ในบรรดาเกมสวมบทบาทหรือ RPG ทั้งหลาย ไม่มีซีรีส์ไหนที่สื่อสารความท้าทายที่วัยรุ่นต้องเผชิญในโลกแห่งความจริงที่ผู้ใหญ่จำนวนมากตลบตะแลงเสแสร้ง สั่งสอนให้เด็กเป็นคนดีแต่ตัวเองกลับทำตรงกันข้าม ได้อย่างแจ่มชัดจัดเจนเท่ากับ Persona ซีรีส์เกมสวมบทบาทดังค้างฟ้าจากแดนอาทิตย์อุทัย
และในบรรดาเกมทั้งหมดในซีรีส์นี้ ผู้เขียนเห็นว่า Persona 5 Strikers โดดเด่นที่สุดในแง่การถ่ายทอดมิตรภาพระหว่างมิตรสหายที่กลายมาเป็นเพื่อนตาย และแรงจูงใจของเหล่า “วายร้าย” ที่สมจริงกว่าทุกภาคที่ผ่านมา
โดยเฉพาะในเมื่อ “วายร้าย” ทุกคนในเกมนี้ไม่มีใครคิดว่าตัวเองเป็นคนชั่ว แต่ปั่นหัวคนด้วยเป้าหมายอันสูงส่ง!
ใครที่เคยเล่น Persona 5 หรือ Persona 5 Royal มาแล้วจะคุ้นเคยกับกราฟิกสดใสสไตล์อานิเมะและท่าโจมตีมัน ๆ ซึ่งดูกี่ทีก็ไม่เบื่อ แต่ภาคนี้ปรับฉากการต่อสู้จากการเลือกคำสั่งเหมือน RPG ทั่วไป มาเป็นแอ๊กชั่นในเวลาจริง (real-time) ฉบับมุโซ (Musou ชื่อเรียกเกมแอ๊กชั่นบุกเดี่ยวฆ่าแหลกแนวญี่ปุ่น) ซึ่งก็ทำให้ท่าโจมตีของกลุ่มฮีโร่ดูเท่กว่าเก่าเข้าไปอีก โดยเฉพาะเวลาที่เราจับมือกับเพื่อนกระโดดปล่อยพลังจากท่าไม้ตายกลุ่มหรือ all-out attack
Persona 5 Strikers ให้เราเล่นเป็นกลุ่ม “โจรเงา” (phantom thieves) เจ้าเก่าจากสองเกมก่อนหน้านี้คือ Persona 5 และ Persona 5 Royal จะเรียกว่าเกมนี้เป็น “ภาคต่อ” ก็ไม่ผิดนัก แม้ว่าระบบต่าง ๆ ในเกมจะย่อส่วนจาก Persona 5 ลงมาพอสมควรเลยทีเดียว เช่น อวตารในการต่อสู้หรือ persona ที่เราสะสมได้รอบนี้จะไม่หลากหลายเท่ากับในเกมก่อน ๆ (แม้จะยังสามารถผสมสองหรือสามตัวเพื่อสร้างอวตารตัวใหม่ได้) เราจะไม่ได้เลือกทำกิจกรรมที่หลากหลายในแต่ละวันอีกแล้ว และเลือกไม่ได้ว่าจะเพิ่มความสัมพันธ์กับเพื่อน ๆ ในทีมแต่ละคนคนไหนบ้าง (เพื่อปลดล็อกความสามารถในการต่อสู้) เพราะคราวนี้เกมจะให้เราปลดล็อกความสามารถเป็นหมู่คณะเมื่อค่าความสนิทสนมเพิ่มถึงระดั บหนึ่ง เช่น เพิ่มพลังโจมตี เพิ่มพลังชีวิต เพิ่มพลังเวท ฯลฯ ให้กับเพื่อนในทีมทุกคน
อย่างไรก็ดี ถึงแม้ระบบเกมทั้งหมดจะถูกย่อส่วนและย่อยให้ง่ายกว่า Persona 5 มาก เพื่อให้เข้ากับแนวเกมมุโซซึ่งเน้นแอ๊กชั่นในเวลาจริง การจะเล่น Persona 5 Strikers ให้จบก็ยังต้อง ใช้เวลากว่า 40 ชั่วโมง เลยทีเดียว แม้จะเทียบไม่ได้กับ 100+ ชั่วโมงของสองภาคก่อนหน้า
