เกมปลูกผักทำฟาร์ม หรือ Life Simulator แม้ว่าเกมแนวนี้จะมีอยู่มากมายในตลาดวงการเกมทั่วไป แต่น้อยเกมมากที่จะโด่งดังและสร้างชื่อจนเป็นหนึ่งในเกมที่แฟน ๆ ต่างก็ยอมรับ แต่ในช่วงปี 2017 นั้น มีอยู่เกมหนึ่งที่ถูกปล่อยออกมาในรูปแบบ Early Access และทีมงานได้ใช้เวลาขัดเกลามันเรื่อยมา จนกระทั่งกลายเป็นเกมเต็มเวอร์ชั่นสมบูรณ์แถมยังโด่งดังจนต้องมีภาคต่อตามมา วันนี้เราจะพาทุกท่านมาย้อนดูเกมจำลองการใช้ชีวิตที่เหมือนจะสบาย แต่หากมองดูดี ๆ แล้ว นี่คือเกมจำลองการเป็นทาสอย่างแท้จริง กับ My Time at Portia
โลกยุคใหม่หลังการล่มสลาย
ในขณะที่เกมอื่นนำเสนอประเด็นโลกหลังการล่มสลาย แต่ My Time at Portia ขอก้าวหน้าขึ้นไปอีกขั้น ด้วยการนำเสนอโลกยุคใหม่หลังจากที่มันล่มสลายไปแล้ว ในเกมนี้ ช่วงที่โลกล่มสลาย เหล่ามนุษย์และอารยธรรมต่าง ๆ ลงไปใช้ชีวิตใต้พื้นดินของโลก และเมื่อวิกฤตการณ์ผ่านพ้นไป พวกเขาก็ขึ้นมาบนพื้นโลกใหม่ และเตรียมสร้างสังคมใหม่กันอีกครั้ง หน้าที่ของผู้เล่นคือ การขยายชุมชนเมือง Portia ให้ยิ่งใหญ่และดีที่สุดเท่าที่เราจะทำได้
My Time at Portia เป็นผลงานของสตูดิโอเกมอินดี้อย่าง Panthea Games ที่ก่อตั้งมาตั้งแต่ปี 2010 ซึ่งเป็นสตูดิโอที่ตั้งอยู่ในเมืองฉงชิ่ง ประเทศจีน แม้ว่าพวกเขาจะแจ้งเกิดจากการทำให้ My Time at Portia เป็นที่รู้จักอย่างแพร่หลายในปี 2017 แต่ทั้งก่อนหน้านั้น และระหว่างนั้น พวกเขาก็มีเกมอื่น ๆ ปล่อยออกมาให้ได้เล่นกัน อย่างเช่น Planet Explorers ที่อาจเปิดตัวไม่ค่อยสวยนัก มี Ever Forward เกมอินดี้เล็ก ๆ ที่ได้รับคำชมจากแฟนเกมส่วนหนึ่ง และโปรเจกต์ในอนาคตที่พวกเขาขอเปลี่ยนแนวเกมไปทำเกมแนว Competitive แข่งขันกันบ้าง อย่าง Super Bucky Ball Tournament ที่ปล่อย Demo ออกมาตั้งแต่ช่วงปีก่อน ๆ แต่ตอนนี้ยังทำเกมกันไม่เสร็จ เพราะน่าจะมุ่งเน้นไปที่ My Time at Sandrock กันก่อน
จำลองการเป็นทาส ในเมืองแสนสุข
