Nintendo Switch Lite เป็นโมเดลที่ออกมาแบบมาเพื่อเป็นทางเลือกใหม่ สำหรับคนต้องการครอบครอง Switch ในราคาที่ถูกลง แต่แน่นอนว่าเนื่องจาก Switch Lite มีการตัดฟีเจอร์จาก Switch รุ่นมาตรฐาน ส่งผลทำให้เกมเมอร์หลายคนยังตัดสินใจไม่ได้ว่า Switch Lite มีความคุ้มค่ากับเงินที่จ่ายไปหรือไม่
แล้วตอนนี้ Switch Lite ยังคุ้มค่าที่จะซื้อหรือไม่ แล้วมันแตกต่างจากรุ่นมาตรฐานมากน้อยแค่ไหน บทความนี้จะมอบคำตอบให้ท่านเอง
CPU/GPU เท่าเดิม
ความสงสัยแรกสำหรับหลายคน คือความแตกต่างในด้านประสิทธิภาพความทรงพลังระหว่าง Switch รุ่นมาตรฐาน และ Lite มีความแตกต่างแค่ไหน ซึ่งต้องบอกได้เลยว่าแทบไม่มีความแตกต่างแม้แต่นิดเดียว
Nintendo Switch รุ่นมาตรฐาน และ Lite ใช้ CPU/GPU “NVIDIA Custom Tegra processor” ซึ่งมีความทรงพลังเท่ากัน หรือหมายความว่าแม้ Switch Lite จะมีราคาถูกขึ้น แต่ประสิทธิภาพไม่ได้มีการดาวน์เกรดจากรุ่นมาตรฐานแต่อย่างใด ภาพกราฟิก/เฟรมเรตระหว่าง 2 เครื่อง ยังคงมีประสิทธิภาพเหมือนกัน เพราะฉะนั้นเกมเมอร์คนไหนที่ต้องการครอบครองเครื่อง Switch ราคาถูก เพื่อต้องการเล่นเกม Exclusive ของ Switch เพียงอย่างเดียว ก็ถือว่าเป็นตัวเลือกที่น่าสนใจมาก ๆ เพราะไม่ต้องกังวลเรื่อง Performance อีกต่อไป
Switch Lite เล่นได้แค่โหมด Handheld เท่านั้น
Nintendo Switch รุ่นมาตรฐานจะแถมมาพร้อมอุปกรณ์ Dock ที่สามารถเล่นเกมได้ 3 โหมด เช่น โหมด TV เล่นเกมผ่านหน้าจอโทรทัศน์, โหมด Tabletop เล่นเกมด้วยการใช้ขาตั้งเครื่องวางบนโต๊ะ และ โหมด Handheld เล่นเกมโดยใช้มือถือเครื่อง คล้าย PSP และ Nintendo DS
แต่สำหรับรุ่น Lite ในกล่องจะไม่แถมอุปกรณ์ Dock ให้ และเครื่องเกมไม่รองรับอุปกรณ์ Dock อีกด้วย ทำให้รุ่น Lite สามารถเล่นเกมได้แค่โหมด Handheld โหมดเดียวเท่านั้น
แม้ไม่ได้เป็นปัญหาสำหรับคนที่ชื่นชอบการเล่นเกมแบบพกพา แต่เนื่องจากรุ่น Lite ไม่มีโหมด TV และ Tabletop ก็ทำให้การเล่นเกมแนวปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ เช่น Mario Kart 8 ได้ยากลำบาก เนื่องจากหน้าจอเครื่องมีขนาดเล็กเกินไป แถมเกมคอนโซลไม่มีฟีเจอร์เชื่อมต่อเข้ากับทีวี ให้ทุกคนสามารถมองเห็นหน้าจอขนาดใหญ่ได้อีกด้วย ทำให้ประสบการณ์การเล่นเกมแนว Multiplayer Local บนรุ่น Lite ไม่สะดวกสบายเท่ากับการเล่นเกมบน Switch รุ่นมาตรฐาน
