ภาคต่อเกมยิงแห่งปีที่แฟนเกมบน PC เฝ้าคอยออกวางจำหน่ายแบบเป็นทางการกันแล้ว ตัวเกมภาคนี้มาพร้อมกับเทคโนโลยีแสดงผลสุดล้ำอย่าง RTX ลองไปดูกันว่าเครื่องระดับไหน ปรับภาพยังไงให้เหมาะสม
Battlefield V ถือว่าถูกปรับแต่งมาอย่างดี โดยสามารถเล่นได้อย่างลื่นไหลบนเครื่องทุกระดับ จากการทดสอบของเราการเล่นตัวเกมแบบปกติไม่เปิดใช้งาน RTX การ์ดจอระดับทั่วไปอย่าง GTX 1050 และ GTX 1060 ก็สามารถเล่นเกมนี้ได้ลื่นไหล (เรียกได้ว่าสวยงามลื่นไหลกว่าที่เราคาดการณ์ไว้ด้วยซ้ำ) ไปลองดูกันดีกว่าว่า Battlefield V มีตัวเลือกอะไรให้เราปรับแต่งและเครื่องระดับไหนควรปรับแต่งกราฟฟิกยังไงบ้าง
**บทความนี้ตั้งเป้าไปที่การเล่นให้ลื่นในระดับ 60 FPS**
ตัวเลือกด้านกราฟฟิกของเกม
- Fullscreen Resolution: ความละเอียดหลักของภาพในเกม
- DX12 Enabled: ตัวเลือกสำหรับเปิดใช้งาน DX12
- High Dynamic Range: HDR สำหรับจอที่รองรับเพื่อการแสดงผลสีที่สมจริง
- Resolution Scale: สเกลความละเอียดภาพปรับเพิ่มหรือลดเพื่อทำให้ตัวเกม Render รายละเอียดที่น้อยหรือมากกว่าตัว Fullscreen resolution จริงที่เราตั้งไว้
- Framerate Limiter: เลือกค่า FPS สูงสุดที่คุณต้องการให้เกมแสดงผล
- UI Upscaling: ปรับลดขนาดหน้าจอ HUD ในเกมตามความต้องการ
- GPU Memory Restriction: โดยปกติแล้วตัวเกม Battlefield V จะทำการลดรายละเอียดภาพของคุณลงเองโดยอัตโนมัติหากตัวเกมตรวจพบว่า VRAM การ์ดจอของคุณไม่พอ ซึ่งคุณสามารถเลือกปิดการทำงานดังกล่าวได้ที่นี่
- Graphic Quality: คุณภาพกราฟฟิกหลักของเกม มีให้เลือกตั้งแต่ระดับ “Low”, “Medium”, “High”, “Ultra”, และ “Custom” ซึ่งเป็นการตั้งค่ารายละเอียดย่อยอื่น ๆ ด้วยตัวเอง
ก่อนไปดูผลการทดสอบในเครื่องทั้ง 3 ตัวของเรา ผมขอพูดถึงผลการทดสอบของตัว DirectX 11 และ 12 กันก่อน ณ ตอนนี้ จากการทดสอบโดยใช้การ์ดจอทั้งหมดที่เรามี เราค้นพบว่าการใช้งาน DirectX 11 ทำให้เกมของคุณลื่นไหลกว่า DirectX 12 อยู่ถึงประมาณ 10% ดังนั้นผลการทดสอบผมจะขออ้างอิงตัว DirectX 11 เป็นหลัก (และเป็นตัวเลือกที่ผมแนะนำให้คุณเลือกใช้ไปก่อนจนกว่า DICE จะแก้ไขปัญหานี้)
ยกเว้นแค่ในระดับการ์ดจอ RTX ของ Nvidia ที่คุณน่าจะอยากเปิดใช้งานตัวเลือกกราฟฟิก RTX On ซึ่งจำเป็นต้องใช้ DirectX 12 ในการทำงาน
ผลการทดสอบทั้งหมดเราใช้ตัวเกมในโหมด Multiplayer ที่ผู้เล่น 64 คนเป็นค่ามาตรฐานครับ
High Setting – 60 FPS
สเปคเครื่องที่ใช้
- CPU: i5-8400 2.80 GHz
- Graphic Card: Nvidia GTX 1050 Ti 4GB
- Memory: 16 GB
Graphic Setting
- Fullscreen Resolution: 1600 x 1024p
