ผลงานใหม่ล่าสุดของทีมงาน Ubisoft ที่หลายคนจับตามอง หลังการเปิดตัวตั้งแต่ปี 2017 ตอนนี้ก็เรียกได้ว่าผ่านมาแล้วถึง 6 ปี ในที่สุด Avatar: Frontiers of Pandora ผลงานเกมในจักรวาลภาพยนตร์ยอดฮิตที่ดังระดับโลกของผู้กำกับ James Cameron ก็เตรียมวางจำหน่ายให้ได้สัมผัสกันแล้วปลายปีนี้
แต่ตัวเกมมันจะเป็นยังไง เราเล่นแล้วรู้สึกยังไงบ้าง มีส่วนไหนที่น่าประทับใจ มีอะไรน่าพูดถึง ไปดูกันได้เลยกับ Avatar: Frontiers of Pandora ฉบับ Preview
บอกเล่ากันก่อนว่า ส่วนที่เราได้ลองเล่นนั้นก็คือตัวเกมในส่วนของภารกิจหลักและภารกิจรอง โดยรวมแล้วเราได้ลองเล่นอยู่ราว ๆ 2 ชั่วโมง เป็นเนื้อหาเริ่มต้นในช่วงประมาณ 20% แรกของเกม ก็ถือได้ว่าพอได้สัมผัสเห็นระบบการเล่นโดยรวม แต่ก็ไม่ได้ลงลึกในรายละเอียดเท่าไหร่
เล่าถึงเนื้อเรื่องกันแบบคร่าว ๆ กันก่อน ทีมงาน Ubisoft ชูโรงบอกมาเลยว่า “เนื้อเรื่อง” ภายในเกมนั้นถูกจัดให้เป็นเนื้อหาแบบ Canon หรือพูดง่าย ๆ ก็คือจะเป็นเรื่องราวที่ถูกโยงเข้าเป็นทางการกับจักรวาลหลักในภาพยนตร์
เนื้อหาของเกมจะเล่าถึงตัวเอกที่เป็นชาวนาวีซึ่งถูกลักพาตัวมาตั้งแต่เด็กโดยฝ่าย RDA และนำมาฝึกฝนการต่อสู้ภายใต้ชื่อโครงการ The Abbasador Program โดยมีเป้าหมายเพื่อใช้เป็นกองกำลังเข้าต่อสู้กับชาวนาวีด้วยกัน แต่เกิดเหตุการณ์บางอย่างจนทำให้โครงการถูกสั่งปิดและตัวเอกของเราถูกแช่แข็งเอาไว้จนเวลาผ่านไป 15 ปี ตัวเอกของเราตื่นขึ้นมาบนดาว Pandora ที่ถูกรุกรานและต้องหาทางค้นพบตัวตนของตัวเองในฐานะชาวนาวีและปกป้องดวงดาวบ้านเกิดจากการรุกราน
โดยรวมแล้วตัวเกม Avatar: Frontiers of Pandora ก็จะเป็นเกม FPS ในแบบ Open World หรือถ้าจะพูดให้เห็นภาพชัดแบบสุด ๆ กันไปเลยก็คือนี่คือ Far Cry ของ Ubisoft ในรูปแบบจักรวาล Avatar นั่นเอง
ในตัวเกมเราก็จะได้ทำภารกิจหลัก ภารกิจรอง มีกิจกรรมเสริมสารพัดรูปแบบให้ไล่ทำไล่ตามเก็บ มีการสำรวจฉาก เก็บทรัพยากรนำมา Craft อาวุธ Item หรือปรุงอาหารเพื่อรับโบนัสค่าพลัง ทุกสิ่งทุกอย่างเรียกได้ว่าเป็นสิ่งที่เราคุ้นเคยกันดีกับเกมจาก Ubisoft
