ออกวางจำหน่ายกันไปแล้วสักระยะสำหรับตัวเกม Hitman 2 เกมมือสังหารภาคล่าสุดของซีรีส์โล้นนักฆ่าหัวบาร์โค้ด ขณะที่ตัวบทความรีวิวเรากำลังรออบอยู่ในเตาวันนี้เรามีบทความทดสอบศักยภาพของตัวเกมบน PC มาฝากกันก่อน
ไปลองดูกันว่า Hitman 2 เล่นได้ลื่นไหลขนาดไหนบ้างบน PC และมีตัวเลือก Option ด้านภาพอะไรบ้างให้เราเลือกปรับแต่ง พร้อมเทคทิคในการปรับให้ลื่นไหลและได้ภาพสวยที่สุดในความคิดของเรา
*บทความนี้ตั้งเป้าไปที่การเล่นเกม Hitman 2 ให้ลื่นในระดับ 60 FPS
ตัวเลือกด้านกราฟฟิกของเกม
- Fullscreen resolution: ความละเอียดหลัก ถือว่ากระทบต่อศักยภาพของเกมแบบชัดเจนและเห็นผลด้านภาพแบบชัดมาก ๆ โดยส่วนใหญ่ทุกคนคงปรับตามความละเอียดของจอกันอยู่แล้ว
- Display mode: Windowed; Fullscreen; Exclusive fullscreen
- Supersampling: เทคนิคการแสดงผลภาพในการ Render ภาพในรายละเอียดสูงและย่อภาพลงมาแสดงผลเพื่อให้ได้ภาพที่คมชัดมากขึ้นกว่าเดิม กินเครื่องหนักมากและไม่ได้เห็นผลภาพชัดเจนมากมาย
- Level of detail: รายละเอียดวัตถุในฉากในระยะไกล เป็นอีกตัวเลือกที่ไม่ค่อยเห็นผลแบบชัดเจนและหากเครื่องคุณไม่ได้แรงมากเราก็ขอแนะนำให้ปรับตัวเลือกนี้ลงมา
- Texture quality: คุณภาพของพื้นผิวเห็นผลต่อภาพในเกมแบบชัดเจนและไม่ได้กินเครื่องมาก เราแนะนำให้ปรับให้สูงไว้ครับ
- Texture filter: หรือ Anisotropic Filtering เป็นการเพิ่มความชัดของพื้นผิวภาพเวลามองภาพจากมุมอื่น ๆ มองเห็นได้ชัดในพวกรายละเอียดของพื้นฉากเช่นถนนหรือพื้นห้อง เป็นอีกตัวเลือกที่ส่งผลต่อความสวยของเกมแบบชัดเจนและกินเครื่องไม่มากเกินไป
- SSAO: รายละเอียดของเงาจากวัตถุในฉากเวลาวัตถุในฉากมาบรรจบกัน ช่วยเพิ่มความสมจริงในฉากแบบชัดเจนและกินเครื่องพอสมควร
- Shadow quality: คุณภาพความชัดเจนของเงา ช่วยเพิ่มความสวยในเกมแบบชัดเจนและกินเครื่องหนักเอาการ หากคุณลองปรับแต่งตัวเลือกด้านบนทั้งหมดแล้วยังไม่ได้ FPS ที่พอใจผมแนะนำให้ลองลดเงาลงมาครับตัวเลือกนี้ช่วยรีด FPS ขึ้นมาได้อีกหลายเฟรม
**ตัวเกมไม่รองรับ DirectX12**
สำหรับการทดสอบของเรานั้นเราทดสอบโดยใช้เครื่องใน Office แบ่งออกเป็น 3 เครื่อง
Low Setting – 60 FPS
สเปคเครื่องที่ใช้
- CPU: i5-8400 2.80 GHz
- Graphic Card: Nvidia GTX 1050 Ti 4GB
- Memory: 16 GB
Graphic Setting
- Fullscreen resolution: 1920 x 1080p
- Supersampling: 1
- Level of detail: Low
- Texture quality: Low
- Texture filter: Anisotropic 16x
- SSAO: Off
- Shadow quality: Low
เอาตามความเป็นจริงแล้วแม้แต่ในเครื่องระดับนี้ตัวเกมก็สามารถวิ่งได้ที่ Setting ระดับ Ultra โดยทำ FPS เฉลี่ยได้อยู่ที่ช่วง 30-40 ซึ่งหากคุณเน้นเรื่องภาพสวยไม่สนใจ FPS ก็สามารถเลือกปรับแต่งภาพให้สุดได้ตามต้องการ
เมื่อลดภาพลงมาที่ระดับ High ตัวเกมทำ FPS ได้อยู่ที่ช่วงระดับ 50 และมีเพิ่มลดไปที่ 60 และ 40 ตามสภาพแวดล้อมหลักของเกม
การรักษา FPS ให้อยู่ที่ 60 ตลอดทั้งเกมด้วยเครื่องนี้ค่อนข้างจะเป็นงานยาก แต่ที่ Setting ระดับ Low ตัวเกมก็ค่อนข้างจะรักษา FPS ไว้ได้ที่ระดับ 50 ปลาย ๆ เราขอแนะนำให้คุณลองปรับแต่งภาพตามความชื่นชอบเฉพาะตัวแต่ถ้าให้แนะนำผมว่าที่ระยะ Medium และ High ก็สามารถเล่นได้บนเครื่องระดับนี้
