จนถึง ณ เวลานี้ หลายคนคงได้รู้จักกับ “GameFi” กันมาแล้วไม่มากก็น้อย ซึ่งก็คือเกมที่มีรากฐานอยู่บนเทคโนโลยี Blockchain ที่เคยเป็นกระแสฮิตอยู่พักหนึ่งในช่วงปี 2021 ก่อนจะเริ่มล้มหายตายจากไป ท่ามกลางช่วง “Crypto Winter” ที่หลาย ๆ อย่างในโลกคริปโตฯ นั้นซบเซาลงอย่างเห็นได้ชัด

ทว่าหนึ่งในเกมที่ยังคงยืนหยัดอยู่รอดมาได้จนถึงปัจจุบัน นั่นก็คือ “Morning Moon Village” โปรเจกต์ฝีมือคนไทย ที่หยิบเอาแนวเกมปลูกผัก ทำฟาร์ม มาจับเข้ากับเทคโนโลยี Blockchain ได้อย่างน่าสนใจ เปิดให้บริการมาได้ 1 ปีกว่าแล้วบนเครือข่าย Bitkub

และแม้จะผ่านมาสักพักใหญ่ แต่เราก็เชื่อว่ายังมีหลายคนที่สงสัยอยู่ว่า Morning Moon Village เล่นยังไง ? มันคือเกมอะไรกันแน่ ? เล่นฟรีหรือเปล่า ? ดังนั้นเราจะมาพารู้จักกับตัวเกมกันตั้งแต่ลักษณะการเล่น, วิธีเล่น, แนะนำระบบต่าง ๆ และชี้ให้เห็นถึงจุดน่าสนใจของ Morning Moon Village กันแบบจัดเต็ม

ทั้งนี้บทความของเราไม่ใช่คำแนะนำในการลงทุน ถ้าใครสนใจอยากศึกษาเกี่ยวกับกลไกราคาของเกมนี้เพิ่มเติม ก็สามารถแวะเข้าไปดูได้ที่เอกสาร Whitepaper :
https://whitepaper-th.morningmoonvillage.com

Morning Moon Village คือเกมอะไร ?

นี่คือเกมที่ผู้เล่นจะได้รับบทเป็นชาวสวน อาศัยอยู่ในหมู่บ้าน “Morning Moon Village” หน้าที่ของคุณคือการทำเกษตรปลูกพืชผักจากที่ดินว่าง ๆ ที่มีอยู่ และเข้าป่าตามหาทรัพยากรต่าง ๆ เพื่อนำมาสร้างความมั่งคั่งให้กับตัวเอง ซึ่งมีจุดที่น่าสนใจมาก ๆ คือเกมนี้เริ่มเล่นได้ฟรี ด้วยอานิสงส์ของ “นโยบายฟรีค่า Gas” ที่ทำให้ไม่ต้องเสียเงินสักบาทในทุก ๆ การทำธุรกรรมของเกม (จำกัดไว้ที่วันละ 200 ครั้ง)

สำหรับรูปแบบการปลูกพืชผักของเกม กล่าวคือมันเป็นการดัดแปลงระบบ Yield Farming ของ DeFi มานำเสนอให้เข้าใจง่าย ซึ่งระบบดังกล่าวนั้น ผู้ใช้จะสามารถนำเอาเหรียญคริปโตฯ เข้าไปฝากไว้ในกองกลางที่เรียกว่า “Liquidity Pool” เพื่อรอรับผลตอบแทนได้ โดยจะมีเงื่อนไขและ % การแจกจ่ายผลตอบแทนที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับกลไกรายได้ของแต่ละที่

และสำหรับกรณีของเกม Morning Moon Village ก็คือการนำ Yield Farming มาเปลี่ยนสภาพเป็นรูปแบบของการ “ปลูกผัก” นั่นเอง จากเดิมที่ผู้ใช้นั้น “ฟาร์มเหรียญ” อยู่บนแอปฯ ต่าง ๆ บน Blockchain และเห็นผลตอบแทนเป็นเพียงแค่ตัวเลข คราวนี้มันก็จะมาในรูปแบบของผลผลิตซึ่งนำออกไปขายเป็นโทเคนดิจิทัลได้ ชวนให้รู้สึกว่ากำลัง “ทำฟาร์ม” อยู่จริง ๆ

