BY KKMTC
10 Sep 18 6:08 pm

Polybius ตำนานเกมตู้สุดลึกลับที่เชื่อว่าเล่นแล้วจะต้อง ‘ตาย’

27 Views

คนไทยบ้านเราอาจจะไม่รู้ชื่อเกมนี้ แต่สำหรับวงการเกมทั่วโลกแล้ว เกมชื่อว่า “Polybius” เป็นเรื่องราวในตำนานร่วมสมัยสำหรับวงการเกมที่เกมเมอร์ต่างได้สร้างทฤษฎีว่าเป็นตู้เกมที่ออกแบบโดยรัฐบาล CIA หรือพวกกลุ่ม Men in Black โดยมีจุดประสงค์เพื่อใช้ทดสอบจิตประสาทของมนุษย์โดยเฉพาะ

นี่คือ “Polybius ตำนานเกมตู้สุดลึกลับที่เชื่อว่าเล่นแล้วจะต้อง ‘ตาย’ “ ที่จะเล่าเรื่องตำนานเกมตู้อาร์เคดที่มีเรื่องราวสุดลึกลับและซ่อนเงื่อนที่ทุกวันนี้ยังคงเป็นเรื่องราวปริศนา ไม่มีตัวตนให้เห็น ไม่มีใครพิสูจน์ได้ และเป็นแรงบันดาลใจให้กับทีมงานเกมอินดี้ต้องการลอกเลียบแบบเกมต้นฉบับให้ได้มากที่สุดเพื่อสานต่อตำนานไม่ให้โดนลืมเลือน

*ก่อนที่จะอ่านบทความนี้ผู้อ่านต้องมั่นใจว่าไม่มีใครตามอยู่ข้างหลังนะครับ

เรื่องเล่าเกมปริศนา Polybius

ณ เมือง Portland รัฐ Oregon ประเทศสหรัฐอเมริกา ในปี 1981 หรือยุคทองของวีดีโอเกมอาร์เคด ในช่วงนั้นเกมเมอร์วัยรุ่นหรือเด็กหลายคนจะนิยมแวะร้านเกมอาร์เคดเป็นเวลาหลังเลิกเรียน โดยเกมยอดนิยมในยุคนั้นก็คือ Pac-Man, Centipede, Defender, Donkey Kong และอีกหลาย ๆ เกม แต่แล้วจู่ ๆ ก็มีเกมอาร์เคดชื่อใหม่ตั้งเดี่ยวที่คัดแยกออกจากเครื่องเกมตู้ตัวอื่นมีนามว่า Polybius ซึ่งเป็นเกมตู้ที่หาเล่นได้ยากมากในช่วงเวลานั้น

โดยลักษณะหน้าจอก็เหมือนกับกราฟิก ROM เหมือนกับเกมอาร์เคดทั่วไป เพียงแต่มีโลโก้ตัวใหญ่สีเขียวแกมน้ำเงิน และผลิตในปี 1981 โดย Sinneslöschen

Polybius

โดยเกมนี้ได้มีเรื่องเล่ามากมายว่า เป็นเกมที่เล่นแล้วมีอาการเสพติดด้วยพลังกราฟิกลายเส้นรอบตัวเครื่องที่มีผลลัพธ์ทางจิตวิทยาว่าเป็นการล้างสมองให้ผู้เล่นฝืนเล่นต่อไปจนกว่าจะเอาชนะ High Score ให้ได้ หรือเชื่อกันว่าเกมนี้ได้มีการเก็บข้อมูลจากเกมตู้ Polybius โดยกลุ่มชายชุดดำ (Man in Black) หรือรัฐบาล CIA ที่คาดเดาว่าเป็นข้อมูลเกี่ยวกับการทดสอบตอบสนองประสาททางจิตของมนุษย์จากการเล่นเกม แต่เรื่องเล่าที่โด่งดังมากที่สุด คือ ผู้ที่เล่นเกมนี้จบ ในเวลาต่อมาจะได้รับผลกระทบต่ออาการป่วยทางจิต ตั้งแต่โรคความจำเสื่อม, นอนไม่หลับ, กลัวเวลากลางคืน, ประสาทหลอน อาจจะร้ายแรงถึงขั้นอาเจียนและเสียชีวิตในเวลาต่อมา

แต่แล้ว เกม Polybius ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอย หลังจากได้วางเกมตู้ไว้เพียงแค่หนึ่งเดือนเท่านั้น ไม่มีภาพถ่าย ไม่มี Footage รวมไปถึงไม่มีข้อมูลทีมงานผู้พัฒนาเองอีกด้วย

