BY KKMTC
5 Oct 22 6:29 pm

Overwatch 2: ดาวน์โหลดที่ไหน? โหมด PvE มาตอนไหน? ทำความเข้าใจโหมดเกมเบื้องต้น?

101 Views

ในที่สุด Overwatch 2 ได้เปิดให้เล่น Early Access ฟรีอย่างเป็นทางการแล้วในทุกแพลตฟอร์มวันนี้ ซึ่งก็มีเกมเมอร์เป็นจำนวนมากได้สวมบทเป็นฮีโร่เข้าไปเล่นกันอย่างสนุกสนาน ถ้าหากคุณอยากร่วมแจมด้วย เรามาแนะนำเกมนี้แบบเบื้องต้น วิธีการดาวน์โหลดเกม มาให้ผู้เล่นใหม่ได้เข้าใจกันว่าทำไมเกมนี้จึงได้รับความนิยมถล่มถลายตั้งแต่ภาคแรก ยันภาคล่าสุด

Overwatch 2 คือเกมอะไร

Overwatch 2 คือเกม FPS เน้นการเล่น Multiplayer Competitive ภาคล่าสุดจากค่าย Blizzard (Warcraft, Starcraft, Diablo) ที่เป็นการพัฒนาต่อยอดจากเกม Overwatch ภาคแรก ซึ่งออกวางจำหน่ายครั้งแรกในปี 2016 กลายเป็นเกมใหม่ที่มีการอัปเกรดให้ดีขึ้นจากภาคเก่า

แม้ Overwatch 2 ดูคล้ายกับเกมภาคแรก แต่สิ่งที่เปลี่ยนแปลงอย่างชัดเจนในภาค 2 คือมีการปรับบาลานซ์ตัวเกมแบบยกใหญ่ ไม่ว่าจะเป็นเปลี่ยนจาก 6vs6 กลายเป็น 5vs5, มีการจำกัดคลาส และอื่น ๆ ที่สามารถอ่านได้ผ่านบทความ “รวมการเปลี่ยนแปลงสำคัญ Overwatch 2 ที่ผู้เล่นเก่าและใหม่ควรรู้

สำหรับคนที่ไม่เคยเล่น Overwatch มาก่อน นี่คือเกม Multiplayer Team-Based ที่ผู้เล่นทุกคนต้องร่วมมือกัน เลือกคลาสอย่างเหมาะสม และใช้ฝีมือการเล่นเกมอย่างเต็มที่ เพื่อคว้าชัยชนะให้กับทีม ด้วยเหตุผลดังกล่าว ทำให้ Overwatch เป็นเกมที่ได้รับความนิยมจากโปรเพลเยอร์หลายคน รวมไปถึงซีนวงการ ESports อีกด้วย

เนื่องจาก Overwatch 2 ได้รับความสนใจอย่างมาก ล่าสุด เกมดังกล่าวได้เกิดปัญหาเซิร์ฟเวอร์ล่มจาก DDoS และบางคนต้องรอคิวเข้าเกมกว่าพันคิว ซึ่งปัญหาดังกล่าวมีรายงานว่าได้รับการแก้ไขแล้ว และอาจจะต้องรอสักพัก เพื่อให้คิวเข้าเกมว่างกว่านี้

เล่นฟรี หรือไม่

Overwatch 2 ()

จากเดิมที่ Overwatch เป็นเกมที่ต้องจ่ายเงินซื้อ ในเกมภาค 2 ได้มีการปรับเปลี่ยนใหม่กลายเป็นเกมเล่นฟรีถาวร แต่อย่างไรก็ตาม ต้องบอกก่อนว่าตอนนี้ ตัวเกมยังเป็นเวอร์ชัน Early Access (เปิดให้เล่นล่วงหน้า) เพราะฉะนั้นคาดหวังได้เลยว่าเกม Overwatch 2 จะมีการอัปเดต Patch เวอร์ชันใหม่เกือบตลอดเวลา