ไม่ใช่เพียงแค่ระบบทำฟาร์มเท่านั้น เพราะเกมนี้ก็ยังมีองค์ประกอบความเป็น RPG ให้ผู้เล่นได้สนุกไปกับการสำรวจแผนที่ต่าง ๆ และต่อสู้กับมอนสเตอร์/บอส เพื่อดรอปของมาอัปเกรดความแข็งแกร่งให้กับตัวเองอีกด้วย ซึ่งก็แน่นอนว่าบรรดาอาวุธ / เครื่องสวมใส่นั้น ก็คือ NFT ที่สามารถซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้ระหว่างผู้เล่นอย่างอิสระ บนเครือข่าย Blockchain ของ Bitkub

วิธีดาวน์โหลด Morning Moon Village

Morning Moon Village สามารถเล่นได้ผ่าน Web Browser โดยตรงทั้งบน PC และมือถือ โดยไม่ต้องดาวน์โหลดหรือติดตั้งโปรแกรมอะไรทั้งสิ้น เพียงเข้าไปที่เว็บไซต์ :
https://play.morningmoonvillage.com

และล็อกอินด้วยกระเป๋าเงิน Bitkub NEXT หรือ MetaMask จากนั้นก็พร้อมเริ่มเล่นเกมได้ทันที

โดยเราแนะนำว่าถ้าล็อกอินผ่าน Bitkub NEXT ได้ก็จะสะดวกกว่า ซึ่งกระเป๋าเงินตัวนี้มีขั้นตอนสมัครที่ง่าย และตัวโปรแกรมก็ถูกออกแบบมาให้เข้าใจง่าย รองรับกับผู้ใช้งานชาวไทยเป็นอย่างดี

วิธีเล่น Morning Moon Village

เมื่อเข้ามาที่เว็บไซต์ :
https://play.morningmoonvillage.com

และล็อกอินเรียบร้อยแล้ว ก็สามารถเริ่มต้นเล่นเกมนี้ได้ทันที

หากเป็นการเริ่มต้นเล่นเกมครั้งแรก ตัวเกมจะส่งผู้เล่นเข้ามาที่ฟาร์มก่อน ซึ่งเราสามารถควบคุมตัวละคร และกดเข้าเมนูต่าง ๆ ได้โดยการคลิก / แตะที่หน้าจอเกมโดยตรง ไม่ต้องใช้คีย์บอร์ดใด ๆ ในการควบคุม

จากนั้นก็จะมีทางเลือกให้กับผู้เล่นสองทาง ได้แก่

สายฟรี : แนวทางหลัก ๆ ของเราจะมีดังนี้
1. เข้าไปสำรวจในป่า (Fast Travel ได้จากประตูวาร์ปที่อยู่ในฟาร์ม)
2. ทุบหินและตัดไม้เพื่อเก็บรวบรวมทรัพยากร
3. นำหินและไม้มาแลกเมล็ดพืชกับ NPC ชื่อ “Uncle Jack” (อยู่ในแผนที่โซน Village)
4. นำเมล็ดกลับมาปลูกผักในฟาร์มของเรา
5. รอเก็บเกี่ยว นำผลผลิตไปขายให้ NPC ชื่อ “Kyle” (อยู่ในแผนที่โซน Village) รับเงินเป็นหน่วย LUMI
สายเติมเงิน : ผู้เล่นสามารถใช้เหรียญคริปโตฯ เพื่อซื้อต้นกล้า นำมาปลูกพืชในฟาร์มและรอเก็บเกี่ยวได้เลย
กดปุ่มนี้เพื่อซื้อต้นกล้า

โดยความแตกต่างระหว่างการใช้เมล็ดปลูกพืช กับการใช้ต้นกล้าปลูกพืช จะมีดังนี้

เมล็ด (Seed) ผู้เล่นต้องลงทุนลงแรงเก็บทรัพยากรจากในป่า เพื่อเอามาแลกเป็นเมล็ดก่อนจึงจะปลูกผักได้ และจะมีเวลาเก็บเกี่ยวอยู่ที่ 48 ชั่วโมง ก่อนที่ผลผลิตจะเน่าเสียลงไป

