หากเราพูดถึงเกม Assassin’s Creed แล้ว สิ่งหนึ่งที่ทุกคนนึกถึงไปพร้อมกันก็คืออาวุธลับประจำกายของเหล่านักฆ่าอย่าง Hidden Blade ใบมีดลับที่ติดอยู่ตรงข้อมือสำหรับการใช้สังหารเป้าหมายแบบไม่รู้ตัว ด้วยความเร็วและประสิทธิภาพในการสังหารที่ยอดเยี่ยมทำให้มันกลายเป็นอาวุธที่น่าจดจำมากที่สุดชิ้นหนึ่งในโลกวิดีโอเกม
และเนื่องในโอกาสที่ Assassin’s Creed Valhalla กำลังจะเปิดตัวในไม่ช้านี้ เราจะกลับไปทำความรู้จักกับอาวุธชิ้นนี้กันครับ
รูปลักษณ์และความเป็นมา
Hidden Blade เป็นอาวุธที่มือสังหารของภาคีนักฆ่า Assassin Brotherhood เกือบทุกคนมีใช้งาน มันจะถูกซ่อนอยู่หลังข้อมือที่สามารถดึงออกมาใช้งานได้ทันทีด้วยกลไกบางอย่างออกมาทางนิ้วนาง ซึ่งการที่มันถูกซ่อนอยู่หลังเสื้อแขนยาวหรือเกราะแขนอย่างแนบเนียน ทำให้มันเป็นอาวุธที่เป้าหมายสังเกตเห็นได้ยากมากอีกด้วย
ด้วยการที่มันเป็นอาวุธที่ถูกซ่อนอย่างมิดชิดและไม่เกะกะขวางการเคลื่อนไหว ทำให้การเคลื่อนไหวของเหล่ามือสังหารนั้นคล่องตัวว่องไว ซึ่งก็มาจากการฝึกฝนทักษะทางด้านร่างกายอย่างเข้มข้น ทำให้ Hidden Blade เป็นอาวุธที่เหมาะสมกับการใช้งานของพวกเขามาก
ต้นกำเนิดของ Hidden Blade นั้นมีที่มาไม่ชัดเจนนัก แต่ในบันทึกทางประวัติศาสตร์นั้นมันปรากฏขึ้นครั้งแรกช่วงยุคอียิปต์โบราณสมัยอาณาจักรปโตเลมิ(305 – 30 ปีก่อนคริสตกาล) ซึ่งผู้ใช้คนแรกก็คือ Darius หรือ Artabanus นักรบชาวเปอร์เซียผู้สังหารราชา Xerxes I of Persia ลงด้วยอาวุธชิ้นนี้ และเป็นบุคคลสำคัญคนแรกที่ถูกสังหารด้วย Hidden Blade ตามที่มีการบันทึกเอาไว้นั่นเอง
Darius ได้ส่งมอบ Hidden Blade ต่อให้กับลูกหลานของเขา ซึ่งก็คือ Aya เพื่อใช้ในภารกิจออกปราบปรามกลุ่ม Order to The Ancient และเธอก็ได้มอบมันให้กับสามีของเธอ Bayek หรือ Medjay ตัวเอกของภาค Origins ทว่าในการใช้งานครั้งแรกของเขาก็มีเหตุให้เขาต้องปล่อยใบมีดออกมาตัดนิ้วนางของเขาในระหว่างการใช้งานจนขาดเพื่อสังหารศัตรู ทำให้เกิดเป็นธรรมเนียมปฏิบัติที่ผู้เข้าร่วมกลุ่มภาคีมือสังหารต้องตัดนิ้วนางของตัวเองเพื่อใช้งาน Hidden Blade ได้อย่างเต็มประสิทธิภาพ
และธรรมเนียมการตัดนิ้วนางของสมาชิกกลุ่มมือสังหารเพื่อใช้งาน Hidden Blade นั้นก็ได้ถูกส่งต่อมาจากรุ่นสู่รุ่น จนถึงมือสังหารแห่งเยรูซาเล็ม Altaïr Ibn-La’Ahad ตัวเอกของเกมภาคแรกที่ใช้มันได้อย่างคล่องแคล่ว และเขายังได้ใช้องค์ความรู้ที่ได้มาจาก Apple of Eden ปรับปรุงให้ Hidden Blade ใช้งานได้โดยที่ไม่ต้องตัดนิ้วนางออกไป จนธรรมเนียมการตัดนิ้วจึงถูกยกเลิกไปในที่สุด