เรื่องราวใน Persona 5 Strikers ยังคงน่าติดตามเช่นเคย เราเล่นเป็น โจ๊กเกอร์ หัวหน้ากลุ่มโจรเงา คราวนี้โคจรกลับมาพบกับเพื่อนร่วมทีมอีกครั้งช่วงปิดเทอมฤดูร้อน แต่ระหว่างที่กำลังวางแผนกิจกรรมว่าจะทำอะไรกันดี ก็มีข่าวว่าเกิด “โรคระบาด” แปลกประหลาดขึ้นอีกครั้งทั่วประเทศญี่ปุ่น เมื่อคนจำนวนมากถูกสะกดจิตให้ตกเป็นทาส ทำตามความประสงค์ของคนที่มีชื่อเสียง ไม่ว่าจะเป็นดารา นายกเทศมนตรี หรือนักธุรกิจชื่อดัง
“โรคระบาด” ได้รับการขนานนามว่า change of heart epidemic หรือโรคเปลี่ยนใจ รอบนี้มาจากแอพมือถือปริศนาชื่อ EMMA ที่ทำให้ควบคุมพฤติกรรมของคนได้ ส่งผลให้กลุ่มโจรเงาถูกตั้งข้อสังเกตและใส่ความจากตำรวจทันทีว่าน่าจะอยู่เบื้องหลัง เกิดแรงกดดันครั้งใหม่ให้ทีมของเราต้องออกโรง เดินทางไปทั่วประเทศเพื่อสืบหาคนร้ายตัวจริงให้เจอ เพื่อยืนยันความบริสุทธิ์และปลดปล่อยทุกคนออกจากการครอบงำในโลก metaverse หรือโลกแห่งจิตใจที่เราจะเปิดเปลือยตัวตน ความปรารถนาและสันดานดิบที่แท้จริงออกมา
เนื้อเรื่องใน Persona 5 Strikers สนุกสนานและคิดว่าสนุกกว่า Persona 5 เสียอีก ด้วยความที่รอบนี้ทุกคนในทีม “โจรเงา” สนิทสนมกลมเกลียว ไว้เนื้อเชื่อใจกันเป็นอย่างดีแล้ว (ขณะที่เราจะหมดเวลาส่วนใหญ่ใน Persona 5 ไปกับการต่อสู้กับตัวละครที่จะกลายมาเป็นเพื่อน กว่าที่ทุกคนจะสนิทกันก็เกมจบพอดี) ทำให้ทีมออกแบบสามารถเขียนบทสนทนา บทแซวเล่นหยอกล้อระหว่างกันได้อย่างเป็นธรรมชาติ เหมือนเราได้แอบฟังวัยรุ่นคุยกันเพลิน ๆ ไปตลอดทาง
เนื้อเรื่องหลักใน Persona 5 Strikers ดำเนินอย่างเป็นเส้นตรงและได้ลุ้นอยู่ตลอด เราจะแวะเมืองต่าง ๆ ในญี่ปุ่นระหว่างการสืบปริศนา แต่ละเมืองมี “วายร้าย” หนึ่งคนที่กำลังสะกดจิตคนให้ทำในสิ่งที่ตัวเองต้องการ แต่ละเมืองไม่ได้มีสถานที่ให้เราเยี่ยมเยือนมากนัก หลัก ๆ มีแต่ “คุก” (ดันเจี้ยนในเกม) ในโลก metaverse ที่ต้องเข้าไปเผชิญหน้าวายร้ายและปลดปล่อยประชาชนจากการถูกสะกดจิต แต่ก็ยังได้บรรยากาศของการเที่ยวญี่ปุ่น ได้ไปเยือนเมืองชื่อดังทั้งหลายอย่าง เซนได เกียวโต ซับโปโร โอกินาวะ และโอซาก้า เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยของสถานที่สำคัญ ๆ รวมถึง “อาหารจานเด่นประจำเมือง” แต่ละเมือง กลายเป็นไฮไลท์หนึ่งของ Persona 5 Strikers ที่เราจะตั้งหน้ารอคอยทุกครั้งที่ทีมออกเดินทาง เกมนี้ให้เราสะสมสูตรทำอาหารจานเด่นประจำเมืองมาปรุงให้เพื่อนๆ ทานในรถพ่วงได้ด้วย
