เรื่องราวของเกมซีรีส์หนึ่งจากต้นกำเนิดที่เล็กมากได้เติบโตไปจนกลายมาเป็นเกมกระแสหลัก
ไม่ใช่เรื่องที่เห็นได้บ่อยนัก กับการที่เราจะได้เห็นการเดินทางของเกมซีรีส์หนึ่งจากต้นกำเนิดที่เล็กมากและเฉพาะกลุ่มแบบสุด ๆ ได้เติบโตไปจนกลายมาเป็นเกมกระแสหลัก และยังสร้างกลุ่มชุมชนผู้เล่นที่เหนียวแน่นขึ้นมาอย่างเข้มแข็งจวบจนถึงทุกวันนี้ และหนึ่งในเกมที่เข้าเงื่อนไขนี้ก็คือซีรีส์ Melty Blood นั่นเอง
จาก Visual Novel สู่การต่อสู้บนสังเวียนเกมต่อสู้
ต้นกำเนิดของ Melty Blood นั้นมาจากเกม Visual Novel Tsukihime ผลงานของ Type-Moon ที่มีคุณ Nasu Kinoko ผู้แต่งเรื่อง และ Takashi Takeuchi ผู้วาดภาพประกอบ ออกวางขายในงาน Comiket ฤดูหนาวปี 2000 ซึ่งก่อนหน้านี้มีการออกเกมเวอร์ชันทดสอบออกมาในแบบ Floppy Disk แจกจ่ายให้ผู้สนใจในปี 1999 มาก่อน ทว่าตัวเกมนั้นก็ยังไม่ได้รับความสนใจจากบุคคลทั่วไปเท่าใดนัก และทำยอดขายในงานไปได้เพียง 300 ชุดเท่านั้น
แต่ในเวลาต่อมา Tsukihime ก็ได้รับความสนใจมากขึ้นเรื่อย ๆ จนเริ่มมีคนรู้จักมากขึ้น โดยในเวลานั้นเอง Doujin Game ที่เป็นเกมแนวต่อสู้นั้นเริ่มได้รับความสนใจและมีกลุ่มผู้เล่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ดังนั้นทาง Type-Moon จึงคิดที่จะทำเกมต่อสู้โดยมีเนื้อหาของ Tsukihime บ้าง ดังนั้นพวกเขาจึงขอให้คุณ Nobuya Narita และคุณ Watanabe Seisakujo สองผู้พัฒนาจาก Circle French-Bread มาช่วยด้วย โดยมีผู้ Nasu เขียนเรื่อง และคุณ Takeuchi เป็นผู้ออกแบบตัวละคร ส่วนคนที่เหลือก็ออกแบบระบบเกมและสร้างภาพ 2d Pixel Sprite ในเกม
ซึ่งความยากลำบากของการพัฒนาเกมคือเหล่าตัวละครใน Tsukihime นั้นไม่ได้มีท่าไม้ตายหรือท่าโจมตีที่เป็นเอกลักษณ์อะไรที่จะพอเอามาใช้ในเกมได้เลย เพราะเกม Visual Novel นั้นเน้นคำบรรยายที่เป็นตัวอักษรมากกว่าการวาดให้เห็นภาพ พวกเขาจึงต้องทำงานอย่างหนักเพื่อสร้างสรรค์ท่าโจมตีที่ดูดีและเป็นเอกลักษณ์ของแต่ละคนออกมาให้ได้ และท่าต้องมีความลื่นไหลแบบเดียวกับเกมยอดนิยมอย่าง Street Fighter III อีกด้วย
Melty Blood ภาคแรกวางจำหน่ายเวอร์ชันเต็มในเดือนธันวาคมปี 2002 บนระบบ PC ซึ่งมีเนื้อเรื่องแบบ Spin-off แยกออกมาจากเกม Tsukihime ส่วนระบบการเล่นนั้นค่อนข้างลงตัวในระดับหนึ่ง แต่ความสมดุลของเกมก็ค่อนข้างจะเรียกได้ว่า Broken ในระดับหนึ่ง กระนั้นด้วยกราฟิกของเกมที่สวยเกินหน้าเกินตาเกมแนว Doujin Soft อื่น ๆ ทำให้ผู้คนหันมาสนใจ Melty Blood กันอย่างล้นหลามไม่น้อย