นอกจากนี้ เนื่องจาก Switch Lite มีแต่โหมด Handheld ก็ทำให้บางเกมของ Nintendo ไม่สามารถเล่นได้ เนื่องจากตัวเกมไม่รองรับการเล่นเกมในโหมด Handheld ซึ่งปัญหาดังกล่าวแก้ไขได้ด้วยการซื้อคอนโทรลเลอร์ Joy-Con หรือจอย Third-Party เพื่อเล่นเกมที่ไม่รองรับโหมด Handheld
คอนโทรลเลอร์ Build-In ใช้ดีไม่แพ้ Joy-Con แต่แลกกับฟีเจอร์ที่หายไป
Nintendo Switch รุ่นมาตรฐาน ได้แถมมาพร้อมกับจอยคอนโทรลเลอร์ Joy-Con ซึ่งสามารถถอดและเสียบเข้ากับเครื่องได้จำนวน 2 ตัว ตรงกันข้ามกับ Switch Lite ได้ใช้จอยคอนโทรลเลอร์ที่ติดตั้งมาพร้อมในเครื่อง (Build-In) ซึ่งจอยนี้ไม่สามารถถอดหรือเสียบกลับเข้าเครื่องใหม่ได้
หมายความว่าผู้ใช้ Switch Lite จะพลาดประสบการณ์การใช้คอนโทรลเลอร์ Joy-Con ที่มีระบบ HD Rumble และ IR Motion Camera ซึ่งช่วยเสริมสร้างประสบการณ์การเล่นเกมให้แปลกใหม่ยิ่งขึ้น และไม่สามารถเล่นเกมแบบ Wireless ไร้สาย หรือเล่นเกมโดยใช้ Motion Control ได้ โดยหากผู้ใช้ Switch Lite ต้องการใช้งาน Joy-Con ก็ต้องซื้อแยกในราคา 2,690 บาท (ราคากลาง)
แต่อย่างไรก็ตาม คอนโทรลเลอร์ Build-In ใน Switch Lite สามารถใช้เล่นเกมได้ดีเทียบเท่ากับ Joy-Con ฉะนั้นหากผู้ใช้มองข้ามฟีเจอร์ดังกล่าวไปได้ ก็ไม่จำเป็นเสียเงินเพิ่มเพื่อซื้อ Joy-Con นอกเหนือจากซื้อเพื่อใช้เป็นคอนโทรลเลอร์สำรอง
น้ำหนักเบา เป็นมิตรสำหรับคนชอบพกพา
Nintendo Switch รุ่นมาตรฐาน มีน้ำหนักอยู่ที่ 88 ปอนด์ (รวมน้ำหนักของ Joy-Con ที่เสียบข้างเครื่องด้วย) ในขณะที่รุ่น Lite มีน้ำหนักเบากว่าเครื่องรุ่นมาตรฐานที่ 61 ปอนด์
นอกจากนี้ Switch Lite มีขนาดความกว้างใหญ่ของเครื่องน้อยกว่ารุ่นมาตรฐาน โดยรุ่น Lite มีสเปกที่สูง 3.6 นิ้ว, ยาว 8.2 นิ้ว และความลึก .55 นิ้ว ขณะที่รุ่นมาตรฐานมีสเปกที่สูง 4 นิ้ว, ยาว 9.4 นิ้ว และลึก .55 นิ้ว (รวม Joy-Con ที่เสียบข้างในเครื่องด้วย)
ด้วยข้อมูลสเปกดังกล่าว ทำให้ Switch Lite เหมาะสำหรับการเล่นเกมในโหมด Handheld และพกพาใส่ในกระเป๋าเป๋ได้โดยไม่กินพื้นที่ว่างเยอะจนเกินไป
แบตเตอรี่อยู่ในเกณฑ์สอบผ่าน แต่รุ่นมาตรฐานทำได้ดีกว่า
แตกต่างเกมคอนโซลบ้านอย่าง PlayStation และ Xbox เนื่องจาก Nintendo Switch ทั้งสองรุ่นใช้พลังงานจากแบตเตอรี่ เพราะฉะนั้นแน่นอนว่าความอึดของแบตเตอรี่ ก็เป็นสิ่งที่สำคัญสำหรับคนกำลังเตรียมซื้อเกมพกพา
