BY StolenHeart
10 Jan 22 6:59 pm

Mass Effect 3 กับการจบมหากาพย์ไตรภาค ที่เต็มไปด้วยประเด็นให้ถกเถียง

158 Views

ช่วงที่ผ่านมาสำหรับผู้เขียนเองเกมที่ได้เล่นรวดเดียวจนจบนั้นมีนับเกมได้เลย แถมหนึ่งในนั้นก็ดันเป็นเกมเวอร์ชันกลับมาขายใหม่อย่าง Mass Effect: Legendary Edition เสียอีก แต่ก็ต้องยอมรับว่าเป็นการเล่นเกมแบบรวดเดียวที่ค่อนข้างอิ่มเอมในระดับหนึ่ง แต่หลังจากที่เล่นจนจบมาหลายวัน ก็มีความคิดที่อยากจะพูดถึงเกมภาคสามที่เป็นการปิดไตรภาคของ Commander Shepard ที่เป็นกระแสอย่างหนักหน่วงในช่วงที่เกมออกวางจำหน่ายเสียหน่อย

เพราะนี่คือเกมที่น่าจะเป็นภาคที่ดีที่สุดในไตรภาคทั้งหมด แต่กลับถูกกระแสจากผู้เล่นตีกลับจนกลายเป็นดราม่าจานใหญ่ของวงการเกมในปี 2012 เลยทีเดียว

Mass Effect ผู้จุดประกายยุคทองให้ Bioware

Mass Effect ภาคแรกวางจำหน่ายในวันที่ 20 พฤศจิกายน ปี 2007 บนเครื่อง Xbox 360 แบบ Time Exclusive ที่พัฒนาโดย Bioware ที่ในยุคนั้นพวกเขาเคยฝากผลงานเกมแนว RPG ขนานแท้สุดคลาสสิกอย่าง Baldur’s Gate, Neverwinter Nights และ Star Wars: Knights of The Old Republic มาก่อน แต่คราวนี้พวกเขาเปลี่ยนแนวมาเป็นเกม RPG กึ่ง Tactical Shooter ที่เน้นการยิงและวางแผนในการต่อสู้มากขึ้น แต่ก็ยังเจือความเป็น RPG เอาไว้อยู่ส่วนหนึ่ง

และแม้จะมีปัญหาติดตัวมาบ้างสำหรับการเปิดตัวในภาคแรก ทั้งเรื่องระบบการจัดการ Inventory ที่ปวดร้าวหัวใจ การขับรถ Mako อันน่าเวียนหัว แต่สิ่งเหล่านั้นก็ถือเป็นเรื่องเล็กน้อยเพราะตัวเกมได้รับคำชมจากนักวิจารณ์ในแง่บวกอย่างมากมาย และขายได้เกิน 1 ล้านชุดหลังวางจำหน่ายไปแค่สามสัปดาห์เท่านั้น ด้วยความแปลกใหม่ของการนำเสนอในรูปแบบเหมือนภาพยนตร์แนว Sci-Fi ระบบการเล่นที่สนุกตื่นเต้น น่าดึงดูดสำหรับคนที่มองว่าเกม RPG เป็นยาขมให้มาลองเกมนี้กันอย่างมากมาย

และภาคต่อที่วางจำหน่ายมาในปี 2010 ก็เป็นการยกระดับซีรีส์นี้ขึ้นไปจนสุดเพดาน ทั้งเนื้อเรื่องที่เข้มข้นกว่าเก่า ระบบการเล่นที่ตัดทอนสิ่งที่ไม่จำเป็นออกไป เหลือแค่ความเร้าใจในสไตล์ Tactical Shooting รวมกับการสาดพลัง Biotic และ Tech ด้วยระบบ Class ที่ปรับปรุงให้เป็นเอกเทศมากขึ้น พร้อมกับเรื่องราวที่ปูไปสู่ภาคต่อได้อย่างสมบูรณ์ และกลายเป็นเกมที่ถูกยกย่องว่าดีที่สุดตลอดกาลจากหลายสำนักในยุคนั้นเลยก็ว่าได้

จึงไม่ต้องแปลกใจว่าทำไม Mass Effect 3 ที่เป็นการสรุปเรื่องราวการต่อสู้ระหว่าง Commander Shepard กับ The Reaper ภัยคุกคามของกาแล็กซี่นั้นจึงเป็นเกมที่มีคนรอคอยมากที่สุดอย่างไม่ต้องสงสัย ด้วย Bioware Magic ที่สร้างสรรค์สิ่งเหล่านี้ออกมาจนสุดทาง และยากที่จะลืมได้ลง

