BY Next
9 Dec 21 5:07 pm

One-way trip แนวเกมที่สอดคล้องกับชีวิตจริง

11 Views

เวลาที่คุณตายในวิดีโอเกมและย้อนกลับมาที่ Checkpoint หรือจุดเซฟล่าสุด คุณรู้สึกอย่างไรบ้าง ? รู้สึกเหมือนกับว่าความผิดพลาดที่คุณก่อ, ความโชคร้ายที่คุณเจอ หรือการตัดสินใจที่ผิดถูกลบหายไปเหมือนกับว่ามันไม่เคยเกิดขึ้นใช่หรือไม่ ? คงจะมีหลายครั้งในชีวิตจริงที่เราอยากทำอะไรแบบนี้ได้บ้าง การพลั้งพลาด, การกระทำในอารมณ์ชั่ววูบ อาจก่อให้เกิดผลเสียที่มีราคาแลกกันไม่ได้เลย ณ เวลานั้น มันทำให้เราอยากย้อนเวลากลับไปแก้ไขอะไรใหม่ซักนิดก็ยังดี ซึ่งแน่นอนว่าชีวิตจริงของเรามันทำไม่ได้ เราทำได้แค่คิดก่อนทำเท่านั้น ตั้งจุดเซฟของเราในหัวแล้วคิดต่อไปว่าถ้าเราทำอย่างนั้นจริง ๆ จะเกิดผลอะไรตามมาบ้าง เพราะชีวิตจริงของเราย้อนกลับมาแก้ตัวเหมือนการโหลดเซฟ, โหลด Checkpoint ไม่ได้

แต่เกมบางเกมกลับเลือกที่จะเอาความสะดวกสบายของความเป็นวิดีโอเกมนี้ออกไป เปลี่ยนให้การไปต่อแบบไม่มีทางย้อนกลับเป็นความระทึกและความท้าทายอย่างหนึ่ง เพราะอย่างนี้เราถึงได้เห็นเกมบางจำพวกที่เป็นแนวชนิดที่ว่า ‘ตายจนกว่าจะเก่ง’ หรือ ‘ตายถาวร’ ที่ทุกความผิดพลาดไม่มีทางย้อนกลับ ณ เวลานี้ นี่คือรูปแบบเกมที่ยังไม่มีชื่ออย่างเป็นทางการ แต่ในบทความนี้เราอยากจะกำหนดชื่อชั่วคราวไว้ว่า เกมแนว ‘one-way trip’

หากความผิดพลาดที่คุณก่อในวิดีโอเกมมันไม่ได้หายไปไหน แต่มันส่งผลกระทบกับคุณไปตลอดการเล่น จะมาก-น้อยอยู่ที่ว่าในจังหวะนั้นคุณทำพลาดแค่ไหน มันก็กลายเป็นความท้าทายที่ใกล้เคียงกับการใช้ชีวิตจริงเลยทีเดียว

อย่างในปีนี้ก็เพิ่งจะมี Deathloop ที่อาจจะไม่ใช่เกมแนว Hardcore อย่างที่หลายคนรู้จัก แต่มันก็มีองค์ประกอบของเกมแนว one-way trip เพราะแม้ว่าคุณจะย้อนเวลากลับมาเริ่มได้ใหม่ทุกครั้ง แต่หากคุณพลาดตายหมดทั้ง 3 ชีวิต ไม่ว่าเราจะพลาดให้กับศัตรู หรือแพ้ให้กับผู้เล่นอื่นที่บุกเข้ามาในเกม คุณจะเสียแต้ม Residuum ทั้งหมดที่มีอยู่ในตอนนั้น มันเป็นเหมือนกับแต้ม Souls ในเกม Dark Souls เพราะมันคือเงินของเกมนั้น ไม่ใช่แค่นั้น อาวุธหรือไอเทมที่เราหามาได้ แต่ยังไม่ได้ทำการประจุพลัง Residuum ก็จะทำให้มันหายไปหมด ทำให้คุณต้องบากบั่นหาทางเก็บมันมาใช้อีกครั้ง แต่ในทางกลับกัน หากคุณเล่นเก่ง ชนะได้ทุกอย่างแม่แต่ผู้เล่นคนอื่น อยู่รอดไปได้จนจบวัน คุณก็จะได้รางวัลมหาศาลทั้งไอเทมที่ไม่หายไปไหน และแต้ม Residuum ที่มีให้เราใช้อย่างฟู่ฟ่า 

