BY Nuttawut Apiratwarakul
29 Sep 22 11:39 am

No Russian ภารกิจสังหารหมู่ลวงโลกชิงอำนาจ หนึ่งในฉากที่สำคัญที่สุดในโลกวิดีโอเกม

947 Views

ข่าวปลอม ข้อมูลเท็จ การแสวงหาอำนาจกับหนึ่งในฉากที่สำคัญที่สุดในโลกวิดีโอเกม

ณ สนามบินนานาชาติในกรุงมอสโคว์เมืองหลวงของรัสเซีย กลุ่มชายฉกรรจ์พร้อมอาวุธครบมือยืนอยู่ในลิฟต์ ทุกสิ่งเงียบงันมีเพียงเสียงของลิฟต์และบรรยากาศภายในของสนามบินดังแทรกเข้ามาเบา ๆ สัญญาณเตือนของลิฟต์ดังขึ้นเมื่อมาถึงชั้นเป้าหมาย

หนึ่งในกลุ่มชายฉกรรจ์กล่าวขึ้นเบา ๆ “จำเอาไว้ – อย่าพูดภาษารัสเซีย” และหลังจากนั้น “Remember, no Russian” ก็กลายเป็นประโยคในตำนานที่ถูกจดจำมาตลอดโดยเกมเมอร์ทั่วโลก

เรื่องราวหลังจากนั้นก็คือฉากการสังหารหมู่ของเหล่าเหยื่อในสนามบิน และนี่ก็คือภารกิจ No Russian จากเกมเดินหน้ายิงชื่อก้องโลกอย่าง Call of Duty: Modern Warfare 2 เนื้อหาของภารกิจนี้ผู้เล่นรับบทเป็น Joseph Allen สายลับ CIA ที่ถูกส่งไปแฝงตัวเข้าร่วมแก๊งค์ Vladimir Makarov และต้องทำทุกอย่างเพื่อให้ Makarov ไว้ใจ และนั่นก็รวมถึงการมีส่วนร่วมในการสังหารประชาชนในภารกิจดังกล่าว

แน่นอนว่าหลายคนคงจะรู้กันดีอยู่แล้วว่าหลังจากนี้ Joseph Allen จะถูก Makarov ยิงสังหารทิ้งในตอนท้ายของภารกิจและการที่ศพของสายลับอเมริกันถูกค้นพบมีส่วนร่วมในการสังหารหมู่ประชาชนรัสเซียก็เป็นต้นตอนำไปสู่สงครามระหว่างรัสเซียและอเมริกาในที่สุด

ซึ่งเบื้องลึกเบื้องหลังของเนื้อหาในเกมก็นำพาเราไปสู่การต่อสู้เพื่ออำนาจและอุดมการณ์ของเหล่าคนที่พร้อมทำทุกอย่างและเสียสละชีวิตคนมหาศาลเพื่อให้ได้สิ่งที่ตนเองต้องการ

ย้อนหลังกลับไปยังปี 2009 ตอนที่ตัวเกม Modern Warfare 2 กำลังจะวางจำหน่าย กระแสวัฒนธรรมและความคิดเห็นของสังคมต่อสื่อวิดีโอเกมนั้นไม่ได้เปิดกว้างหรือมีการพูดถึงแบบกว้างขวางอย่างทุกวันนี้ และแน่นอนว่าเมื่อวิดีโอที่แสดงภาพฉากสังหารหมู่แถมผู้เล่นสามารถเป็นผู้มีส่วนร่วมลงมือแถมมาจากเกมยิงซีรีส์ดังระดับโลก สิ่งที่ตามมาก็คือการพูดถึงเป็นวงกว้างและกระแสสังคมมุ่งเป้ามาที่วิดีโอเกมอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อน

No Russian และ Modern Warfare 2 เผชิญความขัดแย้งมากมายในแง่ความคิดเห็นของผู้คนโดยรวม ซ้ำร้ายวิดีโอฉาก No Russian ยังหลุดออกสู่โลกอินเตอร์เน็ตก่อนที่เกมตัวเต็มจะวางจำหน่าย

ร้อนถึง Activision ในตอนนั้นที่ต้องออกมายอมรับว่าวิดีโอดังกล่าวหลุดมาจากเกมจริงแต่เนื้อหาในเกมนั้นมันมีที่มาที่ไปและฉากดังกล่าวก็ไม่ใช่ประสบการณ์การเล่นทั้งหมดของตัวเกม Modern Warfare 2