อ้างอิงข้อมูลโดย Nintendo เครื่อง Switch รุ่นมาตรฐาน มีขนาดแบตเตอรี่ที่ 4310 mAh สามารถเล่นเกมนานต่อเนื่อง 4.5-9 ชั่วโมง ส่วน Switch Lite มีขนาดแบตเตอรี่ที่ 3570 mAh เล่นได้นานต่อเนื่อง 3-7 ชั่วโมง ซึ่งมีความหมายสั้น ๆ ว่า Switch Lite มีความอึดแบตเตอรี่น้อยกว่ารุ่นมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัด แต่ถึงอย่างนั้น ถ้าหากเกมเมอร์ต้องการนำเครื่องเกมไปเล่นในที่สาธารณะหรือนอกบ้าน ก็ควรนำแบตเตอรี่สำรองพกติดตัวไปด้วยเป็นอย่างยิ่ง
หน้าจอ LCD Touch Screen เหมือนกัน
Nintendo Switch Lite และรุ่นมาตรฐาน ใช้หน้าจอประเภทเดียวกันคือจอ LCD Touch Screen สามารถใช้ระบบสัมผัสหน้าจอได้ โดยจะมีความแตกต่างเพียงแค่ขนาดของหน้าจอ ซึ่ง Switch Lite มีขนาดจอเล็กกว่ารุ่นมาตรฐานที่ 5.5 นิ้ว และ 6.2 นิ้ว ตามลำดับ
สรุป Nintendo Switch Lite คุ้มหรือไม่
หลังจากเปิดเผยความแตกต่างของสเปกระหว่าง Nintendo Switch Lite และ Switch รุ่นมาตรฐาน ก็สามารถสรุปได้ว่า Nintendo Switch Lite มีความคุ้มสำหรับเกมเมอร์ที่มีงบประมาณที่ค่อนข้างจำกัด
แม้ Nintendo Switch Lite มาพร้อมกับราคาขายที่ถูกกว่ารุ่นมาตรฐานอย่างเห็นได้ชัด แต่ก็ต้องแลกกับการโดนตัดฟีเจอร์สำคัญ อย่างเช่น การเชื่อมต่อเล่นเกมผ่านจอโทรทัศน์, การใช้ Joy-Con แบบไร้สาย, ความกว้างของหน้าจอลดลง, ความอึดของแบตเตอรี่ที่ลดลง และเล่นเกมปาร์ตี้กับเพื่อน ๆ ในห้องเดียวได้ไม่สะดวกสบาย เนื่องจากมีข้อจำกัดทางด้านฮาร์ดแวร์
ถ้าหากสามารถมองข้ามฟีเจอร์การเล่นเกมผ่านจอโทรทัศน์ เน้นเล่นเกมคนเดียวในห้อง และชื่นชอบอรรถรสการเล่นเกมแบบถือพกพาสไตล์เกมคอนโซล Handheld แน่นอนว่า Switch Lite เป็นตัวเลือกที่คุ้มมาก ๆ แล้วด้วยราคาถูก ก็สามารถซื้อเป็นเครื่องเกมสำรองก็ได้
แต่หากผู้ใช้ต้องการเครื่องเกมคอนโซล Nintendo Switch ที่มาพร้อมฟีเจอร์ครบครั้น สามารถเล่นผ่านหน้าจอโทรทัศน์ และมีงบประมาณมากพอ เราอยากแนะนำให้ซื้อเครื่องเกมรุ่นมาตรฐานมากกว่า Lite เนื่องจากเครื่องรุ่น Lite คือรุ่นที่ตัดฟีเจอร์จากรุ่นมาตรฐาน เพื่อให้ราคาขายเป็นมิตรสำหรับทุกคนมากขึ้น ในขณะที่สเปกความทรงพลังของ CPU/GPU ระหว่างเครื่อง 2 รุ่นยังเท่าเดิม และการดาวน์เกรดก็ไม่ได้เลวร้ายจนถึงขั้นดีลเบรกเกอร์
ปัจจุบัน Nintendo Switch Lite ขายในราคา 6,890 บาท และ Nintendo Switch รุ่นมาตรฐานในราคา 11,790 บาท
แหล่งที่มา: Nintendo