Ss 4e90b2abfceca33f96fce415580aab5eb96e47fd.1920x1080

จะเห็นได้ว่ามันเป็นความระทึก ความท้าทาย ที่มีความเสี่ยงเป็นเดิมพัน ซึ่งแน่นอนว่านี่ไม่ใช่เกมแรกที่ทำ หนึ่งในเกมที่หลายคนรู้จัก ที่ตอนนี้ก็เป็นเวลาครบรอบ 10 ปีพอดี นั่นคือ Dark Souls มันเป็นเกมที่พาคุณเข้าไปผจญภัยในโลกที่โหดร้าย เต็มไปด้วยศัตรูที่พร้อมจะโจมตีคุณอย่างไม่ยุติธรรม กับดักที่สร้างมาเพื่อหวังให้คนเล่นครั้งแรกต้องตายแน่นอน บอสสุดโหดที่บางทีก็แทบไม่เห็นทางชนะ ยังไม่นับผู้เล่นคนอื่นที่จะบุกมาสังหารเราเพื่อกอบโกยประโยชน์และความสะใจส่วนตัว แม้ว่ามันจะเป็นเกมที่คุณต้องตายเป็นเรื่องปกติ แต่เกมก็ยังใจร้ายทำให้ทุกการตายมีราคาเสมอ คุณจะเสียแต้ม Souls ที่สะสมมาร่วมแสน เสียแต้ม Humanity ที่เราตุนเอาไว้ เสียร่างเนื้อที่เพิ่งจะอุตส่าห์ได้คืนมา ใครที่เข้าไม่ถึงเกมนี้ก็จะมีความรู้สึกว่ามันเป็นเกมของเหล่ามาโซคิสท์ชอบความเจ็บปวดกันหรืออย่างไรถึงยังเล่นกันอยู่ได้ 

หรือเกมที่เน้นการตายถาวรอย่าง State of Decay ทั้ง 2 ภาค สำหรับเกมนี้จะไม่มีการย้อนเวลาหรือกลับไปเกิดที่จุด checkpoint แต่เกมจะดำเนินต่อไปทั้งอย่างนั้น แม้ว่าคุณเพิ่งจะเสียตัวละครที่เป็นเหมือนกับพระเอก, นางเอกของคุณแท้ ๆ State of Decay จะพาให้คุณเข้ามาจำลองการใช้ชีวิตในโลกซอมบี้ ที่คุณต้องสร้างที่อยู่ ดูแลความต้องการพื้นฐาน หาผู้รอดชีวิตมาเข้าร่วมเพื่อขยายระดับของ Community แต่โลกที่คุณอยู่มันไม่ได้อยู่ง่ายเลยซักนิด มันเต็มไปด้วยฝูงซอมบี้ที่พร้อมจะรุมกระชากเราอย่างไม่รีรอ มีซอมบี้ระดับบอสที่คล้ายกับหลุดมาจากเกมอย่าง Left 4 Dead และคุณไม่ได้มีกระสุนเป็นตับเอาไว้ซัลโวพวกมัน มีเพียงอาวุธประชิด, อาวุธปืนที่มีกระสุนไม่มาก และไหวพริบในการเอาตัวรอด ซึ่งความผิดพลาดบางอย่างอาจจะทำให้คุณนึกไม่ถึงว่านั่นคือจุดจบของตัวละครเรา คุณอาจจะวิ่งเข้าไปหลบในบ้านหลังนึง ที่อาจจะไม่มีทางออก คุณอาจจะพยายามช่วยตัวละครหนึ่งจนพาให้ตัวเราตายไปด้วย หรือการที่คุณพยายามขนของกลับไปให้ถึงบ้านมากที่สุด คุณก็อาจจะเจออะไรบางอย่างโผล่เข้ามาทำทุกอย่างพังลงในพริบตา และอย่างที่รู้กัน การตายในเกมนี้ไม่มีทางย้อนกลับ ไม่ว่าตัวละครนั้นจะมีความสามารถดีแค่ไหน ถ้าเราเสียเขาไปคุณก็จะเสียเขาไปตลอดกาล ทำได้แค่เลือกตัวละครอื่นแล้วเดินหน้าต่อไป     

Ss B1e15dc9d723ced88108654ceefb0fbb6a684081.1920x1080

เกมเหล่านี้จะเป็นเกมที่มีความเข้มข้นยิ่งกว่าเกมทั่ว ๆ ไป มันไม่เหมือนกับการถูกยิงตายในโหมดเนื้อเรื่องของ Call of Duty ที่คุณจะเห็นข้อความทิ้งท้ายนิด ๆ แล้วเทเลพอร์ทย้อนกลับมาที่ช่วงเวลาก่อนหน้านั้นซักครู่ เหมือนกับว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้น แต่ไม่ใช่กับเกมเหล่านี้ ทุกความผิดพลาดจะถูกตีตราเอาไว้ย้ำเตือนให้เรารู้ว่าเราเคยแพ้ขนาดไหน ซึ่งแน่นอนว่ามันไม่ใช่อะไรที่ทุกคนจะชอบ หลายคนต้องการจะหลีกหนีฎเกณฑ์ในชีวิตจริงเพื่อมาซึมซับกับโลกแฟนตาซี แล้วเหตุใดเราจึงต้องมาทรมานตัวเองด้วยวิดีโอเกมที่มีกฎเกณฑ์เดียวกันนี้อีก ? ผู้เล่นหลายท่านอาจจะตั้งคำถามแบบนี้