และด้วยความสำเร็จนี้เองทำให้ Type-Moon และ French-Bread สานต่อด้วยภาค Re-ACT ที่เพิ่มทั้งตัวละครและเนื้อเรื่องใหม่เข้าไป พร้อมกับ Arcade Mode ที่เสริมเนื้อเรื่องของแต่ละตัวละครเข้าไปด้วย สมดุลของเกมก็เริ่มมีการปรับเปลี่ยนและรูปแบบการเล่นของตัวละครที่เป็นอีกด้านหนึ่งก็ถูกเปลี่ยนให้มีวิธีการเล่นไม่เหมือนกัน รวมไปถึงมีตัวละครบอสแบบพิเศษให้ได้ประมืออีกด้วย
ขยับขยายสู่เวอร์ชันอาร์เคด
จากความสำเร็จที่ทั้งสองค่ายรังสรรค์ร่วมกันในกลุ่มผู้เล่น Doujin Soft ทำให้ไปเตะตาค่ายเกมแห่งหนึ่งที่สนใจนำเกมนี้ไปลงในเกมตู้หรืออาร์เคด โดยมีค่าย Eclole Software เข้ามาติดต่อขอให้ทาง French-Bread นำ Melty Blood ไปลงในเกมตู้ และ Melty Blood ภาคใหม่ Act Cadenza ก็เปิดตัวมาให้ได้เล่นกันเป็นครั้งแรกในเดือนมีนาคมปี 2005 ที่ประเทศญี่ปุ่น กับความเปลี่ยนแปลงหลายประการทั้งการปรับสมดุลและเพิ่มตัวละครใหม่เข้าไป จนได้รับความนิยมไม่แพ้เกมแนวเดียวกันในตอนนั้นเลย
Act Cadenza ได้รับการกล่าวขวัญถึงอย่างมากในกลุ่มผู้เล่นเกมต่อสู้ในยุคนั้น ด้วยความสนุกในรูปแบบเฉพาะตัว วิธีการเล่นของแต่ละตัวละครที่มีเอกลักษณะเฉพาะไม่เหมือนใครจนได้รับความนิยมไม่แพ้เกมในกระแสหลักอย่าง Street Fighter หรือ Guilty Gear และได้กลายเป็นเกมหลักในรายการแข่งขันเกมต่อสู้ที่ใหญ่ที่สุดในญี่ปุ่นอย่าง Tougeki Super Battle Opera หรือ SBO ในปี 2006 แม้แต่งาน EVO เองก็มีการแข่งขันเกมนี้ในส่วนของ Side Tournament อยู่เสมอ ๆ อีกด้วย
จากความสำเร็จนี้เองทำให้ Melty Blood มีฐานแฟนที่เพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ แม้แต่นอกประเทศญี่ปุ่นเองก็ได้รับการพูดถึงอยู่เสมอ จากเกมเวอร์ชัน PS2 ที่ถูกใจผู้เล่นในกลุ่มคนชอบเกมญี่ปุ่น ต่อยอดมาสู่ภาคใหม่มากมาย เช่น Act Cadenza Ver B ที่ปรับสมดุลของเกมให้สมบูรณ์ไปอีกขั้น พร้อมกับไม่ทิ้งเกมเวอร์ชัน PC ที่ยังมีการวางจำหน่าย Ver. B2 ออกมาตามหลัง และ Actress Again ที่ยกระดับ Gameplay ให้ลึกขึ้นไปอีกขั้น ด้วยระบบ Moon System ที่หนึ่งตัวละครจะมีรูปแบบการเล่นต่างกันถึง 3 แบบ กลายเป็นยุครุ่งเรืองของเกมนี้อย่างไม่ต้องสงสัย
ชุมชนผู้เล่นที่เหนียวแน่นไม่เคยจางหาย