บทสรุปของเกมที่กลับเต็มไปด้วยคำถาม

6 มีนาคม 2012 Mass Effect 3 วางจำหน่ายอย่างเป็นทางการ แม้จะล่าช้าจากกำหนดการที่วางไว้ว่าจะวางจำหน่ายในปี 2011 หรือหลังจากภาคสองหนึ่งปี แต่ทีมงานก็ตัดสินใจเลื่อนการวางขายเพื่อขัดเกลาเกมให้ดีที่สุด ซึ่งเป็นเช่นนั้นจริง ๆ ระบบการเล่นถูกปรับปรุงใหม่หมดจด ข้อด้อยที่เคยมีในเกมภาคสองหายไป การยิงต่อสู้ในเกมเร้าใจมากขึ้นแม้จะยังเป็นเกมแนว Cover-Base Shooter เช่นเดิม แต่เสริมด้วยระบบปรับแต่งอาวุธชิ้นโปรดให้เหมาะมือผู้เล่นได้ และยังมีโหมด Multiplayer ที่สนุกสุด ๆ จนหลายคนแทบจะลืมเกมหลักไปเลยด้วยซ้ำ(และเชื่อหรือไม่ว่าทุกวันนี้ก็ยังมีผู้เล่นที่เล่นในโหมดนี้อยู่ แม้เวลาจะผ่านมาเกือบสิบปีแล้วก็ตาม)

แต่สิ่งที่สร้างความงุนงงให้กับผู้เล่นมากที่สุดก็คงหนีไม่พ้นช่วง 20 นาทีสุดท้ายของเกม ที่เปลี่ยนอารมณ์ของเกมที่ตื่นเต้นตื่นตาตื่นใจ ให้กลายเป็นความงุนงงยิ่งกว่าโดนต่อยหลับนับสิบคาเวทีมวย เพราะจู่ ๆ ผู้เล่นก็ถูกโยนปรัชญาและแนวคิดที่ฟังดูพิลึกใส่จนมึนงง ทั้งเรื่องของ Reaper ที่มาของ The Catalyst เป็นอาวุธสุดท้ายของจักรวาล การถูกครอบงำของ The Illusive Man และทางเลือกสุดท้ายของเกมทั้งสามแบบ เรียกว่าเรื่องราวทุกอย่างในภาคนี้คือเหมือนจับยัดจนผู้เล่นมึนงงไปไม่เป็นกันเลย

และที่สำคัญคือ Plot hole หรือช่องโหว่ของเนื้อเรื่องในเกมภาคนี้เองก็มีให้เห็นเต็มไปหมด หลายประเด็นที่เคยเกริ่นเอาไว้ในภาคก่อนไม่เคยถูกพูดถึงหรือเฉลยที่มาที่ไปชัดเจน หรือกระทั่งช่วงท้ายที่จู่ ๆ บาน Normandy ต้องซิ่งหนีตายแบบไม่มีต้นสายปลายเหตุในฉาบจบ ก็ล้วนทำให้ผู้เล่นทุกคนต่างตั้งคำถามด้วยความไม่เข้าใจว่า

“เพราะอะไรทำไม Bioware ถึงเลือกที่จะปิดฉากเรื่องราวมหากาพย์ไตรภาคที่ยอดเยี่ยมเช่นนี้ ทั้งที่สองภาคแรกไม่เคยมีแววว่าจะทำแบบนี้มาก่อนเลย”

แน่นอนว่าเรื่องนี้ส่งผลต่อภาพลักษณ์และศรัทธาของแฟน ๆ อย่างไม่ต้องสงสัย เพราะมันคือการทำลายสิ่งที่ Commander Shepard และผองเพื่อนร่วมกันทำมาลงอย่างราบคาบ ความประทับใจในเรื่องราวที่ผ่านมากลายเป็นสิ่งสูญเปล่า ราวกับว่าสิ่งที่ทำมาทั้งหมดนั้นไม่มีประโยชน์อันใดเลยในตอนท้าย กลายเป็นแค่ตัวเลือกง่าย ๆ แค่สามแบบเท่านั้น ยิ่งไม่ต้องพูดถึงคนที่เล่นสาย Renegade ที่ทำให้ Shepard กลายเป็นคนชั่วช้าที่ในกาแล็กซี่แบบที่ไม่น่าให้อภัยเลยแม้แต่น้อย

ผลกระทบตรงจุดนี้แรงมาก ไม่ว่าจะทั้งผู้เล่นและสื่อเกมเองก็หยิบประเด็นเรื่องของฉากจบมาพูดถึงกันอย่างแพร่หลาย ทั้ง ๆ ที่ตัวเกมในภาคสามนี้ก็เรียกได้ว่าดีกว่าทั้งสองภาคแบบชัดเจนเสียด้วยซ้ำ แต่ความรู้สึกจากผู้เล่นที่ได้รับจากตอนจบของเกมมันรุนแรงเกินกว่าจะรับได้ไหว กลบความดีงามในส่วนอื่นของเกมไปอย่างน่าเสียดาย

