ณ เวลานี้ คงไม่มีเกมไหนที่ทั่วโลกจะเฝ้ารอไปมากกว่า “Monster Hunter Wilds” ซึ่งในช่วงนี้ทาง Capcom เองก็ไม่ปล่อยเรารอเก้อเช่นกัน เพราะมีทั้งการปล่อยข้อมูลใหม่มาเรื่อย ๆ , มีตัวเกมเวอร์ชัน Beta ให้ลอง และในอีกด้านหนึ่ง ก็มีการเดินสายพบปะกับสื่อมวลชนตามประเทศต่าง ๆ ด้วยเช่นกัน
ซึ่งเมื่อเดือนมกราคมที่ผ่านมา คุณ Ryozo Tsujimoto โปรดิวเซอร์คนดังประจำซีรีส์ Monster Hunter และคุณ Kaname Fujioka ผู้กำกับศิลป์ของเกมภาคนี้ ก็ได้เดินทางมายังประเทศไทยเพื่อให้สัมภาษณ์กันแบบใกล้ชิด ในโอกาสนี้เราเลยนำคำถาม-คำตอบ มาแชร์มาเล่าสู่กันฟัง ถึงแนวคิดเบื้องหลังในการรังสรรค์จนออกมาเป็น “Monster Hunter Wilds“ อย่างที่เราได้เห็นกันตอนนี้
Q : Monster Hunter เป็นซีรีส์ที่อยู่มานาน ครองใจเกมเมอร์มาหลาย Generation, ทางทีมงานมีกลยุทธ์อย่างไรในการทำให้ภาค Wilds ดึงดูดได้ทั้งผู้เล่นหน้าเก่า และผู้เล่นที่ไม่เคยสัมผัสเกมซีรีส์นี้มาก่อน
A : ทางทีมงานต้องการที่จะให้ผู้เล่น ไม่ว่าจะหน้าเก่าหรือหน้าใหม่ ได้สัมผัสกับเนื้อเรื่องของเกม ให้เราได้หลุดเข้าไปอยู่ในโลกของ Monster Hunter Wilds และหลังจากที่เราเริ่ม ‘ติดลม’ พร้อม ๆ กับเนื้อเรื่องที่เข้มข้นขึ้น ตัวเกมก็จะค่อย ๆ นำพาเราไปในส่วนของแอ็กชัน
ดังนั้นถ้าผู้เล่นหน้าใหม่อยากจะลองเข้ามาเล่นเกมนี้ ก็จะมี “เนื้อเรื่อง” เป็นประตูบานแรกให้ได้สัมผัสก่อน แล้วค่อยตามมาด้วยองค์ประกอบอื่น ๆ มากขึ้นนั่นเอง
ทางทีมงานมีการวิเคราะห์กันอย่างจริงจังมาก ว่าทำไมก่อนหน้านี้ ผู้เล่นใหม่ ๆ ที่เข้ามาลองสัมผัสกับ Monster Hunter ถึงได้เลิกเล่นไปเสียก่อนกลางคัน คราวนี้จึงได้ใส่ระบบต่าง ๆ เข้ามาเพื่อดึงดูดให้ทั้งผู้เล่นเก่าและใหม่ได้สนุกไปกับเกม และเป็นส่วนที่มีการเปลี่ยนแปลงจากที่ผ่าน ๆ มามาก
คุณ Ryozo ยกมาหนึ่งตัวอย่างที่มีการปรับเปลี่ยนให้ดีขึ้น นั่นคือในช่วงที่เริ่มเกมมาใหม่ จะมีคำถามมาคัดกรองผู้เล่นก่อนเลยว่าผู้เล่นนั้น ๆ เหมาะจะใช้อาวุธอะไร ซึ่งถึงแม้ว่าผู้เล่นเก่าจะรู้อยู่แล้วว่าตัวเองอยากเล่นอะไรและสามารถกดข้ามได้เลย แต่สำหรับผู้เล่นใหม่แล้ว ก็คงจะยังตัดสินใจไม่ได้ เพราะในเกมมีอาวุธให้เลือกอยู่หลายชนิด ดังนั้นการมีคำถามคัดกรองและให้เกมแนะนำอาวุธที่เหมาะสมออกมา ก็จะช่วยตรงส่วนนี้ได้มาก
Q : ช่วยยกตัวอย่างว่ามีระบบเกมเพลย์ใดบ้าง ที่ถูกพัฒนาต่อยอดมาจากภาคเก่า ๆ และเป็นส่วนที่ทีมงานภูมิใจที่จะนำเสนอ