ต้นกล้า (Stem) ผู้เล่นจะต้องใช้เหรียญคริปโตฯ อย่าง KKUB (เหรียญของเครือข่าย Bitkub), KUSDT (เหรียญ USDT บนเครือข่าย Bitkub) หรือ LUMI (ค่าเงินหลักของเกมนี้) มาซื้อต้นกล้าและนำเอาไปปลูก ซึ่งผลผลิตที่งอกเงยจากต้นกล้าจะสามารถเก็บเกี่ยวได้ตลอด ไม่มีเน่าเสีย และถอนทุนกลับออกมาได้ทุกเมื่อที่ต้องการ

ดังนั้นแล้ว ผู้เล่นสายฟรีก็จะต้องเน้นปลูกพืชในรูปแบบของเมล็ดเป็นหลัก ซึ่งมีต้นทุนคือ “เวลา” ที่จะต้องใช้ไปกับการออกหาทรัพยากร และแน่นอนว่าการเป็นผู้เล่นสายเติมเงิน (ซื้อเหรียญคริปโตฯ และนำมาซื้อต้นกล้า) ก็จะช่วยให้ประหยัดเวลาได้มากขึ้นกว่าเดิม

เมื่อเราได้รับเมล็ดหรือต้นกล้ามาแล้ว ก็ต้องกดสร้างฟาร์ม (แปลงผัก) ขึ้นมาก่อน โดยเลือกจากเมนูว่าจะสร้างฟาร์มประเภทใด จากนั้นก็นำฟาร์มไปจัดวางบนที่ดินว่าง ๆ ได้ตามตำแหน่งที่ต้องการ แล้วกดที่ตัวฟาร์มเพื่อเริ่มหว่านเมล็ด (Stake) ได้เลย

ซึ่งพืชผักของเกมนี้ก็จะมีอยู่หลากหลาย แต่ละชนิดมีวิธีการได้รับเมล็ด/ต้นกล้าที่แตกต่างกันไป แต่ก็สามารถเก็บเกี่ยวและนำไปขายเป็นเหรียญ LUMI ได้เหมือนกัน โดยเริ่มต้นมาเราจะสามารถปลูกมะเขือเทศ, ข้าวโพด และกะหล่ำปลีได้ก่อน

และในส่วนของเหรียญ LUMI นั้นก็คือสื่อกลางหลัก ๆ ที่ใช้ในการซื้อของในเกม, นำไปสุ่มกาชา หรือถ้าใครอยากทำรายได้กับเกมนี้ ก็เพียงแค่นำ LUMI แลกกลับไปเป็นเหรียญ KKUB หรือ KUSDT แล้วขายเอาเงินบาทออกมาก็ได้เช่นกัน ซึ่งจุดนี้เอง ก็คือจุดที่เราสามารถทำรายได้กับเกมนี้ได้

ระบบทำฟาร์ม

ปัจจุบันตัวเกมปรับปรุงระบบทำฟาร์มให้เป็น V.2 แล้วเรียบร้อย โดยนอกจากจะใช้เมล็ด / ต้นกล้าเพื่อปลูกผักแล้ว เราก็สามารถนำ NFT ที่ได้รับจากการเปิดกล่อง/ผจญภัย เอามาฝากไว้ในฟาร์มได้สูงสุดฟาร์มละ 5 ชิ้น ซึ่ง NFT จะเป็นตัวคูณให้ได้ผลผลิตเยอะขึ้น หรือบางฟาร์มก็จะรับฝากแค่ NFT เพียงอย่างเดียวเท่านั้นเลยก็มีเช่นกัน ไม่ต้องใช้เมล็ดหรือต้นกล้ามาร่วมด้วยแต่อย่างใด