Hidden Blade ถูกพัฒนาและปรับปรุงให้มีประสิทธิภาพดีขึ้น และถูกดัดแปลงจนใช้งานได้หลากหลายจนขีดสุดจากฝีมือของ Azio Auditore ที่ร่วมมือกับยอดอัจฉริยะแห่งยุคเรอแนซ็องส์ Leonardo da Vinci ที่ค้นคว้าเพิ่มเติมจากคัมภีร์แห่งโลกเก่าที่ Altaïr บันทึกเอาไว้ จนกลายมาเป็น Dual Hidden Blade ที่ถูกซ่อนเอาไว้ในแขนทั้งสองข้าง กลายเป็นอาวุธสังหารที่ได้ผลดียิ่งขึ้นไปอีก
นอกจากการปรับปรุงเป็น Dual Hidden Blade แล้ว da Vinci ยังปรับปรุงให้ Hidden Blade สามารถติดตั้งตะขอเกี่ยวเพื่อใช้กับ Zipline เพื่อการเดินทางไปมาได้สะดวกรวดเร็วมากขึ้นด้วย
เวลาล่วงเลยมาจนสมัยศตวรรษที่ 17 การใช้ Dual Hidden Blade ก็แพร่หลายมากขึ้น เหล่ามือสังหารในคาบสมุทรแคริบเบียนต่างเลือกใช้กันมากมาย หนึ่งในนั้นก็คือ Edward Kenway ตัวเอกของภาค Black Flag นั่นเอง จนมาถึงยุคปัจจุบัน การใช้ Hidden Blade ในกลุ่มมือสังหารก็ยังคงมีอยู่ เช่นกลุ่มมือสังการในประเทศญี่ปุ่นที่จัดการพวกยากุซ่า Onmoraki-Gumi เป็นต้น
หรือให้เหนือล้ำไปกว่านั้น Hidden Blade ในยุคปัจจุบันก็ถูกเพิ่มลูกเล่นการใช้งานใหม่ด้วยการซ่อนระเบิดสำหรับทำลายตัวเองเอาไว้ ซึ่งถูกใช้งานโดย Jasdip Dhami สมาชิกมือสังหารจากอินเดีย ตัวเอกในหนังสือการ์ตูนภาค Uprising โดยเขาได้ใช้ระบบทำลายตัวเองนี้กับร่างของน้องสาวที่จากไปเพื่อทำลายร่างของเธอและสมาชิกคนอื่นที่เสียชีวิตในภารกิจตาม Piece of Eden ไม่ให้หลักฐานสาวมาถึงกลุ่มมือสังหารได้นั่นเอง
การใช้งานและประสิทธิภาพ
อย่างที่เรารู้กันว่า Hidden Blade มันถูกใช้ในงานลอบสังหาร เพราะการที่มันสามารถพกซ่อนได้อย่างแนบเนียน และเมื่อแทงเข้าไปในจุดสำคัญยามที่เป้าหมายเผลอก็ทำให้เสียชีวิตได้ทันที แต่ด้วยการปรับปรุงและดัดแปลงของ da Vinci ทำให้ Hidden Blade มีการใช้งานที่หลากหลายมากขึ้น เช่นใบมีดพิษ ปืน หรือเครื่องยิงลูกดอก เป็นต้น
และตัวของ Hidden Blade เองก็ไม่ได้ถูกซ่อนเอาไว้แค่ที่ตรงข้อมือเท่านั้น กลุ่มมือสังหารในประเทศจีนยังดัดแปลงซ่อนมันไว้ในรองเท้าของตัวเอง ซึ่งทำให้มันมีประสิทธิภาพมากขึ้นสำหรับผู้ใช้งานที่มีความรวดเร็วอย่าง Shao Jun ตัวเอกของภาค Chronicle ผู้ร้ายกาจนั่นเอง
และแม้ Hidden Blade จะเป็นอาวุธที่ทรงประสิทธิภาพ แต่ในภาคหลังความสำคัญของอาวุธชิ้นนี้ก็ลดลงไปพอสมควร เพราะระบบการเล่นที่แปรเปลี่ยนไปให้เน้นไปที่การต่อสู้มากขึ้น และศัตรูหลายตัวเองก็ไม่ตายจากการถูกสังหารด้วยสิ่งนี้แล้ว ทว่ามันก็ยังเป็นอาวุธที่อยู่กับเกมนี้มานานและในภาคล่าสุดอย่าง Valhalla เราก็น่าจะได้เห็นมันเช่นเดิม แต่จะมาในรูปแบบไหนและประสิทธิภาพของมันจะยังดีเหมือนเดิมหรือไม่นั้น คงต้องรอพิสูจน์กันต่อไปครับ