การขับรถพ่วงท่องไปทั่วประเทศ และบทสนทนาที่เป็นธรรมชาติทำให้ Persona 5 Strikers ให้ความรู้สึกเหมือนได้เดินทางท่องเที่ยวกับเพื่อนวัยรุ่นได้ดีจริง ๆ ใครที่คิดถึงตัวละครจาก Persona 5 เกมนี้ทำให้หายคิดถึงได้ชะงัด
ระบบการต่อสู้แนวมุโซ Persona 5 Strikers ดูเผิน ๆ เหมือนจะไม่มีอะไรมากไปกว่าการกดปุ่มโจมตีรัว ๆ บนคอนโทรลเลอร์ แต่ในความเป็นจริงก็ไม่ง่ายขนาดนั้น เพราะเราจะถูกรุมล้อมตลอดเวลาด้วยศัตรูหลายขนาด ต้องคอยสังเกตและเลือกเวทชนิดที่มันแพ้ทาง มันจะได้มึนงงชั่วขณะ เปิดช่องให้โจมตีซ้ำอีกรอบ นอกจากนี้เรายังสามารถใช้อุปกรณ์หรือข้าวของต่าง ๆ ในฉาก เช่น เสาไฟฟ้า ประกอบการโจมตีศัตรู อีกทั้งเพื่อนร่วมทีมทุกคนยังมีท่าโจมตีและคอมโบไม่เหมือนกัน คอมโบหลายท่า (เรียกว่า Master Arts ในเกม) ไม่มีให้ใช้ตั้งแต่ต้น เราจะ “ปลดล็อก” ได้ก็ต่อเมื่อเล่นตัวละครนั้น ๆ ไปมากพอก่อน ทั้งหมดนี้เพิ่มแรงจูงใจให้สลับตัวละครและทำให้แอ๊กชั่นไม่น่าเบื่อเหมือนกับเกมมุโซบางเกม
การกะจังหวะสลับตัวละครไปมานั้นนอกจากจะทำให้ปลดล็อกคอมโบแล้ว ยังเป็นการเต้นฟุตเวิร์คหลบหลีกศัตรูและเพิ่มโอกาสที่จะได้ทำท่าไม้ตายของทีมหรือ all-out attack โดยรวมนับว่า Persona 5 Strikers ปรับระบบการต่อสู้แบบ turn-based ของเกมก่อน ๆ มาเป็น real-time ได้ค่อนข้างดี ข้อเสียเล็ก ๆ ก็คือ บ่อยครั้งการต่อสู้จะชุลมุนวุ่นวายมากเพราะมีศัตรูหลายสิบตัว ทำให้แยกไม่ค่อยออกว่าเพื่อนร่วมทีมและศัตรูแต่ละตัวกำลังทำอะไร มองไม่เห็นไอคอนเหนือหัวตัวละคร
สิ่งที่โดดเด่นไม่แพ้ความสนุกของการเที่ยว(กิน)ทั่วญี่ปุ่นและการหยอกล้อกันในทีมก็คือ ปูมหลังและเรื่องราวของ “วายร้าย” หรือบอสที่เราจะต่อกรด้วย ตอนแรกเราจะคิดว่าวายร้าย เจ้าของ “คุก” ในโลก metaverse ที่สะกดจิตคนในโลกจริงนั้นแต่ละคนเป็นคนชั่ว เพียงเพื่อจะพบเมื่อพิชิตได้สำเร็จว่า เขาหรือเธอเพียงแต่ “หลงผิด” ไปเท่านั้น ถูกจูงใจโดยจอมบงการตัวจริงที่อยู่เบื้องหลังเหตุการณ์ทั้งหมดให้เลือกเส้นทางผิด ๆ ในการบรรลุเป้าหมายที่ถูกต้อง หรือเพื่อรับมือกับอดีตอันโหดร้ายที่ฝากแผลไว้ในใจ