ระบบเลี้ยงสัตว์

ปัจจุบันผู้เล่นสามารถเลี้ยงวัวได้ในเกม โดยจะอยู่ในรูปแบบของฟาร์ม COW-LUMI ซึ่งมีขั้นตอนการสร้างและเก็บเกี่ยวผลผลิตเหมือนกับพืชผักต่าง ๆ นั่นคือเราจะต้องใช้เหรียญ LUMI ซื้อต้นกล้า เพื่อนำมาปลูกในที่ดินแล้วเลี้ยงวัวนั่นเอง (อาจจะฟังดูแปลก ๆ ไปสักหน่อย)

ระบบผจญภัย

นอกเหนือจากการทำฟาร์มแล้ว อีกระบบเด่นของเกมนี้ก็คือการออกสำรวจเพื่อหาทรัพยากรต่าง ๆ เป็นหนทางในการสร้างกำไรอีกแบบ ยิ่งเราแข็งแกร่งมากเท่าไร เราก็จะยิ่งสำรวจไปได้ลึก มีโอกาสได้รับของมีค่ามากขึ้นเท่านั้น โดยในช่วงเริ่มต้น กิจกรรมหลักของการสำรวจจะเป็นการตัดไม้และทุบหิน เพื่อนำกลับไปแลกเป็นเมล็ดพืชแบบต่าง ๆ กับ NPC ในหมู่บ้าน

แผนที่ในเวอร์ชัน 0.8.0

ทั้งนี้แล้ว การผจญภัยแต่ละครั้งก็จะมีหลอด Energy (Stamina) กำกับเอาไว้ด้วย ทุก ๆ การออกแรงตัดไม้ ทุบหินของเราจะเสียค่า Energy เสมอ เมื่อ Energy หมดแล้ว หรือโดนมอนสเตอร์โจมตีจน HP หมดก็ต้องกลับออกมาจากป่า ดังนั้นการสำรวจแต่ละครั้งก็จะเหมือนกับการ “ลงดัน” ที่จะจบไปเป็นรอบ ๆ มากกว่าจะเป็นการสำรวจหาของได้แบบ Open World

ด้วยเหตุนี้ เพื่อความคุ้มค่าสูงสุด เราก็จะต้องวางแผนให้ดีว่าการเข้าป่าแต่ละรอบนั้นจะทำอะไร และต้องใช้ Energy เป็นจำนวนเท่าใดจึงจะทุบหินจนแตก หรือตัดต้นไม้จนโค่นลงได้ตามเป้า

ซึ่งถ้าเกิดว่าเรายังอยากสำรวจต่อไปในโซนที่ลึกกว่า แต่มีก้อนหินขวางทางอยู่ และ Energy ก็ใกล้หมดแล้ว ก็จะต้องตัดสินใจว่าจะยอมถอยไปเริ่มใหม่ หรือจะกินไอเท็มประเภทผลไม้เพื่อช่วยฟื้น Energy ขึ้นมา

NFT ใน Morning Moon Village

NFT ของเกมนี้จะอยู่ในรูปแบบของอุปกรณ์เสริม และของตกแต่ง กล่าวคือมีทั้งสำหรับสายเน้นแฟชันและเน้นใช้งาน

โดยไอเท็มเสริมสำหรับใช้งาน ก็จะมาเพิ่มค่าสเตตัสต่าง ๆ เช่นทำให้ทุบหินได้แรงขึ้น หรือใช้ Energy น้อยลง ส่งผลให้เก็บรวบรวมทรัพยากรได้ไวและเยอะกว่าเดิม นอกจากนี้ก็ยังมีไอเท็มที่ช่วยเสริมในด้านการต่อสู้ ทำให้เราสามารถรับมือกับมอนสเตอร์/บอสได้ด้วยเมื่อเล่นไปจนถึงจุด ๆ หนึ่ง หรืออีกทางเลือกก็คือการนำ NFT มาฝากไว้ที่ฟาร์มเพื่อเพิ่มปริมาณผลผลิต ดังที่กล่าวไปก่อนหน้านี้

สำหรับไอเท็ม NFT เหล่านี้ จะได้รับมาจากการเปิดกล่องกาชาในเกม ซึ่งมีตั้งแต่กล่องแบบปกติในราคา 200 LUMI ไปจนถึงกล่องตามโอกาสพิเศษต่าง ๆ และไอเท็มที่ได้รับก็จะมีระดับความหายากแตกต่างกัน แน่นอนว่ามีจำนวนจำกัดด้วยตามปกติวิสัยของ NFT ทำให้ผู้เล่นสามารถนำไอเท็มเหล่านี้มาซื้อขายแลกเปลี่ยนกันได้ เกิดเป็นมูลค่าที่แตกต่างกันตามความต้องการของชุมชน

