BY StolenHeart
5 Oct 18 11:22 am

Hotline Miami สุดยอดเกม Action เรโทร สำหรับผู้ใฝ่หาความยากและความดีด

124 Views

แม้ยุคสมัยจะเปลี่ยนไปเรื่อย ๆ ไม่มีหยุดนิ่ง แต่หลายครั้งเราก็มักจะโหยหาของที่มีกลิ่นอายเก่า ๆ ในยุคสมัยที่เราชอบอยู่เสมอ รวมไปถึงวิดีโอเกมที่หลายเกมก็มักจะใช้ธีมที่เกี่ยวข้องกับยุคที่หลายคนชื่นชอบ ซึ่งในวันนี้เราจะมาพูดถึงเกมที่มีทั้งความเรโทร ดิบเถื่อน และโดนใจผู้เขียนอย่างมาก นั่นก็คือเกม Hotline Miami ครับ

ถ้าหากจะพูดถึงความหลงใหลในยุคสมัยหนึ่ง สำหรับผู้เขียนเองก็คงหนีไม่พ้นช่วงยุค ’80 ยุคที่เต็มไปด้วยแสงสี เพลงดิสโก้ และความฟุ้งเฟ้อล่องลอยที่มีความดิบเถื่อนแฝงอยู่ ทำให้อะไรก็ตามที่มีธีมของยุคนี้ผสมอยู่จะเป็นอะไรที่โดนใจผู้เขียนอย่างมาก ไม่ว่าจะเป็น Grand Theft Auto: Vice City ที่รังสรรค์ความเป็นยุค ’80 มาเต็มที่ในเมืองที่จำลองมาจาก Miami หรือเพลงแนว Disco, Pop Rock ในยุคนั้นไม่ว่าจะฟังกี่ครั้งก็ติดตราตรึงใจอยู่ร่ำไป ซึ่งเมืองหนึ่งที่มักจะถูกหยิบมาเป็นฉากหลังของเกมที่ใช้ธีมยุค ’80 ก็หนีไม่พ้นเมือง Miami ในรัฐฟลอริด้าของสหรัฐอเมริกา เกม Hotline Miami นั้นก็ใช้เมืองนี้เป็นเวทีในการดำเนินเรื่อง แต่มาในแบบที่แตกต่างออกไปพอสมควร

Hotline Miami เป็นเกมแนว Action สองมิติในมุมมองแบบ Bird Eyes View มองลงมาจากด้านบน ตัวเกมดำเนินเรื่องในยุค 1989 ที่ทุกอย่างดูเหมือนจะเป็นยุค ‘80 ที่เราคุ้นเคยกันดี ทั้งบรรยากาศชายทะเล โทนสีฉูดฉาด และรถยนต์ทรงเหลี่ยมรุ่น Delorean รถยนต์ทรงเหลี่ยมที่เราคุ้นเคยกันดีจากภาพยนตร์เรื่อง Back to the Future โดยในเกมเราจะได้รับบทเป็นตัวเอกไร้ชื่อ แต่แฟน ๆของเกมนี้ได้ตั้งชื่อให้เขาว่า Jacket เนื่องมาจากชุดที่เขาสวมใส่นั้นเอง โดยเขาได้รับข้อความเสียงที่ฝากเอาไว้ในโทรศัพท์ให้ออกไปจัดการธุระต่าง ๆ เช่นส่งคุกกี้ นัดบอด หรือพี่เลี้ยงเด็ก แต่แท้ที่จริงแล้วมันคือที่อยู่ของแก็งมาเฟียชาวรัสเซียที่ผู้เล่นมีหน้าที่ต้องไปสังหารให้หมดนั้นเอง

ส่วนเกมการเล่นก็ง่ายแสนง่าย “ฆ่ามัน ก่อนที่จะถูกมันฆ่า” แต่มันก็ไม่ได้ง่ายอย่างที่ตาเห็นเท่าใดนัก เนื่องจากผู้เล่นกับศัตรูส่วนใหญ่จะมีเพียงแค่ชีวิตเดียว โดนตีโดนยิงเมื่อไหร่คือตายทันที ทำให้เกมนี้ไม่หมูสำหรับผู้เล่นทั่วไป แม่เราจะสามารถมองฉากในเกมได้ทั่ว แต่ก็ต้องอาศัยการวางแผนการเข้าลุยให้เป็นระบบและต้องแม่นจังหวะในการฆ่าอย่างมาก พลาดเพียงก้าวเดียวหมายถึงความตาย และหน้าจอ Press R to Restart จะเป็นหน้าจอที่ผู้เล่นได้เห็นจนเบื่อไปข้างหนึ่งเลยทีเดียว

