BY Next
25 May 23 3:50 pm

Metal Gear Solid 3: Snake Eater ภาคในดวงใจของสาวกเกมลอบเร้น

244 Views

ชื่อของ ‘ฮิเดโอะ โคจิมะ’ กลายเป็นชื่อที่วงการเกมยกให้เป็นมหาเทพแห่งการดีไซน์ ทุกเกมของเขาจะต้องมีความล้ำยุคทดลองสิ่งใหม่ ๆ อยู่ตลอดเวลา และหนึ่งในผลงานที่การันตีฝีมือของเขาและทีมงานก็คือ Metal Gear Solid 3: Snake Eater ที่ลงให้กับเครื่อง PlayStation 2 ในปี 2004 

หากคุณเป็นแฟน Metal Gear Solid และเคยได้สัมผัสเองแล้ว ก็คงจะรู้ถึงความยอดเยี่ยมที่อาจจะเรียกได้ว่าเป็นภาคที่ดีที่สุดของซีรีส์เลยทีเดียว แต่ถ้าคุณยังไม่เคยสัมผัสเกมนี้มาก่อน เรามาลองดูกันว่าอะไรบ้างที่ทำให้ MGS3 กลายเป็นภาคในดวงใจของแฟน ๆ มาจนถึงวันนี้

จุดเริ่มต้นของจักรวาล

แม้จะเป็นภาคที่ 3 แต่มันหาใช่ภาคต่อของ MGS 1-2 เนื้อเรื่องของ MGS3 เกิดขึ้นในช่วงปี 1964 ยุคของสงครามเย็น ที่นับเป็นเหตุการณ์แรกสุดของจักรวาล MGS ให้เราได้เห็นว่าองค์กรและหน่วยรบแต่ละฝ่ายมีต้นกำเนิดมาอย่างไร ตัวละครสำคัญที่เราอาจจะเคยได้ยินเพียงการบอกเล่าในภาคก่อน ๆ ก็ได้เห็นเขามีชีวิตและบทบาทอย่างเต็มรูปแบบ ถือเป็นภาคที่ทั้งแฟน MGS จะต้องชื่นชอบและผู้เล่นหน้าใหม่ก็สามารถเข้าถึงได้

ปฎิบัติการ ‘Snake Eater’ คือภารกิจของสายลับจากสหรัฐอเมริกาที่ใช้โค้ดเนมว่า ‘Snake’ โดยเขาจะต้องบุกเข้าไปในแผ่นดินของฝ่ายโซเวียต เพื่อชิงตัวนักวิทยาศาสตร์ด้านจรวดมิซไซล์ที่แปรพักตร์มาอยู่กับฝั่งสหรัฐ พร้อมกับลอบสังหาร ‘The Boss’ อาจารย์ของ Snake ที่กลับแปรพักตร์ไปอยู่กับฝ่ายโซเวียต The Boss คือสุดยอดวีรสตรีของฝ่ายสหรัฐ เป็นผู้ให้กำเนิดหน่วยรบพิเศษหน่วยแรกของโลกและเป็นเหมือนกับแม่ของ Snake เพราะเธอชุบเลี้ยงเขามาตั้งแต่วัยเยาว์ อะไรทำให้เธอหักหลังทุกคนและหันไปร่วมมือกับฝ่ายศัตรูนั่นคือความลึกซึ้งของเรื่องราวที่หากคุณยังไม่เคยรับรู้มาก่อน มันก็เป็นประสบการณ์ที่ควรค่าแก่การสัมผัสด้วยตัวเอง 