- DX12 Enabled: Off
- High Dynamic Range: Auto
- Framerate Limiter: Off
- Graphic Quality: High
เริ่มกันที่ภาพระดับ Ultra ที่ความละเอียด 1080p ตัวเกมทำ FPS เฉลี่ยได้ที่ช่วง 45 ถึง 50 FPS ซึ่งก็ถือว่าเล่นได้ลื่นไหลสนุกสนานเมื่อเทียบกับ Spec ของเครื่องที่ใช้ ที่น่าสนใจคือตัวเกมสามารถเล่นได้ที่ FPS ระดับ 70 ที่ความละเอียด 720p
สำหรับความละเอียดภาพแบบ Full HD ที่ 1080p ใน Setting ระดับอื่นทั้ง High Medium และ Low ตัวเกมก็ยังไม่สามารถทำ FPS ไปถึงระดับ 60 FPS ได้แบบลื่นไหลต่อเนื่องทั้งเกมครับ จากการสังเกตุเราพบว่าการลดระดับภาพกราฟฟิกในส่วนของ Graphic Quality ลงมานั้นไม่ค่อยส่งผลกับ FPS โดยรวมสักเท่าไหร่ ในทางตรงกันข้ามการลดระดับความละเอียดหรือ Fullscreen Resolution นั้นค่อนข้างจะส่งผลต่อ FPS อย่างชัดเจนมากกว่า
ที่สเปกเครื่องระดับนี้เรามีทางเลือกแนะนำคือเล่นที่ภาพระดับ Ultra ใน FPS แบบ 40+ หรือยอมลดความละเอียดภาพลงมาเรื่อย ๆ จนกว่าจะถึงจุดที่คุณพอใจทั้ง FPS และความคมชัดของภาพ
อีกทางเลือกคือที่ความละเอียดภาพ 1600 x 1024p ที่ Setting ระดับ High นี่ถือเป็นอีกจุดที่สเปกระดับนี้สามารถทำ FPS ได้ถึง 60 แบบลื่น ๆ ทุกสถานการณ์
เป็นการบ่งบอกอย่างชัดเจนว่าทีมงาน DICE ปรับแต่งตัวเกมมาได้ดีขนาดไหน เพราะต่อให้เครื่องไม่ได้แรงมากก็สามารถเล่น Battlefield V ได้พร้อมกับภาพที่สวยงาม
Ultra Setting – 60FPS
สเปคเครื่องที่ใช้
- CPU: i5-6600K 3.50 GHz
- Graphic Card: Nvidia GTX 1060 6GB
- Memory: 16 GB
Graphic Setting
- Fullscreen Resolution: 1920 x 1080p
- DX12 Enabled: Off
- High Dynamic Range: Auto
- Framerate Limiter: Off
- Graphic Quality: High
ที่เครื่องระดับนี้ตัวเกมสามารถแสดงผลที่ระดับ Ultra และสามารถทำ FPS ได้ถึงระดับ 60 FPS โดยสามารถลดลงไปแตะระดับ 50 FPS ในบางจังหวะและขึ้นไปถึงระดับ 65 FPS ได้ในบางฉากเช่นกัน โดยรวมแล้วการ์ดจอ GTX 1060 สามารถเล่นเกมนี้ที่ระดับ Ultra ได้แน่นอนหากคุณมี CPU ที่แรงเหนือกว่า i5-6600K ของเรา
ซึ่งในความเป็นจริงแล้วหากคุณไม่จริงจังว่าตัวเกมจะต้องมี FPS อยู่เหนือ 60 ตลอดเวลาที่สเปกเครื่องระดับนี้จริง ๆ แล้วก็สามารถเล่นได้ที่ Setting Ultra แต่หากคุณต้องการให้ตัวเกมลื่นไหลถึงขีดสุดคุณก็ต้องยอมลด Setting บางอย่างของเกมลงมาที่ระดับ High หรือปรับตัว Graphic Quality ให้เป็น High ไว้เลยครับ
Ultra Setting – 60FPS, 4K Ultra HD และ Full HD เปิด RTX On
สเปคเครื่องที่ใช้
- CPU: i7-8700 3.20 GHz
- Graphic Card: Gigabyte RTX 2080
- Memory: 16 GB
Graphic Setting
