่าจะเป็นของถาวรที่นำกลับมาอัปเกรด ปลดล็อคพลังต่าง ๆ ทำให้ศูนย์กลางของเรามีสิ่งของอำนวยความสะดวก และตัวช่วยในการเล่นที่เยอะขึ้น และที่โดดเด่นจริง ๆ คือ การสนทนากับเหล่าตัวละครรอบข้างที่จะค่อย ๆ เปิดเผยเนื้อหา หรือมีอะไรใหม่ ๆ ทุกครั้ง ยิ่งตาย เนื้อหาใหม่ก็จะยิ่งถูกเปิดเผย และที่ผมรู้สึกว่ามันดูดีขึ้น คืองานศิลป์และอาร์ทตัวละครต่าง ๆ ที่ดูดีขึ้นมาก โดยเฉพาะเจ้าแมงมุม Arachne น่ารักซะจนลืมกลัวแมงมุมไปตอนเล่นเกมนี้เลยทีเดียว
แถมมันยังควบคู่ไปกับ Progression ได้ดีมาก ยกตัวอย่างเช่น ใน Run ก่อนหน้า เราเจอ NPC ปริศนามาถามว่าเรากำลังจะไปไหน ทำอะไร ซึ่งตัวละครเราก็จะตอบไปว่า มันไม่ใช่เรื่องที่เจ้าต้องกังวล แต่พอเราตาย ย้อนกลับมาเจอใหม่ NPC ตัวนั้นจะเปิดเผยตัวตนและยอกย้อนเรากลับว่า เมื่อกี้เจ้าเพิ่งพูดว่าไม่ใช่เรื่องที่น่ากังวลไม่ใช่หรือ? แล้วก็มีบทสนทนาต่อเนื่องไปอีก ยิ่งทำให้คุณค่าการเล่นซ้ำ เริ่ม Run ใหม่แต่ละรอบนั้น มีอะไรใหม่ ๆ รอการค้นพบตลอดเวลา เอาแค่ Erebus หรือฉากแรกของเกม ต่อให้ผู้เล่นตายวนเวียนไปนับสิบรอบ ผู้เล่นก็จะมีโอกาสค้นพบรูปแบบการเล่นใหม่ ๆ ได้เสมอ
ระบบเกมเพลย์การเล่นหลักนั้น ไม่ได้เปลี่ยนแปลงไปจากเดิมมากเท่าไร มันยังคงเป็นเกม Action Rogue-like ที่มีความเร็วในการต่อสู้ที่สูงมาก และดูเหมือนว่าทุกคนจะลงความเห็นเป็นเสียงเดียวกันเลยว่า ภาคนี้เราจะเริ่มต้นด้วยความยากที่สูงขึ้นกว่าภาคแรก ไม่ว่าจะเป็นความสามารถที่เรามี ศัตรูที่เราเจอ อย่าง Run แรกสุดของเกม ที่ต้องไปเจอศัตรูระดับ Elite ที่เกราะโคตรหนา แถมมีแพทเทิร์นการโจมตีที่ต้องหลบหลีกอย่างรวดเร็ว ผมว่าใครไม่เคยจับภาคแรก แล้วมาเล่นภาคนี้เลย อาจจะมีปาดเหงื่อกันบ้าง แต่ใครผ่านประสบการณ์ภาคแรกมาอย่างโชกโชนแล้วจะยิ่งรู้สึกว่าภาคนี้ควรค่ากับการเริ่มเล่นมากขึ้นไปอีก โดยเฉพาะช่วงของ Boss Fight และ Elite Monster ที่ยิ่งสู้ยิ่งสนุก แม้จะผ่านไปแล้ว แต่การกลับมาเล่นใน Run ต่อไป แม้ว่าตัวละคร
จุดเด่นของ Hades II คือการที่แต่ละ Run เราจะได้บัฟหรือความสามารถแบบไหน ก็ขึ้นอยู่กับดวงล้วน ๆ จริงอยู่ว่ามีบางประตูที่ล็อกไว้ชัวร์แน่นอนว่าต้องเจอ เช่นการเจอ Arachne เพื่อให้เราได้มีเกราะใช้ หรือก่อนห้องบอสจะเป็นร้านขายของให้เราฟื้นพลัง หรือเลือกบัฟให้ดีก่อนไปลุย แต่ก่อนหน้านี้ เส้นทางจะสุ่มทั้งหมดว่าตานั้น ๆ เราจะมีโอกาสเจอเทพองค์ใด เราต้องเรียนรู้ที่จะปรับตัวกับพลังที่ได้มา Playstyle แบบไหน เล่นแบบไหนถึงจะเวิร์ค ซึ่งนี่เป็นเสน่ห์ของ Hades หรืออาจจะบอกได้ว่า เป็นเสน่ห์ของเกมแนวนี้เลยก็ว่าได้ ตาไหนโชคดี เจอพรพระเจ้าที่คอมโบกันได้โหด ๆ ตานั้นเราก็อาจจะไปไกลขึ้นหน่อย หรือถึงขั้นผ่านบอสบางตัวได้ แต่เราก็อาจจะตายเอาข้างหน้า เพราะศัตรูมันก็จะโหดขึ้นเรื่อย ๆ
การอัปเกรดตัวละครและตัวช่วยภาคนี้ก็ถือว่ามีความหลากหลายมากขึ้นกว่าภาคแรกมาก อย่างแรกคือระบบ Arcana Card ที่เราจะสามารถติดตั้งการ์ดบัฟประเภทต่าง ๆ ได้ แต่เราจำเป็นจะต้องใช้ Ashe เพื่อปลดล็อคการ์ดใหม่ ๆ และการ์ดบางใบ ยิ่งบวกความสามารถสูงก็ยิ่งต้องใช้เกจติดตั้งที่สูงมากขึ้น ทำให้เราต้องหาไอเทมอื่นมาอัปเกรดเกจนี้ด้วย ดังนั้นในภาคนี้จึงเพิ่มระบบใหม่ ๆ เข้ามา อย่างการตกปลา การปลูกผัก การขุดแร่ แต่ไม่ต้องห่วง เพราะมันไม่ได้ทำให้เกมกลายเป็นเกมทำฟาร์ม ชาวไร่สไตล์อะไรขนาดนั้น แค่ระหว่างการผจญภัยเราจะเจอพื้นที่พวกนี้ ให้เก็บเป็นทรัพยากรเพิ่มกลับไปนั่นเอง
แม้จะมีหลายสิ่งหลายอย่างที่ชัดเจนว่ายังไม่ได้ขัดเกลาให้สมบูรณ์พร้อม แต่ ณ ตอนนี้ ใครที่คิดจะหยิบเอา Hades II มาเล่นก็ถือว่าเป็นเกมที่คุ้มค่าในระดับหนึ่งแล้ว สำหรับแผนการอัปเดตตัวเกมนั้น ทีมงานมีปุ่มให้เช็คตอนหน้าเมนูเข้าเกมเลยว่า จะมีการอัปเดตอะไรใหญ่ ๆ ในอนาคตบ้าง และเราก็ได้แต่หวังว่ารอบนี้ การรอคอยจาก Early Access ไปสู่เวอร์ชั่นเกมเต็ม 1.0 เราจะไม่ต้องรอนานกันขนาดนั้น และอย่างที่บอก นี่ยังไม่ใช่วิดีโอรีวิว ออกแนวความประทับใจแรกของเรามากกว่า เอาไว้ถ้าเป็ฯเกมเต็ม หรือคอนเทนต์แน่นพอจะให้เรารีวิว เราจะกลับมาอีกครั้งกับ Hades II