แค่เรื่องราวคร่าว ๆ ก็เข้มข้นน่าติดตามแล้ว ยิ่งด้วยความที่เกมนี้คือ Metal Gear Solid การสอดแทรกเรื่องราวแฟนตาซีเข้ากับเหตุการณ์จริงทั้งในประวัติศาสตร์และเหตุการณ์ปัจจุบันก็เป็นเสน่ห์อีกอย่างของซีรีส์ คุณจะได้เห็นเกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่เป็นการเรียนรู้ประวัติศาสตร์ไปในตัว แต่ในขณะเดียวกันมันก็เป็นจักรวาลสุดแฟนตาซีในแบบของ MGS มีการนำเสนอมุมมองและแนวคิดทางการเมืองที่หลากหลายแต่ไม่เคยสนับสนุนฝั่งใดเสียทีเดียว 

กลายเป็นอีกหนึ่งสไตล์เกมจากฝีมือของคุณ ฮิเดโอะ โคจิมะ ด้วยความที่เขามีเรื่องต้องเล่ามากมายอัดแน่นอยู่ในเกมเดียว ทำให้ฉากการเล่าเรื่อง ฉากคัทซีน หรือแม้แต่การพูดคุยกันผ่านวิทยุ จะมีความยาวระดับที่ว่าถ้าไม่กดอะไรบนจอย จอยไร้สายอาจจะปิดตัวเองไปซะก่อน จนบางคนชอบหยิบมาแซวว่า MGS เป็นเกมที่เราดูมากกว่าเล่น แต่ถ้าเราลองซึมซับเนื้อหาอย่างจริงจัง เราจะพบว่ามันเป็นเรื่องราวระดับคับแก้ว ที่ยังคงตราตรึงมาถึงวันนี้

metal gear solid 3

พลิกโฉมเกมการเล่น

MGS1 และ 2 เป็นเกมลอบเร้นที่มีฉากอยู่ในอาคาร สิ่งปลูกสร้าง ทำให้การลอบเร้นจะค่อนข้างคล้ายกัน นั่นคือการหลบให้พ้นระยะมองเห็นของศัตรูที่แสดงเป็นมุมโคนอยู่ในเรดาห์ MGS3 ต้องการทำอะไรต่างไปจากเดิม พอกันทีกับระบบระยะสายตาและการใช้กล่องกระดาษครอบตัว MGS3 พาผู้เล่นเข้าสู่การลอบเร้นในพื้นที่ป่าธรรมชาติ

พื้นที่ป่าจะไม่ได้มีกำบังหรือที่หลบชัดเจน ดังนั้นเราจะไม่มีจุดซ่อนตัวที่แน่นอน การ’อำพราง’จึงกลายมาเป็นหัวใจหลักในการลอบเร้น  ‘Camo index’ หรือเลขบอกระดับการอำพราง จะเป็นค่าที่บอกว่าในขณะนี้ Snake ถูกพบเห็นยากแค่ไหน โดยมันจะวัดจากสีชุด, ลายพรางหน้า และความใกล้เคียงกับสีของพื้นที่ ถ้าหากเปอร์เซนต์การอำพรางของเราสูงพอ ศัตรูจะไม่สามารถมองเห็นเราได้แม้ว่าเราจะอยู่ในระยะสายตา 

แต่นั่นก็รวมถึงระบบสายตาของศัตรูที่ไม่ได้ถูกจำกัดอยู่ในระยะโคนใกล้ ๆ อีกแล้ว พวกมันจะสามารถมองเห็นได้ไกล มองเห็นในระยะสูงต่ำ คล้ายกับคนทั่วไปจริง ๆ ทำให้เราต้องใช้ความได้เปรียบทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็นการอำพราง การใช้อาวุธเก็บเสียงโจมตีจากระยะไกล หรือแม้แต่การใช้สภาพแวดล้อมให้เป็นประโยชน์ อย่างเช่น การยิงรังต่อให้ตกใส่ศัตรูให้พวกมันหวาดกลัวแล้ววิ่งหนีไป หากเทียบกับระบบการเล่นที่ผ่านมาของ MGS ณ เวลานั้น นี่คือความล้ำระดับก้าวกระโดด ไม่มีครั้งไหนที่ MGS จะทั้งหลากหลายและละเอียดในระดับนี้ 