และด้วยความยากที่ทะลุปรอทแบบนี้ทำให้มันโดนใจผู้เขียนอย่างมาก บวกรวมกับดนตรีประกอบแนว Psychedelic สุดมันเร้าใจ ทำให้เกมการเล่นตื่นเต้นยิ่งขึ้นไปอีก แถมด้วยวิธีการผ่านฉากนั้นก็ไม่ใช่แค่รู้ว่าใครอยู่ตรงจุดไหนหรือวางแผนได้เลิศเลอเท่านั้น แต่ยังอยู่ที่ไหวพริบและจังหวะในการเล่นที่ต้องมองให้เฉียบขาดและกดออกมาแบบห้ามพลาดเด็ดขาด เพราะถ้าพลาดก็หมายถึงต้องเริ่มเล่นชั้นนั้นใหม่หมดทั้งชั้นเลยทีเดียว

อีกสิ่งหนึ่งที่เป็นเสน่ห์ของเกมภาคแรกก็คือตัวเอกของเราสามารถเปลี่ยนหน้ากากสัตว์ต่าง ๆ ที่มีความสามารถแตกต่างกันได้ตามต้องการ เช่นหน้ากากเสือที่สามารถฆ่าศัตรูได้ด้วยการต่อย หน้ากากหมูที่ในฉากจะมีอาวุธดรอปมากขึ้น หรือหน้ากากช้างที่จะเพิ่มความอึดให้ทนกระสุนของศัตรูได้มากขึ้น และการเก็บสะสมหน้ากากต่าง ๆ ก็เป็นความท้าทายอย่างหนึ่งของเกมเพราะผู้เล่นจะต้องทำคะแนนให้ถึงจุดที่เกมกำหนดในฉากนั้นให้ได้ แต่ก็น่าเสียดายเล็กน้อยที่ในภาคสอง ลูกเล่นการเลือกหน้ากากนั้นถูกลดความสำคัญลงไปกลายเป็นการใช้ตัวละครในเฉพาะฉากนั้น ๆ แทน

นอกจากนั้นเนื้อเรื่องของเกมก็ถือว่ามีความลึกลับน่าสนใจอยู่ในน้อย จากในตอนแรกที่ดูเหมือนจะเป็นเรื่องราวของฆาตกรต่อเนื่องที่ตามล่าล้างมาเฟียรัสเซียใน Miami แต่ไป ๆ มา ๆ เรื่องราวกลับลึกลับซับซ้อนมากกว่านั้นมาก ซึ่งผู้เขียนจะไม่ขอสปอยล์ให้เสียอรรถรส แต่บอกได้เลยว่าเนื้อเรื่องของเกมนั้นเรียกว่าทั้งประหลาดและหักมุมอย่างที่คาดไม่ถึงมากทีเดียว(และสำหรับในภาคแรก ถ้าหากแก้ปริศนาเก็บตัวอักษรที่ซ่อนอยู่ในฉากต่าง ๆ ได้ครบ ก็จะพบกับฉากจบลับที่เผยเนื้อหาสำคัญในเกมด้วยครับ)

และด้วยความนิยมของเกมนี้ ทำให้เกิดฐานแฟนเกมที่ชื่นชอบความระห่ำของเกมอย่างมากในระดับหนึ่ง หลายคนยกให้เป็นเกมอินดี้ที่ดีที่สุดของปี 2012 และทำให้ชื่อของ Devolver Digital เป็นที่รู้จักมากขึ้นในฐานะผู้จัดจำหน่ายเกมอินดี้สุดแปลกประหลาดแต่เปี่ยมไปด้วยคุณภาพมาให้ผู้เล่นได้เสพกันอยู่เสมอ ส่วนทีมพัฒนาอย่าง Dennation Games ก็เป็นที่น่าเสียดายว่าตั้งแต่จบโปรเจค Hotline Miami 2: Wrong Number เป็นต้นมา เราก็ไม่เห็นผลงานใหม่จากพวกเขาอีกเลย

Hotline Miami ถือเป็นอีกหนึ่งเกมที่ช่วยปลุกกระแสให้แนวเกมอินดี้กลับมาได้รับความสนใจอีกครั้งหนึ่ง ด้วยเอกลักษณ์ของตัวเกมที่กล้าฉีกมาจากบรรดาเกมที่เน้นกราฟฟิกสามมิติ กลายมาเป็นภาพแบบสองมิติที่เต็มไปด้วยความบ้าคลั่งและดิบเถื่อน และบรรยากาศที่เมาหลอนราวกับอัพยาหลอนประสาทมาเต็มพิกัด สำหรับคนที่ชอบความยากและท้าทาย นี่เป็นอีกหนึ่งเกมที่ผู้เขียนขอแนะนำให้กลับไปหามาลองกัน รับรองว่าหัวร้อนและท้าทายไม่แพ้ซีรีส์ Dark Souls เลยทีเดียวครับ

Putinart Wongprajan

เค้ก - Content Writer

Back to top