วิธีเติมเงิน / นำเหรียญเข้ามาเล่นใน Morning Moon Village

อย่างที่เราเคยกล่าวไปว่า Morning Moon Village สามารถเล่นได้ฟรี แต่ถ้าใครอยากประหยัดเวลาทำฟาร์ม หรืออยากมีไอเท็มดี ๆ มาเสริมแกร่งให้ตัวเอง ก็มีทางเลือกให้ผู้เล่นเติมเงินเข้ามาได้ด้วย เหมือนกับเกมออนไลน์ตามปกติทั่วไป

ทว่าด้วยความที่เป็นเกมบน Blockchain ดังนั้นวิธีการเติมเงินก็จะมีความรัดกุมและปลอดภัยมากกว่าเกมออนไลน์ในยุคก่อน ๆ ที่เรารู้จัก โดยมีหลักการคือเราจะต้องโอนเหรียญคริปโตจากกระดาน Bitkub เข้ามาไว้ในกระเป๋า Bitkub NEXT ที่เราใช้ล็อกอินเข้าเกม (ถ้าล็อกอินผ่าน MetaMask ก็ต้องโอนเข้ากระเป๋า MetaMask)

ซึ่งเหรียญ KUB จากกระดาน Bitkub จะถูกแปลงเป็น KKUB ในกระเป๋า
และเหรียญ USDT จะถูกแปลงเป็น KUSDT

*** Bitkub ปกติ คือกระดานซื้อขายแลกเปลี่ยนเหรียญคริปโตฯ ที่หลายคนคุ้นเคยกันดี ในรูปแบบ Centralized Exchange
ขณะที่ Bitkub NEXT คือกระเป๋าเงินของทาง Bitkub สำหรับโลก Blockchain ในรูปแบบ Decentralized จึงถือเป็นคนละตัวกันกับ Bitkub ปกติ เงินที่เก็บอยู่ใน Bitkub และ Bitkub NEXT ก็ถือเป็นเงินคนละส่วนกันด้วย แต่สามารถโอนไป-มา ระหว่างกันได้ด้วยค่าธรรมเนียมที่ไม่แพงมาก ***

โดย ณ ที่นี้เราจะยึดวิธีเติมเข้ากระเป๋า Bitkub NEXT เป็นหลัก ซึ่งมีขั้นตอนดังต่อไปนี้

สมัครและล็อกอินบัญชี Bitkub และ Bitkub NEXT เตรียมไว้ให้พร้อม
ซื้อเหรียญ KUB หรือ USDT จากกระดานตามความสะดวก
ที่หน้าเมนู Wallet ของ Bitkub – ถอนเหรียญ KUB หรือ USDT จากบัญชีของเรา ไปที่กระเป๋า Bitkub NEXT
โดยเราแนะนำให้ทำผ่านแอปฯ Bitkub บนมือถือ เพราะจะสามารถสแกน QR Code ที่อยู่ของกระเป๋าเงิน Bitkub NEXT ได้ง่ายไม่ผิดพลาด ซึ่งวิธีดู QR Code คือกดไปที่เหรียญที่เราต้องการโอนบน Bitkub NEXT (Bitkub Coin / USDT Kub) กดปุ่ม “รับ” แล้วเลือกแท็บ “Wallet Address”
ตรวจสอบที่อยู่กระเป๋าเงินว่าถูกต้องหรือไม่ และเลือกเครือข่ายให้เป็น Bitkub Chain (KAP20)
เมื่อเช็คข้อมูลทุกอย่างถูกต้อง สามารถดำเนินการถอนเหรียญได้ทันที
สลับมาที่หน้ากระเป๋าเงิน Bitkub NEXT รอสักพักหนึ่ง แอปฯ จะแจ้งว่ามีเหรียญโอนเข้ามาที่กระเป๋านี้ จากนั้นก็รอระบบทำธุรกรรมประมาณ 10 – 15 นาที
เมื่อ Refresh และเห็นว่ามีจำนวนเงินอยู่ในกระเป๋าแล้ว ก็สามารถนำเหรียญนี้ไปใช้ซื้อต้นกล้า (Stem) หรือแลกเปลี่ยนเป็นหน่วยเงินอื่น ๆ ในเกม Morning Moon Village ได้ทันทีจากหน้า Shop ของเกม