Medium Setting – 60FPS
สเปคเครื่องที่ใช้
- CPU: i5-6600K 3.50 GHz
- Graphic Card: Nvidia GTX 1060 6GB
- Memory: 16 GB
Graphic Setting
- Fullscreen resolution: 1920 x 1080p
- Supersampling: 1
- Level of detail: High
- Texture quality: High
- Texture filter: Anisotropic 16x
- SSAO: Off
- Shadow quality: High
เครื่องนี้เมื่อปรับสุดที่ Ultra Setting ตัวเกมทำ FPS เฉลี่ยอยู่ที่ช่วงระยะ 50 FPS โดยปัจจัยหลักขึ้นอยู่กับฉาก ฉากที่มีตัวละคร NPC จำนวนมาก FPS ที่ได้อยู่ที่ 40 FPS และก็สามารถขึ้นไปสูงถึงระดับ 70 FPS ได้ในฉากภายในอาคารที่มีรายละเอียดไม่มากนัก
เมื่อลองลดระดับภาพลงมาอยู่ที่ระดับ High ตัวเกมทำ FPS เฉลี่ยเพิ่มขึ้นมาได้ราว 4 ถึง 5 FPS อยู่ที่ 55 FPS จนถึง 60 FPS ในบางครั้ง โดยรวมแล้วเครื่องระดับนี้สามารถปรับให้ภาพอยู่ที่ระดับ High ปนกับ Ultra ได้หากคุณไม่ซีเรียสและยอมให้ FPS ลงไปแตะระดับ 50 FPS
และเมื่อปรับภาพระดับ All Medium ตัวเกมสามารถรักษา FPS ไว้เกิน 60 FPS ได้เกือบตลอดทั้งเกม ยกเว้นในฉากที่มีแสงเงาและตัวละครจำนวนมาก
Ultra Setting – 60FPS, 4K Ultra HD
สเปคเครื่องที่ใช้
- CPU: i7-8700 3.20 GHz
- Graphic Card: Gigabyte RTX 2080
- Memory: 16 GB
Graphic Setting
- Fullscreen resolution: 3840 x 2160p
- Supersampling: 1
- Level of detail: Ultra
- Texture quality: High
- Texture filter: Anisotropic 16x
- SSAO: On
- Shadow quality: Ultra
เครื่องเทพประจำ Office แรงแบบสุดจัดปลัดบอก สำหรับสเปคนี้ไม่ต้องพูดถึงภาพระดับ 1080p เราข้ามไปคุยกันที่ระดับ 4K กันเลย
ที่ความละเอียดภาพระดับ 4K และปรับสุด Ultra Setting เครื่องเทพของเราทำ FPS ได้อยู่ที่ระดับ 70 FPS ในฉากทั่วไป และมีลดลงมาแตะที่ 60 ในฉากเมืองที่มี NPC จำนวนมาก
แต่โดยรวมแล้วถ้าคุณมีเครื่องใกล้เคียงกับตัวนี้คุณจะสามารถเล่น Hitman 2 ได้แบบจัดเต็มโดยไม่ต้องกังวลครับ
สรุป
น่าเสียดายที่ทีมงาน IO Interactive ไม่พัฒนาตัวเกม Hitman 2 ให้รองรับ DirectX 12 ซึ่งเราเห็นกันมาในหลายเกมทั้ง Shadow of the Tomb Raider และ Hitman ภาคที่แล้วว่า DX12 ช่วยเพิ่มศักยภาพของตัวเกมได้อย่างชัดเจน ก็หวังว่าตัวเกมน่าจะถูกอัพเดทเพิ่มเติมมาในภายหลัง
ส่วนงานภาพ Hitman 2 มีการปรับปรุงรายละเอียดภาพให้สวยงามขึ้นกว่าเดิม โดยเฉพาะรายละเอียดในส่วนของพื้นผิวที่ดีขึ้นแบบชัดเจน แม้ตัวเกมจะไม่สามารถสวยงามแบบสุดขีดเหมือนเกมอื่นในยุคนี้ แต่ก็ถือว่ากราฟฟิกของ Hitman 2 ก็ไม่ได้ย่ำแย่แต่อย่างใด
โดยรวมแล้วตัวเกมไม่ได้เน้นหนักในเรื่องของ Graphic Card มากนักแต่จะหนักไปที่ CPU มากกว่า
หากคุณมีการ์ดจอกลาง ๆ ระดับ GTX 1060 ขึ้นไปคุณก็สามารถเล่นเกมนี้ที่ระดับ 60 FPS ได้ไม่ยากหรือหากขยับไปที่รุ่น GTX 1070 ซึ่งเป็นสเปคแนะนำคุณก็สามารถเล่นเกมนี้ได้แบบลื่นไหลโดยไม่ต้องกังวล หรือต่อให้ขยับลงไปเป็นรุ่น GTX 970 และ GTX 980 คุณก็ยังสามารถเล่นเกมนี้ได้แบบลื่น ๆ ครับ