แต่จุดเด่นเลยก็คือเรื่องของงานภาพและการสร้างบรรยากาศของดาว Pandora ขึ้นมาในเกม ตัวเกม Avatar: Frontiers of Pandora นั้นใช้ขุมพลังจากเอนจิ้น Snowdrop (ขับเคลื่อนเกมอย่าง Tom Clancy’s The Division 1-2 และเกมใหม่ต่อไปของค่ายอย่าง Star Wars Outlaws) ซึ่งผลที่ตามมาก็คือกราฟฟิกในเกมนั้นมีความสวยงามเหนือล้ำกว่าเกมในแนวเดียวกันของค่ายอย่างตระกูล Far Cry ที่ใช้เอนจิ้น Dunia แบบชัดเจน
พืชพันธุ์บนดาว สภาพแวดล้อม สัตว์ป่าทั้งหลายมีความสวยงามและรายละเอียดเหนือล้ำแบบที่แฟน Avatar น่าจะต้องชื่นชอบ ยิ่งการที่ตัวเกมพาเราไปผจญภัยในเขตดินตะวันตกหรือ Western Frontier ก็ทำให้เราได้เห็นฉากและสภาพแวดล้อมที่น่าสนใจมากมายในตัวเกม เรียกได้ว่างานภาพหรือกราฟฟิกและการนำเสนอนั้นเป็นจุดขายสำคัญของเกมเลย
อีกหนึ่งระบบการเล่นที่เป็นจุดเด่นของเกมก็คือการบินโดยใช้อิครานหรือแบนชีสัตว์บินได้สัญลักษณ์สำคัญของภาพยนตร์ ข่าวดีก็คือการบินในเกมนี้เป็น “อิสระ” โดยสมบูรณ์แบบ นั่นก็คือเมื่อทำภารกิจและได้รับอิครานของเรามาแล้ว เราจะสามารถเรียกอิครานคู่ใจมาใช้งานได้ตลอดเวลาและบินไปสำรวจบนแผนที่ได้ตามใจ การบังคับก็คล่องแคล่ว จะกระโดดลงจากยอดเขาแล้วเรียกอิครานมารับกลางอากาศก็ได้เหมือนกัน นอกจากนั้นตัวเกมยังรอบรับการบินต่อสู้กลางอากาศ เป็นการขี่หลังอิครานใช้ธนูหรืออาวุธยิงสู้กับฝ่าย RDA
ส่วนการต่อสู้บนพื้นดินนั้นก็จะเป็นแบบเรียบง่าย ตัวเอกนาวีของเรามีความสามารถใช้ได้ทั้งอาวุธพื้นเมืองของชาวนาวีเช่นธนูเบา ธนูหนัก หอก หรือไม้ดีดลูกระเบิด หรือจะใช้อาวุธของเหล่ามนุษย์อย่างสารพัดปืนและเครื่องยิงจรวดก็ได้เหมือนกัน การต่อสู้บนพื้นจะมีลูกเล่นนิดหน่อยในเรื่องของกระสุนพิเศษของอาวุธแต่ละอัน และการเคลื่อนที่ของตัวละครนาวีที่มีพลังและความเร็วเหนือกว่ามนุษย์ธรรมดาแบบชัดเจน
ถ้าดูจากในภาพยนตร์ก็จะเห็นได้ว่าชาวนาวีตัวสูงใหญ่กว่ามนุษย์ธรรมดาเกือบเท่าตัว ดังนั้นในเกมสเกลตัวละครของเราก็จะเป็นแบบเดียวกันเลย เราจะวิ่งได้ไว กระโดดได้สูง ตัวใหญ่กว่ามนุษย์ที่เป็นศัตรูแบบชัดเจน
ยังไงก็ตามโดยรวมแล้วการต่อสู้ที่เราได้สัมผัสก็ยังไม่ได้เหนือล้ำ หรือดูมีลูกเล่นอะไรมากนัก ไม่แน่ใจว่าเพราะช่วงเวลาที่ค่อนข้างจำกัดทำให้เราไม่ได้เห็นการต่อสู้กับศัตรูเด่น ๆ หรือในสภาพแวดล้อมที่น่าสนใจหรือเปล่า หรือเราอาจจะยังไม่ได้ปลดล็อกความสามารถเด่นๆ ของตัวละครมาใช้งาน