- Fullscreen resolution: 3840 x 2160p (ไม่เปิด RTX), 1920 x 1080p (เปิด RTX)
- DX12 Enabled: On
- High Dynamic Range: Auto
- Framerate Limiter: Off
- Graphic Quality: Ultra
สำหรับการทดสอบในการ์ดจอและเครื่องสุดเทพประจำ Office เราขอแบ่งเป็นสองส่วนนะครับเริ่มกันที่โหมดกราฟฟิกธรรมดาไม่เปิด RTX เครื่องนี้ของเราสามารถปรับสุดเปิดทุกอย่างไปถึง Ultra แถมความละเอียดภาพยังสามารถดันไปถึงระดับ 4K ได้แบบสบาย ๆ ตัวเกมเรียกว่ารักษา FPS ได้เกิน 60 แทบจะตลอดทั้งเกม ไม่ว่าจะเจอฉากยิงกันสนั่นจอระเบิดตูมตามขนาดไหนก็ตาม มีบ้างในบางจังหวะที่ FPS ตกลงมาต่ำกว่า 60 แต่ถือว่าเป็นช่วงจังหวะที่น้อยมาก ๆ จนสามารถสรุปได้ว่าเครื่อง Spec นี้สามารถปรับสุดเกมนี้บน 4K ได้สบาย
ส่วนคำถามที่หลายน่าจะอยากรู้คือตัวไม้เด็ดอย่างการเปิดใช้งานโหมดแสดงผลกราฟฟิกแบบ RTX ซึ่งเป็นไม้เด็ดของเกมนี้บน PC เครื่องนี้ของเราก็สามารถปรับตัวเลือกกราฟฟิกไปสุดที่ Ultra พร้อมเปิดใช้งาน RTX แต่ว่าเราจำเป็นต้องลดระดับความละเอียดของภาพลงมาที่ 1920 x 1080p โดยตัวเกมสามารถรักษา FPS ไว้ได้อยู่ในช่วง 60 แต่มีการตกลงมาจนถึงหลัก 50 บ้างในบางจังหวะ และบางครั้งก็สามารถขึ้นไปถึงระดับ 70 FPS ได้
แต่ถ้าคุณอยากจะปรับภาพ 4K และเปิด RTX ไปด้วย จำนวน FPS ที่เครื่องนี้ของเราทำได้ก็อยู่ที่ระดับ 30 FPS ครับ
สรุปง่าย ๆ ในเครื่องระดับนี้เรามีสองการตั้งค่าให้เลือกใช้งานคือ 4K ปรับสุดไม่เปิด RTX กับ เปิด RTX แต่เล่นที่ภาพ Full HD ก็เลือกปรับตามความต้องการได้เลยครับ
สรุป
จุดที่ต้องขอพูดถึงอีกจุดคือในส่วนของศักยภาพของเกมในแบบเปิด RTX โดย ณ ตอนนี้ทีมงาน DICE และ Nvidia ระบุให้เราเลือกปรับ DXR Raytraced Reflections Quality เป็นที่ระดับ Low โดยทีมงานระบุว่าที่ตัวเลือกระดับ High และ Ultra การแสดงผลแบบ RTX ยังมีปัญหาบางอย่างอยู่ ซึ่งทีมงานก็ไม่ได้ระบุเอาไว้ว่าปัญหาดังกล่าวคือจุดไหน
จากการเปรียบเทียบของเรา เราพบว่าตัวเลือก DXR Raytraced Reflections Quality ส่งผลต่อการตกกระทบของวัตถุในฉากแบบค่อนข้างชัดเจน ที่ตัวเลือกระดับ Low ปืนที่เราถืออยู่จะสะท้อนแต่แสงแต่ที่ตัวเลือกระดับ Ultra ตัวปืนจะสะท้อนรายละเอียดทุกอย่างรอบตัวเรา
Battlefield V ก็ถือว่าเป็นอีกเกมที่ทีมงาน DICE ปรับแต่งศักยภาพออกมาได้อย่างยอดเยี่ยม บน PC ตัวเกมมี Option ปรับแต่งแบบครบถ้วน ส่วนการแสดงผลแบบ RTX ก็ถือว่าสวยงามสมการรอคอย (และก็กินเครื่องแบบหั่น FPS ไปแบบครึ่ง ๆ กันเลย)
Battlefield V รองรับการเล่นในเครื่องทุกระดับ ต่อให้คุณไม่ได้มีการ์ดจอตัวแพงก็สามารถสนุกไปกับภาพสวย ๆ ของเกมได้นี้ครับ