แม้จะได้รับความนิยมน้อยกว่า Stardew Valley แต่ My Time at Portia ก็ได้รับกระแสตอบรับและให้กำเนิดฐานแฟนเป็นวงกว้างขึ้นมา โดยตัวเกมจะเป็นเกมแบบ Life Simulation และผสมผสานความเป็นเกม RPG ลงไป ผู้เล่นจะได้รับชดเครื่องมือเริ่มต้นในการเก็บเกี่ยวทรัพยากร จากนั้นค่อย ๆ นำมาอัปเกรด เพื่อให้เก็บเกี่ยวผลผลิตได้ดีขึ้น จากนั้นก็นำของไปขาย ทำภารกิจ ช่วยเหลือผู้คน หาเงิน และนำมาอัปเกรดถิ่นฐานของเราให้ดีมากยิ่งขึ้น ก่อนจะค่อย ๆ ไต่เต้าขึ้นไปเป็นผู้มีอิทธิพลของเมือง
สิ่งที่ทำให้เกมนี้ได้รับการจดจำเป็นอย่างมาก คือคอนเทนต์ของเกมที่อัดแน่นไปด้วยสิ่งต่าง ๆ ให้ทำ ตลอดเวลาตั้งแต่เกมเข้าช่วง Early Access ไม่ว่าจะเป็นเรื่องของระบบภารกิจหลัก ภารกิจรอง ความสามารถของตัวละครผู้เล่น ที่มีสกิลที่หลากหลาย ระบบการผูกสัมพันธ์ เข้าสังคมกับตัวละครตัวอื่น ๆ นอกจากนั้น ส่วนของเนื้อเรื่องเอง ก็บอกได้เลยว่า เข้มข้น ชนิดที่ใครสนใจตามอ่าน Lore หรือเนื้อเรื่องของเกม จะรู้ว่า สตอรี่ของเกมนี้ มีอะไรมากไปกว่าแค่การปลูกผัก ทำฟาร์ม สร้างโลกใหม่ เพราะโลกในแต่ละยุคจะมีเรื่องราวมากมายซุกซ่อนเอาไว้ รอให้ผู้เล่นไปค้นหาคำตอบ
แต่สิ่งที่ทำให้เกมนี้ถูกพูดถึงจริง ๆ คือการที่ตัวเกมถูกล้อเลียนว่าเป็นเกมจำลองการเป็นทาสมากกว่าการปลูกผัก ทำฟาร์ม เพราะระบบภารกิจส่วนใหญ่ของเกมนี้ คือการพูดคุย และคอยทำหน้าที่เป็นตัวกลางให้กับเหล่า NPC ต่าง ๆ ภายในเกมมากกว่า ทำให้เราต้องคอยเดินทางไปมา เพื่อพูดคุยกับ NPC หลาย ๆ ตัว กว่าจะจบภารกิจหนึ่งก็คืออาจจะได้เดินทั่วเมืองกันไปเลย ส่วนระบบสร้างสัมพันธ์กับตัวละครก็มีทั้งตารางเวลา กิจกรรมที่ตัวละครทำ การจีบกัน และอื่น ๆ อีกมากมาย โดยทั้งหมดนี้ ทยอยอัปเดตเข้ามาเรื่อย ๆ นับตั้งแต่เกมวางขายปี 2017 ในรูปแบบ Early Access ทำให้ตัวเกมมีคนติดตามและคอยเล่นอยู่เสมอ
นอกจากนั้นก็เหมือนกับเกมทำฟาร์มเกมอื่น ๆ ที่เวลาในชีวิตคุณจะมีอย่างจำกัดใน 1 วัน ทำให้เราต้องคอยบริหารจัดการเวลาให้ดีว่า ใน 1 วันนี้ เราจะต้องทำอะไรบ้าง อะไรสำคัญกับเราที่สุดและจึงไปทำสิ่งนั้น อะไรที่ยังไม่สำคัญ หรือรอได้ ก็ให้ยกยอดไปทำวันอื่นแทน
ไม่ใช่แค่ทำฟาร์ม แต่ยังมีทั้งดันเจี้ยนและการต่อสู้