 

ผู้คนมากมายต่างสืบหาความจริงเกี่ยวกับ Polybius

ถึงแม้ว่าเกม Polybius จะไม่มีตัวตน แต่เรื่องเล่าของเกม Polybius ได้เริ่มกระจายชื่อสู่สายตามวลชนครั้งแรกในปี 2003 ในนิตยสารเกม Gamepro ฉบับเดือนกันยายน ปี 2003 โดยได้เผยแพร่บทความเกี่ยวกับตำนานเกมตู้ Polybius โดยมีหัวข้อชื่อว่า “Secret and Lies” โดยอ้างอิงจากเจ้าของเว็บไซต์ coinop.org คุณ Kurt Koller ที่มาหน้าที่รวบรวมสินค้าเกมอาร์เคดในยุคนั้น ซึ่งหัวข้อนี้เป็นที่น่าสนใจเป็นอย่างในหมู่เกมเมอร์ และเพราะเนื้อหาบทความดังกล่าวในลงท้ายบทว่าเป็นเรื่องราวที่ยังหาบทพิสูจน์ไม่ได้ จึงเป็นแรงผลักดันให้เกมเมอร์สืบหาความจริง พร้อมกระจายข่าว และเต็มไปด้วยข่าวลวงแอบอ้างมากมายไปทั่ววงการเกมในยุคนั้น

GamePro

GamePro ฉบับเดือนกันยายน ปี 2003

เกมเมอร์ต่างได้สืบสวนเกม Polybius ทุกอย่างที่เชื่อมต่อกับเกม ตั้งแต่ชื่อเกมที่อ้างอิงมาจากนักประวัติศาสตร์ชาวกรีกโบราณตามที่ชื่อว่า Polybius ผู้ที่ให้นิยามแก่นักประวัติศาตร์ว่า “ไม่ควรให้สัมภาษณ์กับพยาน ถ้าหากข้อมูลยังไม่ได้รับการยืนยันอย่างเป็นทางการ”

ส่วนชื่อบริษัทผู้ผลิตเกม Sinneslöschen อ้างอิงจากนักประพันธ์ชาวอเมริกัน คุณ Brian Dunning กล่าวว่าเป็นคำที่คนไม่ได้พูดภาษาเยอรมันเป็นภาษาแม่ได้สร้างคำนี้ขึ้นมาเอง โดยคำว่า Sinne แปลว่า Senses กับ löschen แปลว่า to extinguish หรือ to delete ในภาษาอังกฤษ ซึ่งแปลเป็นไทยว่า “เซ้นต์แห่งการลบ” ซึ่งผิดหลักไวยากรณ์ภาษาเยอรมัน

ส่วนความเชื่อว่า Polybius ครอบครองโดยรัฐบาล CIA : อ้างอิงจากเว็บไซต์ Snopes.com ที่รวบรวมหลักฐานและเปิดโปงข่าวลือที่น่าเชื่อถือ ได้กล่าวไว้ว่าในช่วงปี 1980 มีกลุ่ม Men in Black ได้เข้ามาแวะเยี่ยมร้านอาร์เคดและแอบตั้งค่าบันทึกคะแนนสูงสุดในเกม Polybius ไว้ ซึ่งมีสันนิษฐานว่าทางรัฐบาลมีส่วนเกี่ยวข้องโดยเป็นหัวหอกในการทดลองลับอะไรบางอย่างและได้ส่งรหัสลับแก่ผู้เล่น

เอกสารหน่วย E-FOIA ที่ต้องการเครื่อง Polybuis แต่ผลลัพธ์คือเจ้าของไม่ได้คืนกลับมา ซึ่งมีความเป็นไปได้ว่าเป็นเอกสารลวง