A : สิ่งหนึ่งที่อยากจะให้ผู้เล่นได้ท้าทายในภาคนี้ ซึ่งไม่เคยมีในภาคไหน ๆ มาก่อนเลย นั่นคือการที่ผู้เล่นจะไม่ต้องมาคอยตั้งหลักที่ Hub (ฐานหลักของเกม) -> ออกไปทำเควสต์ -> แล้วค่อยกลับมา วนลูปเป็นรอบ ๆ แบบนี้อีกต่อไปแล้ว
เพราะในภาคนี้จะพิเศษกว่าที่ผ่านมา เมื่อเราออกไปล่าแล้ว แต่ละคนก็จะได้เจอเป้าหมายของตัวเองว่าอยากจะไปทำอะไรต่อ โดยที่ไม่ต้องวนกลับไปที่เก่า ๆ หรือก็คือเหมือนเป็นการ “สร้างเควสต์” และเลือกเดินไปตามเส้นทางของตัวเองได้เลย เมื่อผู้เล่นจบหนึ่งเป้าหมาย ก็จะเจอเป้าหมายถัด ๆ ไปให้ล่าได้ต่อเนื่องไปเรื่อย ๆ
ที่เป็นแบบนี้ เพราะว่าในเกมนั้นมีมอนสเตอร์ที่หลากหลาย ผู้เล่นแต่ละคนเองก็น่าจะมีเป้าหมายที่ไม่เหมือนกัน สิ่งที่ทีมงานตั้งใจ คือถ้าใครอยากจะไปล่ามอนสเตอร์ที่แข็งแกร่ง ก็จะมีพื้นที่สำหรับล่ามอนสเตอร์เหล่านี้ไว้ให้ หรือถ้าใครยังไม่อยากเจอมอนสเตอร์ ขอเน้นเก็บไอเท็มก่อน ก็จะมีอีกพื้นที่หนึ่งจัดเตรียมเอาไว้เหมือนกัน
ดังนั้นทีมงานเชื่อว่า เมื่อแต่ละคนเล่นไปเรื่อย ๆ ก็จะเจอเป้าหมายของตัวเองว่าต้องการจะออกเดินทางไปทำอะไร ซึ่งนี่คือสิ่งใหม่ที่ถูกต่อยอดมา และอยากจะให้ผู้เล่นได้สนุกไปกับมัน
Q : เบื้องหลังการออกแบบ “Arkveld” มอนสเตอร์เรือธงของภาคนี้ เป็นอย่างไร
คำถามนี้ทีมงานใช้เวลานานพอสมควรในการเช็คข้อมูลว่าจะเปิดเผยอะไรได้บ้าง และได้เป็นคำตอบออกมาดังนี้
A : หลัก ๆ แล้วคอนเซปต์ของ Arkveld ก็คือ “สีขาว” และ “อัศวิน”
นอกจากนี้ก็มีการใช้รากศัพท์ของภาษาเยอรมันและละติน ที่แปลว่า “สีขาว” เอามาผนวกผสมกัน จนเป็นที่มาของชื่อ
นอกเหนือจากคำถาม-คำตอบเหล่านี้แล้ว ก็ยังมีประเด็นหัวข้อเรื่อง “Hitstop” ที่เราอยากรู้เหมือนกันว่ามีการปรับเปลี่ยนไปอย่างไรบ้างกับอาวุธแต่ละชิ้น แต่น่าเสียดายที่มีเวลาไม่พอก็เลยต้องข้ามไปก่อน
ทั้งนี้ทาง Capcom ก็เปิดเผยไว้แล้วในไลฟ์สตรีม Community Update ว่าพวกเขาจะปรับเปลี่ยน Hitstop ให้เหมาะสมขึ้นแน่นอนในเกมเวอร์ชันเต็ม ซึ่ง Hitstop ที่ว่า ก็คือการหยุดแอนิเมชันไว้ครู่หนึ่งเมื่อโจมตีโดนเป้าหมาย และจะส่งผลให้เรารู้สึกว่าการโจมตีนั้นมีน้ำหนัก ช่วยเพิ่มอรรถรสในการเล่นมากขึ้นนั่นเอง
นอกเหนือจากการสัมภาษณ์ทีมงาน เราก็มีโอกาสได้ลองเล่นเกมที่น่าจะใกล้เคียงกับเวอร์ชันเต็มมาก ๆ ด้วยเช่นกัน ใครที่สนใจก็ตามไปอ่านบทความพรีวิวกันต่อได้ที่นี่
สำหรับเกม Monster Hunter Wilds มีกำหนดวางจำหน่ายจริงในวันที่ 28 กุมภาพันธ์นี้ ลงให้ทั้งบน PC, PlayStation 5 และ Xbox Series