Overwatch 2 สามารถดาวน์โหลดเล่นได้แล้ววันนี้ โดยเข้าไปที่ลิงก์…

โหมดการเล่นโดยรวม

Overwatch 2

Overwatch 2 มีโหมดเกมทั้งหมด 9 โหมด เช่น Control, Escort, Hybrid และ Push ซึ่งสามารถเล่นได้จากการกด Quick Play (เข้าเกมอย่างรวดเร็ว) และ Competitive (การแข่งขันวัดอันดับ Ranking)

ส่วนโหมด Capture the Frag, Deathmatch, Eliminator และ Team Deathmatch สามารถเล่นได้จากการกด Arcade (เข้าเล่นเกมโหมดเน้นการเล่นสนุกสนาน) โดยโหมดต่าง ๆ มีกฎการเล่นดังนี้

Control : ผู้เล่นทั้งสองฝ่าย ต้องร่วมมือกับสมาชิกทีมตัวเอง เพื่อยึดจุด Point ซึ่งมีจุดเดียวของแผนที่ โดยทีมไหนสามารถยึดจุด Point ได้ครบ 100% ฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ชนะ

Escort : โหมด Attack/Defend ที่ฝ่ายหนึ่งต้องดันรถไปให้ถึงจุดเป้าหมายให้ได้ ส่วนอีกฝ่ายหนึ่งต้องป้องกัน ทำทุกวิถีทางไม่ให้รถของฝ่ายตรงข้ามไปถึง Point ที่หน้าฐาน

Hybrid : โหมดผสมผสานระหว่าง Assault กับ Escort มารวมอยู่ในโหมดเดียว โดยฝ่ายหนึ่งจะต้องทำการยึด Point ให้สำเร็จ เมื่อยึด Point ได้แล้ว ทีมจะต้องทำการดันรถไปให้ถึงอีก Point ส่วนอีกฝ่ายจะต้องทำการป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้ามทำ Objective ให้สำเร็จ โดยฝ่ายชนะจะเป็นทีมที่สามารถทำ Objective ได้ครบ หรือดันรถในช่วง Escort ได้ไกลกว่าฝ่ายตรงข้าม

Push : โหมดเกมใหม่เอี่ยมของ Overwatch 2 ที่ทีมทั้งสองฝ่าย ต้องแย่งกันดันหุ่นยนต์ 1 ตัว เพื่อผลักกำแพงกั้นของฝ่ายเราไปให้ไกลที่สุด โดยฝ่ายชนะจะเป็นทีมที่สามารถดันหุ่นยนต์ได้ไกลกว่า และจบเกมทันที หากดันหุ่นยนต์ไปถึงจุด Point ปลายทาง ซึ่งเป็นทางตันของแผนที่

Overwatch 2

Deathmatch : โหมดเกมคลาสสิกที่ผู้เล่นต้องฆ่ากันเอง โดยคนไหนสามารถทำยอด Kill ไปถึงเป้าหมายที่กำหนดไว้ คนนั้นจะเป็นผู้ชนะ

Team Deathmatch : คล้ายกับ Deathmatch แต่มีการแบ่งทีมระหว่าง 2 ฝ่าย โดยฝ่ายไหนสามารถรวบรวมยอด Kill ได้ถึงเป้าหมาย ฝ่ายนั้นจะเป็นผู้ชนะ

Eliminator : โหมด No Respawn ที่มีการสุ่มวนการเล่นเกมระหว่าง Solo, 3v3 หรือ 6v6 โดยผู้เล่นต้องสังหารฝ่ายตรงข้ามให้หมด เพื่อให้ได้รับการชัยชนะ 1 รอบ ซึ่งฝ่ายไหนสามารถเอาชนะครบ 3 รอบ ฝ่ายนั้นคือผู้ชนะ

Capture the Flag : โหมดที่ทีมของคุณต้องร่วมมือกัน แย่งธงจากฝ่ายตรงข้ามแล้วนำมาวางที่ฐานของตัวเอง พร้อมป้องกันไม่ให้ฝ่ายตรงข้าม เข้ามายึดธงทีมของผู้เล่นเช่นกัน ฝ่ายไหนสามารถยึดธงได้มากกว่าฝ่ายนั้นคือผู้ชนะ