ย้อนกลับมาที่คุณ Brian Dunning ได้วิจัยปะติดปะต่อว่า ตำนานของ Polybius อาจเป็นเรื่องราวตำนานที่แต่งขึ้นมาเองโดยนำเหตุการณ์ที่มีอิทธิพลต่อวงการเกมในยุค ’80 เขาได้กล่าวว่าในช่วงนั้นมีเหตุการณ์ที่เกมเมอร์สองคนมีอาการป่วยจากการเล่นวีดีโอเกมอาร์เคดในเมือง Portland โดยมีเกมเมอร์คนหนึ่ง มีอาการปวดหัวไมเกรนหลังจากเล่นเกม Tempest กับผู้เล่นอีกคนหนึ่งมีอาการปวดท้องอย่างรุนแรงหลังจากการเล่นเกม Asteroid เป็นเวลานานถึง 28 ชั่วโมงในตู้เกมเดียว ขณะที่กำลังถ่ายทำวีดีโอเพื่อที่จะทำลายสถิติระดับโลก แล้วช่วงนั้น FBI ได้บุกร้านเกมอาร์เคดหลายแห่งในช่วงเวลา 10 วันภายหลัง โดยให้เหตุผลอ้างว่าเจ้าของร้านเกมอาร์เคดอาจนำเครื่องเกมอาร์เคดไปใช้ในรูปแบบการพนัน และทาง FBI เองก็ได้เล็งจับตาดูมาซักระยะแล้ว

ซึ่งคุณ Dunning ได้สันนิษฐานว่าเรื่องราวทั้งหมด อาจจะนำมาจากเหตุการณ์ที่กล่าวมาผสมรวมกันเป็นเรื่องเดียว แล้วนำพล็อตภาพยนตร์เรื่อง The Last Starfighter ที่ฉายในปี 1984 ที่มีเนื้อเรื่องเด็กชายโดนลักพาตัวโดยเอเลี่ยนเพราะทักษะการเล่นเกมอาร์เคดที่เก่งเกินมนุษย์ มาเป็นอิทธิพลจนเกิดเป็นเรื่องเล่าของ Polybius ในที่สุด

Polybius

แต่อย่างไรก็ตาม Stuart Brown ผู้กำกับสร้างภาพยนตร์ชาวอังกฤษ เชื่อว่าเรื่องเล่าในตำนาน Polybius เป็นเพียงแค่เรื่องหลอกลวงที่เมคขึ้นมาเองโดยคุณ Kurt Koller เจ้าของเว็บไซต์ coinop.org เพื่อที่จะดึงยอดผู้ชมเข้าเว็บไซต์ของตนเอง เพราะไม่มีหลักฐานยืนยันเกี่ยวกับตู้เกมอาร์เคด Polybius จนถึงปี 2000 ที่ทางเว็บไซต์ coinop.org ได้เพิ่มข้อมูลเกมอาร์เคด Polybius ลงในฐานข้อมูลนั้นเอง

ทีมงานอินดี้พยายามสมมุติฐานเกม Polybius

ถึงแม้ว่าเกม Polybius จะไม่มี Footage ให้เห็น ทีมงานผู้พัฒนาอินดี้มากมายพยายามที่จะลอกเลียนแบบเกม Polybius ให้คล้ายคลึงกับต้นฉบับจากเรื่องเล่าให้ได้มากที่สุด ไม่ว่าจะเป็นแพลตฟอร์ม PC, Atari 2600 และ PlayStation ซึ่งบางเกมก็เมคขึ้นมาโดยยืมชื่อ Polybius และบางเกมก็พยายามที่จะเคารพเรื่องเล่าให้ได้มากที่สุด

แต่ที่กล่าวถึงมากที่สุดก็คือ แพลตฟอร์ม PC สำหรับ Freeware และลงกับอาร์เคตโดย Rogue Synapse ในปี 2007 ที่ได้จดลงทะเบียนชื่อโดเมน sisnesloschen.com (ปัจจุบันเว็บไซต์หมดอายุแล้ว) เพื่อดาวน์โหลดเกม Polybius สำหรับ PC โดยตัวเกมได้ออกแบบตามคำอธิบายคุณสมบัติเกม Polybius ที่อ้างอิงจาก Steven Roach ที่แอบอ้างว่าเป็นผู้ต้นกำเนิดเกมต้นฉบับ

แม้ว่าจะผ่านไปถึงปี 2018 ตำนานเกมตู้ Polybius ยังคงเป็นปริศนาที่ไม่มีใครสามารถแก้ไขได้ และเกมเมอร์พยายามสืบสวนเกมดังกล่าว แม้ว่าจะเกมต้นฉบับจะไร้ร่องรอยกับไม่มีตัวตนมานานถึง 37 ปี ซึ่งมันฟังดูอาจจะมีเหมือนเรื่องเฟคสำหรับเกมเมอร์บางคน แต่มันก็ยังคงเป็นเรื่องเล่าที่น่าสนใจและรู้สึกลึกลับที่สุดสำหรับวงการเกมจนถึงทุกวันนี้ 

SHARE

Achina Limanwat

เค - Content Writer

Back to top