แต่กระนั้นมันก็ทำให้เกิดประเด็นถกเถียงและเกิดทฤษฎีจากแฟน ๆ มากมาย ว่าแท้จริงแล้ว Shepard นั้นถูกครอบงำโดยพวก Reaper อยู่หรือเปล่า Illusive Man มีเป้าหมายอะไรทำไมถึงต้องร่วมมือกับพวก Reaper และสิ่งที่พวก Reaper ทำนั้นคืออะไรกันแน่ กลายเป็นอีกหนึ่งประเด็นร้อนแรงที่ยังคงถกเถียงกันจนถึงทุกวันนี้อย่างออกรสทีเดียว

การแก้ไขหลังเรื่องร้าย

หลังจากเป็นประเด็นถกเถียงในวงการระดับไฟลามทุ่ง ในที่สุด Bioware ก็ตัดสินใจเพิ่มเนื้อหาของเกมใน DLC Extended Edition เพื่ออุด Plot hole และเพิ่มเนื้อหาส่วนสำคัญที่ขาดหายไปจนครบ แม้ถ้าว่ากันตามตรงแล้ว เนื้อหาหลายส่วนจะยังขาดตกบกพร่องอยู่บ้าง แต่ก็สมบูรณ์ขึ้นกว่าในตอนแรกที่เกมออกมาหลายเท่า ซึ่งเดิมทีนั้นมีการพูดกันว่าทาง Bioware จะขาย DLC เนื้อเรื่องเสริมส่วนนี้ แต่ก็ถูกทางผู้เล่นต่อต้านอย่างหนักจนต้องเปลี่ยนมาเป็นการแจกฟรีในภายหลัง

แม้จะมีการแก้ไขในส่วนของเนื้อเรื่องจนกลับมาดีขึ้นได้แล้ว แต่กระแสด้านลบของผู้เล่นที่ยังผิดหวังจากเนื้อเรื่องในภาคนี้ก็ยังคุกรุ่นอยู่อีกพักใหญ่ ซึ่งหลายคนกว่าจะกลับมาเปิดใจเล่นเกมนี้อีกครั้งก็ต้องใช้เวลานานโข แม้จะไม่ได้แก้ไขจนสมบูรณ์และยังมีหลายเรื่องที่ยังไม่เคลียร์ แต่ก็ทำให้ฉากจบของเกมดู Make sense มากขึ้นกว่าเดิม และ DLC เสริมในโหมด Singleplayer อย่าง Citadel เองก็ทำได้น่าประทับใจและคุ้มค่าสำหรับผู้เล่นที่ติดตามซีรีส์นี้มาอย่างยาวนานเช่นกัน

ทิศทางหลังจากนี้ของ Mass Effect

อย่างที่ทราบกันดีว่าในตอนนี้ Bioware เองก็มีโปรเจกต์เตรียมคืนชีพให้กับ Mass Effect อีกครั้ง หลังจากล้มไม่เป็นท่าจาก Andromeda ด้วยหลายปัจจัย ซึ่งครั้งนี้จะเป็นการสานต่อเนื้อหาจากไตรภาคแรกว่าหลังจากจบศึกกับพวก Reaper ไปแล้วจะมีอะไรเกิดขึ้นบ้าง แต่ในตอนนี้ก็ยังไม่มีข่าวคราวใด ๆ ออกมาทั้งระบบการเล่น ตัวละคร หรือวันวางจำหน่ายให้ทราบกันในตอนนี้

แต่จากกระแสตอบรับของผู้เล่นที่มีต่อ Mass Effect: Legendary Edition ก็น่าจะทำให้ทาง EA และ Bioware ใจชื้นขึ้นมาบ้าง เพราะตัวเกมเองก็ขายได้ดีมากกว่าที่คาดเอาไว้ มันจึงเป็นเกมที่เหมาะมากสำหรับผู้เล่นที่อยากสัมผัสเรื่องราวไตรภาคแรกของ Mass Effect แบบเต็มอิ่มในกราฟิกที่สวยขึ้น ก็น่าจะทำให้เราเชื่อได้ว่าโปรเจกต์คืนชีพให้กับซีรีส์นี้น่าจะไม่ล้มลงไปกลางคันง่าย ๆ แบบที่เคยเกิดขึ้นกับ Anthem อย่างแน่นอน

แม้ความผิดหวังที่ได้รับจากฉากจบที่งุนงง จะทำให้ผู้เล่นเกิดความรู้สึกผิดหวัง จนบดบังสิ่งดีงามอื่น ๆ ในเกม แต่มันก็ทำให้เราแอบคิดขึ้นมาได้อย่างหนึ่งก็คือ แม้ปลายทางที่เดินทางไปอาจจะไม่ได้สวยงามอย่างที่หวัง แต่ประสบการณ์และความทรงจำที่เราสร้างขึ้นร่วมกับมิตรสหายที่เดินทางมาด้วยกันนั้น อาจจะล้ำค่ายิ่งกว่าสิ่งที่อยู่ในปลายทางก็เป็นได้

SHARE

Putinart Wongprajan

เค้ก - Content Writer

Back to top