Metal Gear Solid

กินเพื่ออยู่ สัมผัสการเอาตัวรอดในป่า

ลืมการเติมพลังด้วยการเปิบ Ration แสนอร่อย MGS3 ไม่ใช้การฟื้นพลังแบบนั้นอีกแล้ว หลอดพลังของ Snake จะค่อย ๆ ฟื้นขึ้นเอง แต่ฟื้นในอัตราที่ช้าเหลือใจหาใช่ 7 วิเต็ม แบบ Call of Duty ดังนั้นระหว่างการต่อสู้เราจะพึ่งพาระบบนี้ไม่ได้ การพักฟื้นนอกการต่อสู้คือทางเลือกที่ดีที่สุด และนั่นก็เป็นที่มาของระบบใหม่นั่นคือ หลอด Stamina

หลอด Stamina ที่อยู่ใต้พลังชีวิต เรียกว่าเป็น’แรงข้าวต้ม’ของ Snake นั่นเอง Stamina จะค่อย ๆ ลดลงตลอดเวลา ไม่จำเป็นว่าเราจะต้องทำกิจกรรมอะไรหนักหน่วง แค่การเคลื่อนที่ปกติก็มีผลให้ Stamina ลด แต่จะยิ่งลดมากขึ้นถ้าเราทำอะไรเป็นพิเศษอย่างเช่นการปีนต้นไม้หรือการดำน้ำ และมันก็ทำหน้าที่เหมือน ‘Grip gauge’ จาก MGS2 นั่นคือระยะเวลาในการห้อยตัวและการกลั้นหายใจใต้น้ำจะนานเท่ากับ Stamina ที่มีในจังหวะนั้น

 การเติมหลอด Stamina หลัก ๆ ก็คือการกิน นานาสัตว์ที่เราจะได้เจอ สามารถจับ, ฆ่า แล้วนำมาเป็นอาหาร ซึ่งอาหารแต่ละชนิดก็จะเติม Stamina ไม่เท่ากัน แถมสัตว์หรือพืชบางชนิดก็จะมีลักษณะเป็นพิษที่เราต้องระวัง หรือจะใช้วิธีการหมอบนอนพักอยู่กับที่ หรือแม้แต่การนอนหลับด้วยการ Save แล้วปิดเกม เมื่อกลับมาเปิดใหม่ เกมจะถือว่า Snake ได้พักผ่อนอย่างเต็มอิ่ม (เชื้อเชิญให้เราไม่เล่นนานเกินไป)

ยิ่งหลอด Stamina สูง ความเร็วในการฟื้นพลังชีวิตก็จะสูงตาม ทำให้เราต้องคอยดูแลมันอยู่ตลอด แต่นอกจากความเหนื่อยและความหิว อุปสรรคหลาย ๆ อย่างก็มีผลให้ Stamina ลด อย่างการบาดเจ็บรุนแรง การถูกสัตว์มีพิษกัด หรือแม้แต่อาการป่วย ทำให้เราต้องคอยสังเกตตัวเองในหน้าต่าง ‘Cure’ ว่าเรามีอาการผิดปกติใด ๆ หรือเปล่า อาการบาดเจ็บที่ค้างคาจะทำให้พลังชีวิตสูงสุดลดลง กลายมาเป็นอีกหนึ่งรสชาติการเอาชีวิตรอด ที่เราอาจจะต้องเย็บแผล, ทายาแผลไฟไหม้, ดึงกระสุนออกจากตัว หรือ ใช้ยารักษาอาการป่วย และทุกครั้งที่เรารักษาอาการบาดเจ็บรุนแรง จะมีผลให้พลังชีวิตสูงสุดเพิ่มขึ้นทีละนิด คือยิ่งเจ็บก็ยิ่งถึกนั่นเอง