เล่น ๆ ไปจะพบว่า ดาราที่ใช้พลังของแอพ EMMA สะกดจิตให้ผู้ชายหลงใหลหัวปักหัวปำในตัวเธอนั้น ตัวจริงคือสาวน้อยที่ขาดความมั่นใจในตัวเอง เธอป่วยเป็นโรคซึมเศร้าหลังจากที่โดนเพื่อนร่วมชั้นบุลลี่ ข่มขู่กลั่นแกล้งสารพัด ความอยากเป็นที่ยอมรับผสมกับแรงแค้นผลักให้เธอใช้ EMMA บงการคนเพื่อสร้างความเชื่อมั่นปลอม ๆ ว่า เธอนั้นเป็นที่รักที่ปรารถนาของคนมากมาย ส่วนนายกเทศมนตรีหญิงก็เปี่ยมล้นด้วยปรารถนาดีต่อประชาชน มุ่งมั่นทำงานเพื่อประโยชน์สาธารณะ แต่เมื่อเจอเรื่องอื้อฉาวโดยบังเอิญที่ทำให้เธอตกเป็นเหยื่อของศัตรูทางการเมือง เธอจึงตัดสินใจใช้ EMMA เพื่อรักษาชื่อเสียงเอาไว้ด้วยการสะกดจิตชาวเมืองให้ชื่นชมเชิดชูเธอต่อไป ยิ่งถลำลึกในอำนาจยิ่งหลงผิด บงการเจ้าหน้าที่รัฐเป็นวัวเป็นควายเพื่อรักษาความสะอาดของเมืองชนิดที่ไม่อยากเห็นแม้ฝุ่นผง
ส่วนวายร้ายตัวฉกาจที่เราจะเจอในฉากหลัง ๆ นั้นเล่า ตัวจริงเขาก็เป็นเพียงผู้ชายที่เคยถูกพ่อทุบตีข่มเหงในวัยเยาว์ ส่งผลให้สำนึกเรื่องความยุติธรรมบิดเบี้ยว เชื่อว่า “แมวสีอะไรก็ตาม ขอเพียงจับหนูได้” เขาปรารถนาอยากเห็นโลกที่สงบสุข อยากเห็นความยุติธรรม แต่กลับเลือกเส้นทางที่ลิดรอนเสรีภาพในการคิดของผู้คนและไร้ซึ่งความยุติธรรม
ถึงที่สุดแล้ว ต่อให้เนื้อเรื่องและปูมหลังของ “วายร้าย” ทุกคนที่เราเจอในเกมจะพอเดาได้ล่วงหน้า Persona 5 Strikers ก็ยังคงสื่อ “สาร” ที่น่าประทับใจและชวนให้คิดอยู่ดี ถึงอันตรายของการยึดมั่นถือมั่นว่าตัวเองเป็นคนดี ยั่วล้อให้เราทบทวนความหมายของ “ความดี” และ “ความชั่ว” เหมือนกับที่ซีรีส์นี้ทำมาตลอดทุกเกมในซีรีส์
ชื่อของกลุ่มฮีโร่ คือ “โจรเงา” หรือ phantom thieves นั้น ในตัวมันเองก็เป็นการยั่วให้คิดอยู่แล้ว เพราะคำว่า “โจร” นั้น ปกติสื่อนัยถึง “ความชั่ว” แต่สิ่งที่เราขโมยในเกมนี้คือหัวใจของคนที่เราอยากเปลี่ยนใจให้กลับมาเป็นคนปกติ – “ปกติ” ไม่ใช่ในความหมายที่ว่าเป็นคนดี 100% เพราะคนแบบนั้นไม่มีอยู่จริง แต่ “ปกติ” ในความหมายที่ว่า ยอมรับจุดอ่อน ปมด้อยและอดีตอันด่างพร้อยทั้งหลายในชีวิต พร้อมเผชิญหน้ากับมันและเดินต่ออย่างกล้าหาญด้วยความเชื่อมั่นในตัวเอง
Persona 5 Strikers นอกจากจะถ่ายทอดมิตรภาพของวัยรุ่นอย่างอบอุ่นแล้ว ยังชี้ชวนให้เราคิดว่า เยาวชนจะเคารพแต่ “ผู้ใหญ่” ที่ควรค่าแก่การเคารพ ไม่ใช่เพียงเพราะเขามีอาวุโสมากกว่า
และบ่อยครั้ง สิ่งที่ชั่วร้ายที่สุด อาจเป็นสิ่งที่กระทำลงไปในนามของ “ความดี”