แต่ที่หลายคนยังคงถูกใจและเล่นเกมแนวนี้อยู่ ก็เพราะมันก่อให้เกิดความ’อิน’อย่างที่เกมธรรมดาให้ไม่ได้ ลองเปรียบเทียบกับเกมอย่าง Uncharted ที่มักจะสร้างบรรยากาศให้เรารู้สึกเหมือนเป็นพระเอกภาพยนตร์แอ็กชั่น ถ้าเราเจอฉากที่ทำให้เราต้องตายซ้ำตายซาก กว่าจะผ่านได้ก็ตายเป็นสิบรอบ ในแง่ของการการสวมบทเป็นพระเอก มันก็ทำให้ Immersion พังไประดับหนึ่งแล้ว เพราะพระเอกในหนังต้องไม่ตายแหลกลาญอย่างนี้ 

ในขณะที่ Dark Souls หรือ Deathloop คุณจะรับบทเป็นตัวละครที่ผ่านความตายมานับครั้งไม่ถ้วน ทำให้มันดูไม่แปลกเลยที่เราจะต้องย้อนกลับไปเริ่มต้นใหม่เพราะบริบทของเกมนั้นก็คือการวงเวียนแห่งความตายอยู่แล้ว หรืออย่าง State of Decay ที่เราต้องเล่นตัวละครอื่นแทนที่ตัวละครที่เสียไป มันก็เป็นความรู้สึกที่ได้เวลาเราดูหนังซอมบี้ หรือซีรีส์อย่าง The Walking Dead ที่ตัวละครที่เหลือต้องหาทางมูฟออนจากความสูยเสียเท่านั้น เพียงแต่ว่าในเกมนี้ นี่คือเรื่องราวของคุณเอง คุณหาตัวละครนั้นมาเอง คุณฝึกตัวละครนั้นเอง คุณเสียเขาไปก็เพราะความผิดพลาดของคุณเอง และคุณก็ต้องมูฟออนต่อไปเท่านั้น ทำให้มันเป็นการจำลองโลกซอมบี้ที่ได้อรรถรสเป็นอย่างมาก

Ss B870f4114030f0b9c64154ca20cf4eecbf5d54fa.1920x1080

และสิ่งสำคัญที่คุณจะได้จากเกมแนวนี้ก็คือความเข้มข้น คุณจะรู้สึกระทึกอย่างนี้ไหม หากใน Dark Souls คุณสามารถเอาแต้ม Souls ไปฝากธนาคารไว้ได้ ไม่ต้องพกไปเสียทุกครั้งที่ตาย คุณจะรู้สึกตื่นเต้นเวลา Julianna บุกเข้ามาหาคุณใน Deathloop หรือเปล่า ถ้าคุณไม่มีอะไรจะเสียจากการตาย ถ้าโลกของ State of Decay ไม่ใช่การผจญภัยแบบ one-way trip คุณเซฟและโหลดใหม่ได้ ทำอะไรพลาดก็ย้อนเวลากลับมาใหม่เหมือนเกมอื่น ๆ มันจะยังเป็นประสบการณ์โลกซอมบี้ที่เข้มข้นอย่างนี้อยู่หรือไม่ แน่นอนว่าไม่ เพราะอย่างนี้มันถึงเป็นแนวเกมที่ทำให้หลายคนยังคงหลงใหล แม้มันจะทำให้เราเจ็บช้ำสุด ๆ ในบางครั้ง

แต่สิ่งที่เราอยากจะฝากเอาไว้ในบทความนี้ คือเราอยากจะให้ท่านผู้อ่านจำบทเรียนที่ได้จากเกม one-way trip ไปใช้ในโลกความจริงด้วย อย่างที่รู้กันว่าเกมแนวนี้ เซฟแล้วโหลดไม่ได้ เช่นเดียวกับชีวิตจริงของเราที่ทำไม่ได้เช่นกัน การเล่นเกมแนวนี้มันทำให้เราต้องระวัง, รอบคอบ คิดล่วงหน้าไว้บ้างเพื่อป้องกันความสูญเสีย ซึ่งนี่คือสิ่งที่เราต้องทำเสมอในชีวิตประจำวัน เพียงแต่เราอาจจะเผลอลืมตัวไปบ้างในบางจังหวะ ด้วยความที่ชีวิตหลายคนก็ผ่านไปแต่ละวันจนเป็นเรื่องปกติ เราอาจจะลืมไปว่าหลายอย่างมันไม่มีทางย้อนกลับ กว่าจะรู้สึกตัวเราก็มักจะทำอะไรบางอย่างพลาดไปเสียแล้ว ในเมื่อชีวิตเราคือสิ่งที่เป็น one-way trip โดยธรรมชาติ ก็อย่าลืมใช้สติให้เหมือนกับการเล่นเกมสุดท้าทายเหล่านี้ด้วย เพราะแน่นอนว่าไม่มีใครอยากจะมานั่งเสียใจทีหลัง และได้แต่คิดว่า “รู้งี้ น่าจะ..”

SHARE

Nantahwut Indarachalerm

เน็กซ์ - Chief Video Editor

Back to top