เมื่อตัวเกมเต็มออกวางจำหน่ายและเนื้อหาทั้งหมดของเกมพร้อมฉาก No Russian ถูกปล่อยให้เล่นแบบเต็ม ๆ กระแสความคิดเห็นก็แตกออกเป็นสองฝั่งแบบชัดเจน สื่อกระแสหลักรวมไปถึงสื่อในวงการเกม มีความคิดเห็นเกี่ยวกับตัวเกมหลากหลายมุมมอง

มีทั้งฝั่งที่ไม่เห็นด้วยกับการใส่ฉากดังกล่าวมา มีทั้งคนที่คิดว่าการนำเสนอเหยื่อเหตุกราดยิงในวิดีโอเกมที่เน้นความสนุกถือว่าเป็นสิ่งที่ยังไม่สมควร และก็มีทั้งฝ่ายที่ชื่นชมฉากดังกล่าวและเห็นด้วยว่าวิดีโอเกมควรยกระดับการนำเสนอเนื้อหาที่ชวนให้เกิดข้อถกเถียงในรูปแบบนี้

แน่นอนว่าเพราะตัวฉาก No Russian ถือว่ามีความรุนแรงเต็มรูปแบบ ตัวเกมก็เปิดโอกาสให้ผู้เล่นสามารถกดข้ามฉากดังกล่าวได้ด้วยตัวเอง อย่างไรก็ตามเนื้อหาฉากนี้ก็ถูกตัดทิ้งไปในตัวเกมบางฉบับ

ตัวเกมฉบับรัสเซียถูกตัดฉากดังกล่าวทิ้งไปทั้งหมด ส่วนตัวเกมฉบับญี่ปุ่นและเยอรมันก็มีการดัดแปลงเนื้อหาเล็กน้อยโดยตัวเกมจะถูกตัด Game Over หากผู้เล่นยิงสังหารประชาชนในฉาก (ขณะที่ฉบับปกติผู้เล่นเลือกได้ว่าจะมีส่วนร่วมในการสังหารหรือเปล่า)

จุดที่น่าสนใจคือตัวเกมฉบับแปลภาษาญี่ปุ่นมีการแปลประโยค No Russian ผิดความหมายไปไกลและสร้างความหัวร้อนให้เกมเมอร์ญี่ปุ่นบางส่วน เพราะในฉบับญี่ปุ่นแทนที่ประโยคดังกล่าวจะถูกแปลว่า “จำไว้ อย่าพูดภาษารัสเซีย” ดันถูกแปลเป็น “ฆ่าพวกมันซะ พวกมันเป็นคนรัสเซีย”

ในแง่ของเบื้องหลังการพัฒนานั้นฉาก No Russian ถือเป็นฉากแรก ๆ ของเกมที่ทีมงาน Infinity Ward เริ่มต้นพัฒนาขึ้นมา แรงบันดาลใจที่ทำให้สนามบินถูกใช้เป็นฉากหลังก็คือเหตุวินาศกรรม 11 กันยายน หรือ 9/11 ในโลกแห่งความจริง ซึ่งหลังการโจมตีดังกล่าวการรักษาความปลอดภัยในการเดินทางทางอากาศก็ถูกยกระดับไปทั่วโลก

Jesse Stern มือเขียนบทหลักของเกมได้ให้สัมภาษณ์เอาไว้ว่า “มันมีมนุษย์จริง ๆ ที่ทำเรื่องเลวร้ายแบบนี้อยู่ ดังนั้นคุณก็ไม่อยากจะเบือนหน้าหนีจากความจริงนี้ คุณต้องลงไปเจาะลึกดูว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมสิ่งเหล่านี้มีอยู่ และเราทำอะไรได้บ้างที่จะยับยั้งไม่ให้มันเกิดขึ้นจริง ความตั้งใจของพวกเราคือพาคุณไปใกล้ชิดกับเรื่องเลวร้ายให้ถึงที่สุด”

ตรงกันข้ามกับคุณ Mohammad Alavi เจ้าของตำแหน่งผู้ออกแบบเกม ฝั่ง Alavi บอกว่าเป้าหมายหลักของเขาก็คือการผูกปมสำคัญให้เนื้อเรื่องเดินหน้าต่อไป ซึ่ง No Russian มอบสิ่งสำคัญ 3 ข้อให้กับเนื้อเรื่องของเกม “ข้อแรกคือทำไมรัสเซียถึงเปิดฉากสงครามกับสหรัฐ ข้อสองคือทำให้ผู้เล่นรู้สึกเชื่อมโยงกับตัวร้ายอย่าง Makarov และทำทั้งหมดนั้นด้วยฉากที่เป็นที่จดจำและน่าสนใจ”