ส่วนขั้นตอนการถอนเงินออกจากเกมนี้ ก็เพียงแค่ทำกลับด้านกัน นั่นคือกดปุ่มส่งที่แอปฯ Bitkub NEXT แล้วเลือก “กระเป๋า Bitkub Exchange” เพื่อถอนเหรียญกลับเข้าไปอยู่บนกระดาน Bitkub ปกติได้เลย

จุดเด่นของ Morning Moon Village

Morning Moon Village เป็นเกมที่ไม่ต้องติดตั้งโปรแกรม สามารถเล่นได้ผ่าน Web Browser ทั้งบน PC และมือถือ
เกมนี้เล่นได้ฟรี ผู้เล่นไม่จำเป็นต้องเสียเงินแม้แต่บาทเดียว เพราะกระทั่งการทำธุรกรรมในเกมนี้ก็ยังทำได้ฟรี ไม่เสียค่าธรรมเนียมถึง 200 ครั้งต่อวัน
ทำธุรกรรมไม่นาน ด้วยความที่เป็นเกมบน Blockchain ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย ก็จะต้องมีการยืนยันจากผู้ใช้ก่อนในแทบทุกขั้นตอน ตั้งแต่ล็อกอิน, ซื้อต้นกล้า, ปลูกพืช หรือขายไอเท็มอื่น ๆ ทว่ามันก็ไม่ได้กินเวลานานมาก แถมทีมงานก็ยังปรับปรุง UX ลดการยืนยันตรงส่วนนี้ให้เหลือเท่าที่จำเป็นจริง ๆ เท่านั้นแล้ว
เนื้อหาหลากหลายมาก ผู้เขียนมีโอกาสได้เล่นเกมนี้ตั้งแต่ช่วง Beta จึงเห็นชัดเจนว่าเกมนี้มีการเพิ่มเนื้อหาใหม่เข้ามาเรื่อย ๆ แบบอัดแน่นจริง ๆ จนปัจจุบัน Morning Moon Village มีทั้งระบบ RPG ลงดันต่อสู้มอนสเตอร์, มีระบบตกปลา เพิ่มช่องทางสร้างรายได้ใหม่ ๆ, มีระบบ Town Square ไปจนถึงรูปแบบการทำฟาร์มใหม่ ๆ ที่มีกลไกการสร้างรายได้แตกต่างไปจากเดิม

กราฟิกสวยงาม ดนตรีผ่อนคลาย เกมนี้น่าจะเป็น dApp (Decentralized Application) ที่สัมผัสได้ถึงความเป็นการลงทุนเน้นกอบโกยผลกำไรน้อยที่สุดแล้ว เพราะมันถูกเคลือบไว้ด้วยเกมเพลย์ที่เพลิดเพลิน จนให้บรรยากาศเหมือนกับเป็นเกมออนไลน์เกมหนึ่ง ที่มีระบบเติมเงิน, สุ่มกาชาและเทรดไอเท็มระหว่างผู้เล่นกันเองเสียมากกว่า
ยืนหยัดอยู่บนเครือข่าย Bitkub นอกจากความเพียบพร้อมของเกมเองแล้ว ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่าการที่มันอยู่บน Bitkub Chain นั้นทำให้ตัวเกมมีความมั่นคงสูงด้วย จึงไม่น่าแปลกใจที่ Morning Moon Village ยังคงมีอัปเดตอยู่เรื่อย ๆ , มีกลุ่มชุมชนผู้เล่น และพิสูจน์ตัวเองแล้วระดับหนึ่ง ว่าเกมสามารถยืนหยัดอยู่ได้ท่ามกลางช่วงขาลงของตลาดคริปโตฯ เช่นนี้