คลาสในเกม

Overwatch 2

ตัวละครคลาสทั้งหมดใน Overwatch 2 มีการแบ่งออกเป็น 3 ประเภท ระหว่าง Damage, Tank และ Support ซึ่งมีคุณลักษณะโดยรวม ดังนี้

Damage : คลาสเน้นสร้างความเสียหายให้กับศัตรู มีหน้าที่บุกทะลวง สร้างความรำคาญ หรือโจมตีจากด้านหลังเพื่อ Kill ข้าศึกอย่างรวดเร็ว คลาสนี้ส่วนใหญ่ มีสกิลเน้นความว่องไว รีโหลดกระสุนอย่างรวดเร็ว แต่ต้องย้ำว่าตัวละครคลาสนี้ไม่ได้มีเลือดเยอะเหมือนคลาส Tank ฉะนั้นหากบุกเข้าไปหาศัตรูแบบดื้อ ๆ ก็มีโอกาสตายเอาง่าย ๆ เช่นกัน

Overwatch 2 (2)

ตัวละครที่เป็นคลาส Damage

  • Ashe
  • Bastion
  • Echo
  • Genji
  • Hanzo
  • Junkrat
  • McCree
  • Mei
  • Phara
  • Reaper
  • Sojourn
  • Soldier: 76
  • Sombra
  • Symmetra
  • Torbjorn
  • Tracer
  • Widowmaker

Support : คลาสเน้นการสนับสนุนเป็นหลัก คลาสนี้จะมีหน้าที่ช่วยฮีลเพื่อนร่วมทีม สนับสนุนในแนวหลัง และบัฟความสามารถต่าง ๆ ให้ทีมของเราได้เปรียบ และตายยากมากขึ้น

Overwatch 2 (5)

ตัวละครที่เป็นคลาส Support 

  • Ana
  • Baptiste
  • Brigitte
  • Kiriko
  • Lucio
  • Mercy
  • Moira
  • Zenyatta

Tank : คลาสสายแบกอย่างแท้จริง ด้วยตัวละครคลาสนี้มีขนาดใหญ่กว่าคลาสอื่น จึงตกเป็นเป้าโจมตีได้ง่าย แต่ต้องขอบคุณปริมาณเลือด HP ที่เยอะ และมีสกิลเน้นการป้องกันเป็นหลัก คลาสนี้จึงเหมาะสำหรับการอยู่แนวหน้า และป้องกันฐาน หรือ Objective ไม่ให้ศัตรูยึดไปง่าย ๆ

Overwatch 2 (6)

ตัวละครที่เป็นคลาส Tank

  • D.Va
  • Doomfist
  • Junker Queen
  • Orisa
  • Reinhardt
  • Roadhog
  • Sigma
  • Winston
  • Wrecking Ball
  • Zarya

โหมด PvE มาตอนไหน

Overwatch 2

Overwatch 2 ไม่ได้มีเฉพาะโหมด PvP ที่เน้นการแข่งขันกับคนอื่นเพียงอย่างเดียว แต่ยังมีโหมด CO-OP PvE ซึ่งยังไม่เปิดให้เล่นตอนนี้

ระบบการเล่น CO-OP PvE ของ Overwatch 2 แบ่งออกเป็น 2 โหมดระหว่าง Story Experience ซึ่งเป็นโหมดเน้นการเล่าเนื้อเรื่อง มีฉากคัดซีนแอนิเมชันสอดแทรกในช่วงต้น-ท้ายเกม และ Hero Missions ภารกิจ CO-OP สำหรับคนชอบความท้าทายเป็นหลัก โดยระหว่างการเล่นทั้ง 2 โหมด เกมเมอร์ต้องเจอกับศัตรูมากมาย และต้องเสริมสกิล Talent ของตัวเองตลอดเวลา ให้มีความแข็งแกร่งพร้อมรับมือกับบอสได้

