วันที่ผู้เขียนนั่งพิมพ์อยู่นี้มีประเด็นใหม่ในหมู่คนเล่น Tekken รอบตัว โดยเฉพาะเพื่อน ๆ เกี่ยวกับการปรับแก้สมดุลตัวละครรอบใหม่ในเกม Tekken 7 Season 2 ขนานใหญ่ ชนิดที่เพื่อน ๆ บางคนถึงกับอุทานว่า “นี่มันเกมใหม่แล้ว ไม่ใช่ Tekken 7 ที่เคยเล่นหรอก” เพราะหลายตัวนั้นโดนปรับลดความสามารถลงจนเรียกว่าไม่มีที่ยืนกันเลย แต่หลายตัวก็มีการปรับเพิ่มความสามารถมากขึ้น จนอาจจะขึ้นมาผงาดในงานแข่งขันช่วงหลังนี้ได้อย่างเต็มตัว
ผู้เขียนเคยได้พูดถึงเรื่องนี้ไปบ้างในช่วงที่พูดถึงตัวเก่งตัวโกงในเกมต่อสู้ และวิธีแก้ปัญหาที่ทีมพัฒนาในสมัยก่อนทำกันก็คือการออกภาคใหม่มันซะเลย(เนื่องมาจากข้อจำกัดทางด้านเทคโนโลยีนั้นแล) ดังนั้นไม่ต้องแปลกใจที่เราจะเห็น Street Fighter II ออกมาเป็นสิบเวอร์ชั่น(แถมภาคพิสดารที่ถึงแม้จะไม่ใช่ภาคอย่างเป็นทางการ แต่ความบันเทิงนี่เต็มร้อย) หรือ Guilty Gear X ที่ออกมาหลาย X ในช่วงที่ยุคอาเคตรุ่งเรือง เพราะการเปลี่ยนภาคมันทำง่ายกว่านั้นเอง(ส่วนคนที่เล่นคอนโซล ก็ต้องกัดฟันซื้อแผ่นใหม่กันไป ฮา)
ถ้าหากถามตัวผู้เขียนเอง การปรับแก้สมดุลแบบรายปีนั้นดีหรือไม่? ยังไงก็ต้องดีอยู่แล้วครับ เพราะข้อสำคัญหลักใหญ่ก็คือมันยังทำให้เกมมีความสดใหม่อยู่ ซึ่งถ้าเป็นเกมที่แข่งขันยาวตลอดปีแล้ว(อย่างเช่น Tekken 7 หรือ Street Fighter V) การปรับสมดุลรายปีหรือรายครึ่งปีจัดเป็นตัวเลือกที่เข้าท่า เพราะผู้เล่นและผู้แข่งขันจะได้มีเวลาในการปรับตัวและฝึกฝนของใหม่ที่เพิ่มเข้ามา ยิ่งถ้าหาก patch นั้นมีการเพิ่มระบบใหม่เข้ามาด้วยก็ยิ่งต้องศึกษากันแบบละเอียดลึกยิ่งกว่าเดิมกันเลย และแน่นอนว่าถ้าปรับมาดี เกมจะสนุกขึ้นอย่างมากแน่นอน
และสิ่งที่อาจจะหลีกเลี่ยงไม่ได้ก็คือ ถ้าหากตัวละครที่เราเล่นนั้นโดน Nerf จนหนักหนาสาหัสมาก เราจะยังยึดมั่นในตัวละครตัวนั้นอยู่หรือเปล่า?