แม้ Melty Blood Actress Again จะได้รับความนิยมอย่างสูงในกลุ่มผู้เล่นเกมต่อสู้ที่ชื่นชอบความท้าทาย ทว่าปัญหาหลักใหญ่ของเกมต่อสู้ในยุคนั้นก็ยังอยู่ที่ระบบการเล่นออนไลน์เช่นเดิม เพราะ Melty Blood Actress Again Current Code Ver 1.07 ที่วางจำหน่ายบน Steam นั้นมีปัญหาในเรื่องของ Netcode ที่ไม่สู้ดีนัก ดังนั้นหนทางที่จะเล่นด้วยกันได้ก็ต้องมีแต่ต้องนัดเจอหรือไปเล่นกันตามงานแข่งเท่านั้น และด้วยความนิยมที่ลดน้อยถอยลงไปทำให้กลุ่มผู้เล่นเหลือน้อยลงเพียงหยิบมือเท่านั้น
แต่ก็ยังมีผู้เล่นอีกหลายคนที่ยังรักและคิดถึงเกมนี้อยู่เสมอ โดยเฉพาะในฝั่งตะวันตกที่ยังมีการรวมกลุ่มผู้เล่นเพื่อจัดการแข่งขันอยู่เสมอ ๆ และยังมีผู้พัฒนา Mod สำหรับการเล่นออนไลน์ออกมาจนมีผู้เล่นมากขึ้นเรื่อย ๆ ทำให้ภาพจำในสมัยนั้นของผู้เล่น Melty Blood ก็คือการอุดอู้รวมตัวกันในโรงรถเพื่อเข้าแข่งขันทัวร์นาเมนต์ขนาดเล็ก หรือห้องพักในโรงแรมที่อยู่ใกล้กับสถานที่แข่งขันเกมที่เต็มไปด้วยผู้เล่นกระจายตัวอยู่ในแต่ละจุดอย่างมากมาย
และถึงแม้ภาคต่อของเกมหลัง Actress Again จะไม่เคยถูกประกาศออกมา เพราะทาง French-Bread นั้นไปทุ่มเทให้กับการพัฒนาเกมใหม่อย่าง Under Night In-Birth แทน และ Tupe-Moon ก็ยุ่งอยู่กับซีรีส์ FATE ซึ่งแม้ UNiB จะเป็นเกมที่ยอดเยี่ยม แต่แฟน ๆ Melty Blood ก็ยังคงเฝ้ารอคอยการมาของภาคใหม่ พร้อมทั้งพัฒนา Mod ที่ใช้ Rollback Netcode จนการออนไลน์ทำได้ลื่นไหลขึ้น และ Side Tournament เองก็ยังคงมีผู้เล่นที่คึกคักอยู่เช่นเดิม โดยที่หวังว่าจะได้เห็น Melty Blood ภาคใหม่ออกมาอีกครั้ง
สานต่อความยอดเยี่ยมสู่การเป็น Game of the Year
และแล้วสิ่งที่ทุกคนรอคอยมานานก็สัมฤทธิผล หลังจาก Type-Moon ได้ประกาศกลับมาทำ Tsukihime ฉบับ Remake อีกครั้ง ทำให้ความหวังที่จะได้เห็น Melty Blood ภาคใหม่สว่างไสวขึ้นมาทันที และทุกคนก็ไม่ผิดหวัง Type Lumina ประกาศวางจำหน่ายในเดือนกันยายนปี 2021 ที่ผ่านมา ด้วยระบบการเล่นที่ขัดเกลามาอย่างยอดเยี่ยม กราฟิกแบบ 2D Sprite สุดคลาสสิก และ Rollback Netcode ที่ลื่นไหล กลายเป็นเกม Melty Blood ภาคใหม่ที่แฟน ๆ รอคอยอย่างเต็มภาคภูมิ
สิ่งที่ Melty Blood Type Lumina แสดงให้เราเห็นจึงไม่เพียงแค่ความยอดเยี่ยมของตัวเกมเท่านั้น แต่ความเหนียวแน่นของกลุ่มผู้เล่นที่ฉายแสงและใส่ใจฟูมฟักเกมซีรีส์นี้มาอย่างยาวนาน ทำให้ภาพของชุมชนผู้เล่นเกมต่อสู้ดูสดใสและแจ่มชัด ชักชวนให้ผู้เล่นที่อาจจะติดตามผลงานของ Type-Moon มาอยู่แล้วได้เข้ามาสัมผัสเกมนี้กันถ้วนหน้า และรับความประทับใจกลับไปอย่างท่วมท้นนั่นเอง