พูดถึงการปลดล็อกความสามารถก็อย่างที่เกริ่นกันไป เกม Avatar: Frontiers of Pandora มาพร้อมกับระบบการพัฒนาตัวละครซึ่งเราจะได้แต้ม Skill จากการทำภารกิจ และมีสายในการอัพสกิลของเราแบ่งออกเป็น 5 สาย
Survivor เป็นแต้มสำหรับความสามารถในการเอาชีวิตรอด เน้นการเพิ่มเลือด เติมพลัง หรือการแบกของใช้ไปได้มากขึ้น Warrior เน้นการต่อสู้กับศัตรูแบบเผชิญหน้าอัพเกรดการใช้ธนูและเพิ่มความสามารถในการเจาะเกราะ Hunter ความสามารถในการล่าและการเก็บทรัพยากร พกกระสุนได้เยอะขึ้น หนีจากการตามล่าของสัตว์ได้เร็วขึ้น Rider เพิ่มความสามารถในการควบคุมอิคราน และ Maker อัพเกรดความสามารถในการปรุงอาหารหรือการ Craft ไอเทม
พวกอาวุธอุปกรณ์ในเกมก็จะมีการแบ่งเกรด มีโบนัสการเพิ่มค่า Status ที่ต่างกันไป นอกจากนั้นเรายังสามารถทำการสวมใส่ Mod ให้กับอาวุธของเราได้อีกด้วย
นอกจากส่วนที่เราได้สัมผัสจริงกับมือ ยังมีจุดเด่นอีกสองอย่างที่เราไม่ได้เห็นแต่มีการยืนยันออกมาจากทีมพัฒนาก็คือเรื่องของการปรับแต่งตัวละครหลัก และระบบ Coop แบบ 2 ผู้เล่น ซึ่งทั้งสองระบบนี้ยังไม่ได้ถูกเปิดตัวแบบเต็ม ๆ แต่จากที่ผ่านมาเกม Far Cry ของ Ubisoft ก็รองรับการเล่น Coop มาโดยตลอดดังนั้นใน Avatar รูปแบบการเล่นก็น่าจะมาในแบบเดียวกัน
จากที่เราได้เห็นมาต้องบอกว่า Avatar: Frontiers of Pandora น่าจะตอบโจทย์ของแฟน Avatar ได้เป็นอย่างดี เพราะอย่างที่บอก จุดเด่นของเกมนี้คือเรื่องของงานภาพและการนำเสนอเต็ม ๆ ใครที่อินกับเรื่องราวของชาวนาวี ชอบฉากต่าง ๆ ที่น่าจดจำของภาพยนตร์ อยากออกบินกับอิครานคู่ใจ และอยากผจญภัยบนดาว Pandora บอกเลยว่าฝันของคุณจะได้เห็นจริงในเกมนี้
แต่ถ้าใครคาดหวังว่าจะได้เห็นเกมแอกชั่นผจญภัยที่เต็มไปด้วยอะไรใหม่ ๆ มีความเหนือล้ำเกินกว่าเกมแนวเดียวกันในท้องตลาดก็อาจจะผิดหวังกันได้
อย่างไรก็ตามก็ปฎิเสธไม่ได้ว่าเวลาเพียง 2 ชั่วโมงที่เราได้สัมผัสนั้นอาจจะยังไม่เพียงพอในการแกะไปถึงเบื้องลึกของตัวเกม
จากเวลาสั้น ๆ ที่เราได้ลอง Avatar: Frontiers of Pandora มีแกนหลักที่ดีกว่าที่เราคิดไว้ หากตัวเกมอุบไม้เด็ดสำคัญเอาไว้ นี่ก็อาจจะเป็นมาตรฐานใหม่ของเกมยิง Open World จากค่าย Ubisoft ได้ไม่ยาก
Avatar: Frontiers of Pandora วางจำหน่ายบนเครื่อง PC , PlayStation 5 และ Xbox Series S/X ในวันที่ 7 ธันวาคม ที่กำลังจะมาถึงนี้