ผู้เล่นระดับโปรหลายคนก็มีทางออกให้กับตัวเองแตกต่างกันออกไป และทุกครั้งที่มีการปรับสมดุล มีตัวละครใหม่เข้าเกม หรือเปลี่ยนระบบการเล่น ก็มีหลายคนอยากฟังความเห็นเกี่ยวกับตัวที่เขาเล่น ว่าจะยังเล่นต่อไหมถ้า Nerf หนักขนาดนี้ หรือคิดเห็นอย่างไรกับสิ่งใหม่ที่เพิ่มเข้ามาอยู่บ่อย ๆ ถ้ายกตัวอย่างที่ชัดหน่อยก็คือ Daigo Umehara (อีกแล้ว) ที่ในเกม Street Fighter V เขาเปลี่ยนตัวละครที่ใช้มาเป็น Guile แทนที่จะเป็น Ryu แบบภาคก่อน เพราะเขาให้เหตุผลว่าเขาไม่สามารถเล่น Ryu ให้ได้ดั่งใจต้องการได้ และทำผลงานได้ดีกว่าถ้าเล่น Guile พร้อมกับย้ำว่านี่คือการตัดสินใจที่ยากที่สุดในชีวิตของเขาทีเดียว ซึ่งหลาย ๆ คนที่เป็นแฟนเกมต่อสู้ ย่อมต้องรู้กันอยู่แล้วว่า Daigo มักจะเลือก Ryu มาเป็นตัวละครหลักเสมอ หรืออย่างเช่น Infiltration ที่ในยุคหลังเรามักจะเห็นเขาเล่น Menat ในการแข่งขันอยู่บ่อย ๆ แต่ก็มีบ้างที่เปลี่ยนไปใช้ Juri เพื่อแก้ทางตัวละครที่ Menat แพ้ทาง
แต่ก็ยังมีโปรอีกหลายคนที่ยังยึดมั่นในตัวละครที่เขาเล่นอยู่แม้จะถูก Nerf ไปหนักมากก็ตาม และที่น่าทึ่งคือพวกเขาก็ยังใช้ตัวละครเหล่านั้นทำผลงานในการแข่งขันได้อย่างดีเยี่ยม ถ้าหากการปรับแก้สมดุลนั้นไม่เกิดผลกับวิธีเล่นของเขาหรือจุดปรับเปลี่ยนเสริมให้เล่นได้ง่ายขึ้น หรือเปลี่ยนวิธีเล่นใหม่ ใช้มุกใหม่ ๆ ที่ทำไม่ได้ใน Patch เก่า แต่เพิ่มเข้ามาใหม่จากระบบการเล่นที่เปลี่ยนไป จนกลายเป็นว่าการ Buff นั้นไม่มีผลอะไรเลย(แต่ถ้าโดนปรับท่าหากิน อันนี้ก็ต้องทำใจ) และเผลอ ๆ ตัวละครที่แม้จะโดน Nerf หนักหน่วงมากในช่วงนั้นก็มีโอกาสไปถึงตำแหน่งแชมป์ได้เหมือนกัน
ส่วนสำหรับตัวผู้เขียนเอง ถ้าหากสิ่งที่เปลี่ยนแปลงไปนั้นไม่ได้เกิดผลอะไรมากนักก็อาจจะยังคงเล่นตัวละครนั้นต่อไป แต่ถ้ามีของใหม่ที่น่าสนใจและไม่โกงจนเกินไป ก็จะขยับขยายไปเล่นตัวนั้นดูบ้างเพื่อสร้างสีสันให้กับตัวเอง แต่บางกรณีที่ Patch นั้นปรับบางตัวจนโกงก็อาจจะต้องฝึกเล่นเพื่อรับมือตัวละครนั้นเผื่อเอาไว้ด้วยเหมือนกัน
ที่พูดมาทั้งหมดนี้เป็นแค่ในกรณีการปรับแก้ในเกมต่อสู้เท่านั้น เกมแนวแข่งขันอื่น ๆ อย่างแนว FPS หรือ MOBA เองก็มีการปรับสมดุลกันจนเป็นเรื่องปกติอยู่แล้ว (และปกติมากสำหรับเกมในยุคนี้) ผู้เขียนเองก็ไม่อยากให้เพื่อน ๆ ผู้อ่านคิดว่าทีมพัฒนาปรับเพราะหมั่นไส้หรือเอาใจผู้เล่นบางกลุ่ม (แม้บางทีมันจะเหมือนเป็นแบบนั้นก็เถอะ) แต่เป็นการปรับเพื่อให้ภาพรวมของเกมมีการเปลี่ยนไปและเล่นได้สนุกขึ้น เพราะถ้าหากเกมไม่มีการเปลี่ยนแปลงใด ๆ ก็ยากที่จะดึงดูดให้ผู้เล่นใหม่เข้ามามีส่วนร่วมได้ยากขึ้น และไม่ว่าเราจะทำอะไรก็ย่อมหนีการเปลี่ยนแปลงกันไม่พ้นอยู่แล้ว สิ่งที่เราทำให้ก็คือการปรับตัว ไม่หาตัวใหม่เล่นก็ต้องรับมือเปลี่ยนแปลงเทคนิคการเล่นให้เข้ากับตัวละครหรือฝีมือของเรา
ไม่แน่ว่าบางทีการเปลี่ยนแปลงนั้นอาจจะทำให้คุณได้พบกับสิ่งที่ดีกว่าก็เป็นได้นะครับ