เรียกได้ว่านอกจากการลอบเร้นและการต่อสู้ Snake ของเรายังต้องเอาตัวรอดตามสไตล์พรานป่ากินดิบอีกต่างหาก สมชื่อปฎิบัติการ Snake Eater เพราะงูนา ๆ ชนิด ก็เป็นอาหารจานโปรดของ Snake เช่นกัน

หลากหลายวิธีเล่น ชวนให้กลับมาลองใหม่

วิธีการเล่น การเอาชนะศัตรูใน Metal Gear Solid มักจะเต็มไปด้วยความหลากหลายจนถึงขั้นบ้าหลุดโลก อะไรที่เราไม่นึกว่าจะทำได้ก็ทำได้ในเกมนี้ และ MGS3 ก็อาจจะเป็นภาคที่มีกลยุทธิ์หลุดโลกเยอะที่สุดเลยก็ว่าได้  ในการเล่นครั้งแรก เราอาจจะใช้ปืน, ระเบิด เหมือนเกมทั่วไป แต่ถ้าลองสังเกตหรือลองวิทยุหาตัวละครอื่น ๆ บางครั้ง เกมจะเฉลยวิธีการเอาชนะคู่ต่อสู้ที่คาดไม่ถึง

อย่างการจับสัตว์น่ากลัวเช่น งู, คางคก, แมงป่อง สัตว์พวกนี้เราสามารถจับเป็นได้และเอามันมาใส่ช่องอาวุธ ใช้ในการเขวี้ยงไปหาศัตรูให้พวกมันตกใจแล้ววิ่งหนีไป หรือแม้แต่การสู้บอส บอสบางตัวจะมีวิธีเอาชนะที่เข้าขั้นตลกโปกฮาเลยทีเดียว อย่างเช่นบอสตัวหนึ่งจะเคลื่อนที่อย่างรวดเร็วตลอด ทำให้มันใช้แรง Stamina ค่อนข้างมาก เมื่อถึงจุดหนึ่งมันก็จะหิวและพยายามหาของกิน เราก็สามารถวางอาหารมีพิษหรืออาหารที่เน่าแล้วไว้รอบ ๆ ให้มันเผลอหยิบไปกินจนพลังชีวิตหมด ตายอย่างอเนจอนาถ

ถือเป็นความสร้างสรรค์ผสมความหลุดโลกในสไตล์เกมญี่ปุ่นที่เราไม่ค่อยได้เห็นจากเกมฝั่งตะวันตก และถ้าใครชอบการเก็บรางวัล ทำ Achievement การเล่นแบบบไม่โดนเจอตัวทั้งเกมหรือไม่ฆ่าใครเลยทั้งเกม (นอกจากบอส) ก็ถือเป็นสุดยอดความท้าทายที่จะยิ่งปลดล็อคของเล่นพิเศษมาให้เราสนุกกับมันได้เรื่อย ๆ แม้จะเป็นเกมเส้นตรงไม่ได้เปิดกว้างแบบ MGS5 แต่มันก็เป็นภาคที่เล่นกี่ครั้งก็ยังสนุก

จากอัลฟ่าสู่เดลต้า

เรียกว่าลือซะจนมาจริง ๆ กับการรีเมค MGS3 ในชื่อใหม่ ‘Metal Gear Solid Delta: Snake Eater’ ด้วยความที่ภาคนี้คือภาคจุดเริ่มต้นของทั้งซีรีส์ แถมเป็นภาคในดวงใจของแฟน ๆ การเลือกที่จะรีเมคภาคนี้ก็ดูเป็นตัวเลือกที่เหมาะมาก เพราะทุกคนจะได้สัมผัส MGS กันอย่างเต็มอิ่มทั้งแฟนหน้าเก่าและผู้เล่นใหม่

มันจะดีสมความคาดหวังและเทียบได้กับตำนานของเวอร์ชั่นต้นฉบับหรือไม่ก็คงต้องรอดูกันต่อไป

Nantahwut Indarachalerm

เน็กซ์ - Chief Video Editor

Back to top