ทีมงานเล่าว่าเวลาส่วนใหญ่ในการพัฒนาฉาก No Russian หมดไปกับการสร้างช่วงการสังหารหมู่ประชาชน ในฉบับแรกของฉาก ตัวด่านมีเพียงแค่ฉากสังหารหมู่ในตอนต้นที่ประตูลิฟต์เปิดออกเท่านั้นก่อนที่ตัวเกมจะถูกตัดเข้าสู่ฉากยิงต่อสู้กับตำรวจโดยทันที ซึ่ง Alavi รู้สึกว่ามันไม่ดึงอารมณ์เท่าที่ควรและทำให้ฉากสังหารหมู่แทนที่จะน่าจดจำกลับกลายเป็นดูแค่ฉากลูกเล่นที่ใส่มาเปล่า ๆ Alavi จึงเพิ่มฉากการสังหารหมู่ให้ยาวนานขึ้น

และแม้ฉากดังกล่าวในฉบับเต็มจะถือว่าโหดร้ายเอาเรื่องอยู่แล้ว แต่มีเนื้อหาบางส่วนที่ถูกตัดทิ้งไปในระหว่างการพัฒนาเช่นกัน เช่นฉากเด็กและครอบครัวที่กอดกันด้วยความหวาดกลัว

ในฉบับแรกเริ่มนั้น No Russian มีภาพความรุนแรงและเลือดน้อยกว่าที่เราได้เห็นกันจริง แต่เป็นภรรยาของ Joel Emslie เจ้าของตำแหน่งหัวหน้าฝ่ายศิลป์ที่แสดงความเห็นว่า ฉากทั้งหมดจะไม่สมจริงเลยหากภาพความรุนแรงและเลือดไม่ถูกนำเสนอออกมาแบบชัดเจน

ระหว่างการพัฒนา ฉาก No Russian ยังแบ่งแยกความคิดเห็นของทีมงาน Infinity Ward ออกเป็นสองขั้วแบบชัดเจน มีหลายคนแสดงความไม่เห็นด้วยกับฉากดังกล่าว ขณะที่ทีมงานบางคนเสนอไอเดียให้ผู้เล่นสวมบทเป็นฝ่ายตำรวจเข้ามาหาทางยับยั้งกลุ่ม Makarov แทน

อย่างไรก็ตามนอกจากจะต้องเผชิญหน้ากับกระแสต่อต้านจากสังคมและสื่อบางส่วนแล้ว Modern Warfare 2 ยังต้องเผชิญปัญหาสำคัญอีกหลายต่อหลายครั้งหลังตัวเกมถูกนำไปเชื่อมโยงกับการก่อการร้ายและเหตุโศกนาฏกรรมจริงหลายเหตุการณ์

และครั้งที่ร้ายแรงที่สุดก็คือ เหตุโจมตีในนอร์เวย์ ในปี 2011 ซึ่งผู้ก่อเหตุคือ Anders Behring Breivik ซึ่งก่อการร้ายครั้งใหญ่และส่งผลให้มีผู้เสียชีวิตถึง 77 คน โดยตัวผู้ก่อเหตุได้ให้ปากคำว่าใช้เกม Modern Warfare 2 ในการฝึกซ้อม แม้แรงจูงใจหลักของเขาจะเป็นเรื่องแนวคิดต่อต้านอิสลามและการอพยพขณะที่ผู้เชี่ยวชาญก็เห็นตรงกันว่า Anders มีอาการทางจิต

นับจากปี 2009 วันที่ Modern Warfare 2 ออกวางจำหน่ายวันนี้เราเดินทางมาถึงปี 2022 (และเราก็กำลังจะมี Modern Warfare 2 ฉบับใหม่ในปีนี้) สื่อวิดีโอเกมได้ผ่านการเดินทางมาอย่างยาวนานและมีพัฒนาด้านการเล่าเรื่องมาแบบต่อเนื่อง ปัจจุบันเกมจากค่ายใหญ่ ๆ และเกมอินดี้มีการนำเสนอเนื้อหาที่หนัก ๆ และยกหัวข้อที่ชวนขบคิดมาถกเถียงกันมากมาย

ซึ่งหากเรามองย้อนหลังกลับไปก็ปฏิเสธไม่ได้เลยว่า No Russian และ Modern Warfare 2 แผ้วถางทางเดินสำคัญเอาไว้ในวงการเกม เป็นหนึ่งในฉากที่เกมเมอร์จดจำและสำคัญที่สุดเป็นอย่างยิ่งต่อสื่อวิดีโอเกมโดยรวม

หวังว่า Modern Warfare 2 ฉบับใหม่จะพาเราไปสำรวจเนื้อหาที่น่าสนใจและยกระดับการเล่าเรื่องของเกมเดินหน้ายิงกันอีกครั้ง

Nuttawut Apiratwarakul

โน้ต - Co-Founder / Editor-in-chief

Back to top