ไม่ใช่แค่ชีวิตแสนสุขทำฟาร์มเท่านั้น แต่ในเกมนี้ ผู้เล่นยังมีระบบดันเจี้ยน และระบบการต่อสู้กับมอนสเตอร์อีกด้วย โดยดันเจี้ยนภายในเกมนี้จะเป็นเหมือง ที่จะมีทรัพยากรจำพวกแร่ที่จำเป็นในการเอามาอัปเกรดสิ่งของและอุปกรณ์ต่าง ๆ แต่การเข้าไปลุยในดันเจี้ยนก็ถือว่าเป็นเรื่องเสี่ยงอยู่มาก ต้องมั่นใจว่าไอเทมของคุณพร้อมที่จะต่อสู้ และสามารถเอาตัวรอดออกมาจากเหมืองเหล่านั้นได้ด้วย ไม่เช่นนั้นรับรองว่าวันนั้นของคุณจะเสียเปล่าจากการพลาดท่า ตายภายในดันเจี้ยนนั่นแหละ ระบบการอต่สู้ของเกมนี้ก็จะเหมือนกับเกมแนว Action ทั่วไป ลดความยุ่งยากซับซ้อนลงมา เราสามารถกำจัด และเอาชนะศัตรูได้ง่าย ๆ หากมีพลังมากพอแล้ว ก็ถือว่าเป็นความสนุกหนึ่งที่เกมมอบให้คนเล่น
เกมจะมี Skill Tree ต่าง ๆ ให้ เราจะเลือกอัปได้ว่าอยากให้ตัวละครเก่งด้านไหนก่อน ไม่ว่าจะเรื่องการต่อสู้ การเก็บเกี่ยวทรัพยากร การทำฟาร์มและอื่น ๆ อีกมากมาย แล้วแต่สไตล์ของผู้เล่น เกมนี้จึงไม่ได้ถูกจำกัดไว้ที่แค่เกม Life Sim แต่ระบบ Combat ระบบการต่อสู้ มันก็ทำออกมาได้สนุกไม่แพ้กัน
การกลับมาในภาคต่อ พร้อมรองรับภาษาไทย
ในปี 2020 ทาง Panthea Games ได้ออกมาประกาศเปิดตัวภาคต่ออย่างเป็นทางการ ในชื่อ My Time at Sandrock และใช้เวลาในการพัฒนาอีกยาวนานกว่าสองปี จนกระทั่งตอนนี้ เรากำลังจะได้สัมผัสประสบการณ์ภาคต่อกันแล้ว ข้อดีของภาคนี้เลยคือ เราจะได้เล่นมันในรูปแบบซับไตเติลภาษาไทยอย่างเต็มรูปแบบ ยืนยันจากปากทีมพัฒนาเอง
สำหรับ My Time at Sandrock แรกเริ่มเดิมทีจะเป็นส่วนเสริมขนาดใหญ่ของ My Time at Portia แต่เมื่อทำไปเรื่อย ๆ ก็พบว่าสเกลของเกมนั้นใหญ่และมีรายละเอียดมาก พวกเขาจึงตัดสินใจที่จะเริ่มการพัฒนาใหม่ตั้งแต่แรก เกมเพลย์หลัก ๆ จะเป็นการนำเอาของ Portia มาต่อยอดให้ดียิ่งขึ้น จะมีการปรับปรุงระบบความสัมพันธ์กับ NPC จะเพิ่มโหมดพิเศษที่เล่นกับเพื่อนได้ และจะเพิ่มประสิทธิภาพของเกมให้เกิดบัคและข้อผิดพลาดให้น้อยที่สุด และพื้นที่ของเกมภาคนี้คือ Sandrock นครที่ตั้งอยู่ในประเทศ Eufaula ด้วยความที่มันมีสมบัติลึกลับอยู่ มันจึงดึงดูดผู้คนจำนวนมากเข้ามา และทำให้เมืองนี้มีทรัพยากรไม่พอ และน้ำกลายเป็นของหายากขึ้นมาทันที
แต่อย่างไรก็ตาม เกมจะยังมีฟีเจอร์ที่ครบครันจากภาคแรกครบ ทั้งระบบการทำฟาร์ม การสร้างความสัมพันธ์กับ NPC การทำอาหาร การต่อสู้ลงดันเจี้ยน และอื่น ๆ อีกมากมาย แฟน ๆ ก็รอสัมผัสประสบการณ์ภาคใหม่กันได้ 26 พฤษภาคมนี้