Story Experience กับ Hero Missions จะเปิดให้เล่นอย่างเป็นทางการในทั่วทุกแพลตฟอร์มภายในปี 2023 ซึ่งผู้เล่นต้องซื้อด้วยเงินจริง เพื่อปลดล็อกทั้ง 2 โหมด ในขณะที่โหมด Multiplayer PvP จะเปิดให้เล่นฟรีตลอดชีพ

ทำความเข้าใจกับระบบ Battle Pass

Overwatch 2 (3)

ผู้เล่นต้องทำความเข้าใจกับระบบ Battle Pass (BP) เบื้องต้น แม้เกม Live Service หลายเกม เช่น Fortnite, Rainbow Six Siege, Genshin Impact ฯลฯ ได้ใช้ระบบดังกล่าวจนหลายคนคุ้นเคยไปแล้ว แต่หากเป็นครั้งแรกที่คุณเล่นเกมที่มีโมเดล Live Service ก็อาจจะงุนงงได้ว่า BP มันทำงานกันอย่างไร

อธิบายอย่างง่าย ๆ ที่สุด BP คือระบบ Progression (ความคืบหน้า) ที่ผู้เล่นต้องทำภารกิจ Challenge รายวัน, ภารกิจรายสัปดาห์ หรือภารกิจรายเดือน ยกตัวอย่างเช่น ล็อกอินเข้าเกมทุกวัน, เล่นเกมจำนวน XX รอบ, เล่นฮีโร่ตัวนี้ตัวนั้นโดยไม่มีการสลับตัว 1 ครั้ง และอื่น ๆ อีกมากมาย เพื่ออัปเลเวล BP ไปเรื่อย แล้วปลดล็อกคอนเทนต์เสริมต่าง ๆ

การเลื่อนเลเวล BP ของ Overwatch 2 ไม่สามารถทำจบสิ้น (เลเวลตัน) ได้ภายในวันเดียว คุณจะต้องขยันเข้าเล่นทุกวัน เพื่อขยับเลเวล BP แบบทีละเล็กทีน้อย ซึ่งไม่จำเป็นว่าต้องทำภารกิจให้ครบสมบูรณ์ 100% เป๊ะ ๆ ขอแค่ทำภารกิจ Battle Pass ให้เสร็จสิ้นมากสุดเท่าที่ทำได้ ก็สามารถปลดล็อกไอเทมได้หมดแล้ว

Overwatch 2 (7)

ของรางวัลที่ได้จากทำ BP ส่วนใหญ่จะเป็นลายสเปรย์, ท่า Emote, สกินตัวละคร, Weapon Charm (สร้อยห้อยอาวุธ), ฮีโร่ใหม่, ฉาก Highlight Intro และไตเติลประดับ ซึ่ง BP ของ Overwatch 2 จะตันที่เลเวล 80

BP เป็นระบบที่เข้าถึงได้ฟรีทุกคน แต่ผู้เล่นสามารถจ่ายเงิน 10 เหรียญฯ เพื่ออัปเกรด BP เป็นระดับ Premium ได้ ซึ่งจะเป็นการปลดล็อกไอเทมได้มากกว่าเดิม เช่น ได้รับสกินระดับ Legendary สีทอง, สามารถเล่นฮีโร่ใหม่ได้ทันที, ไอเทมอื่น ๆ อีกมากมายที่ไม่ได้จาก BP ปกติ

สุดท้ายต้องย้ำว่า BP ของ Overwatch 2 มีการเปลี่ยนแปลงซีซันใน 2 เดือน ฉะนั้นถ้าหากต้องการปลดล็อกของให้ครบ ก็แนะนำว่าควรเล่นทันที เพราะหากพลาดการเก็บไอเทมจาก BP กว่าจะกลับมาอีกครั้ง ก็อาจจะต้องรอนานอีกสักพักใหญ่เลยทีเดียว

นอกจากนี้ การซื้อ BP ระดับ Premium ไม่ใช่การสมัคร Subscription รายเดือน หรือหมายความว่าหากมีการอัปเดตเข้าสู่ BP ใหม่แล้ว คุณต้องซื้อ BP ระดับ Premium อีกครั้ง เพื่อปลดล็อกไอเทมระดับแรร์

SHARE

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top