BY StolenHeart
5 Aug 19 12:12 pm

Ray Tracing กับหนึ่งปีที่ผ่านไปแบบเหงาหงอย

48 Views

Ray Tracing ถือเป็นเทคโนโลยีที่ทาง Nvidia ทุ่มโฆษณาไปอย่างมากมายในช่วงปีที่ผ่านมา เป็นความสามารถที่การ์ดจอในรุ่น RTX ทั้งหลายของพวกเขาสามารถทำได้ และทำได้ดีกว่าคู่แข่งในท้องตลาด แต่ผ่านไปแล้วหนึ่งปี เราก็ยังไม่ได้เห็นอะไรที่ทำให้เรารู้สึกว่าควรต้องใช้เจ้า Ray Tracing ในการเล่นเกมของเราเลยแม้แต่น้อย

ย้อนความกันหน่อยสำหรับคนที่ยังไม่รู้หรือลืมไปแล้วว่า Ray Tracing คืออะไร? มันคือเทคโนโลยีการคำนวณการตกกระทบของแสงกับวัตถุต่างในเกมแบบ Real Time สะท้อนแสงเงาของวัตถุต่าง ๆ ออกมาอย่างสมจริง ถ้าแสงสะท้อนกระจกหรือผืนน้ำก็ออกมาเป็นเงา กระทบกับวัตถุแบบด้าน แสงก็ออกมาแบบด้านตรงตามความจริงทุกอย่าง เรียกว่าเพิ่ม Ray Tracing เข้าไปเกมก็ดูดีขึ้นกว่าเดิมหลายสิบเท่าเลยทีเดียว

ซึ่งที่จริงแล้วเทคโนโลยีนี้ไม่ใช่ของใหม่แต่อย่างใด

เพราะมันถูกใช้งานมาแล้วในวงการภาพยนตร์ต่าง ๆ ที่ช่วยให้การสร้างภาพ CG ในภาพยนตร์มีความสวยงามและสมจริงมากขึ้น และถูกนำมาปรับใช้ในวิดีโอเกมอย่างที่เราได้เห็นกันในช่วงปีที่แล้วนั่นเอง

ซึ่งแน่นอนว่าพอมันถูกเปิดตัวมาครั้งแรกโดยทาง Nvidia หลายคนรู้สึกทึ่งกับสิ่งที่มันทำได้ โดยเฉพาะในเกมอย่าง Battlefield V ที่เราได้เห็นการสะท้อนแสงออกมาอย่างสมจริง บวกรวมกับการคำนวณฟิสิกส์ที่พัฒนาขึ้นตามยุคสมัย ทำให้มันออกมาดูดีมาก แม้แต่สเปกของการ์ดจอที่อยู่ในหน้ากระดาษ ก็ทำให้เราตื่นเต้นกับมันอย่างมาก เพราะถ้าหากมันทำได้จริงอย่างที่ทาง DICE นำเสนอในคลิปโชว์เทคโนโลยี Ray Tracing แล้ว มันจะกลายเป็นการเปลี่ยนโฉมหน้ารูปแบบการเล่นของเกมไปเลย

แต่ผ่านมาเกือบหนึ่งปี หลังจากที่ Nvidia วางจำหน่ายการ์ดจอรุ่นใหม่ ก็กลับกลายเป็นว่าผู้เล่นหลายคนไม่ให้การตอบรับมากเท่าไหร่นัก เนื่องจากราคาของการ์ดจอรุ่น RTX นั้นแพงเกินกว่าที่ประกาศไปเยอะทีเดียว โดยเฉพาะในรุ่นสูงสุดอย่าง RTX 2080Ti ที่ราคาในปัจจุบันนี้อยู่ที่สี่หมื่นกว่าบาทไทย ทิ้งห่างจากรุ่นก่อนหน้าอย่าง 1080Ti ที่เป็นอดีตตัวท็อปไปไกลโข ขนาดที่ซื้อได้สองตัวเลยดัวยซ้ำ

ซ้ำร้าย เกมในปัจจุบันนี้ก็ดูเหมือนจะยังไม่รองรับกับ Ray Tracing อย่างเต็มที่ ที่รองรับแบบเต็มที่ก็มีเพียงไม่กี่เกมอย่าง Shadow of Tomb Raider, Metro Exodus หรือ Battlefield V เท่านั้น แถมจะเปิดหรือปิดก็ไม่ได้รู้สึกถึงความแตกต่างกันมากเท่าไหร่นัก เผลอเปิด Ray Tracing ไว้แล้วเกมก็จะกระตุกหนักยิ่งกว่าเดิมเสียอีก

เรียกว่าตอนนี้ Ray Tracing ยังไม่กล้าแข็งพอที่จะเป็นจุดขายได้เหมือนอย่างที่ Nvidia คาดหวังเอาไว้แม้แต่น้อย

จริงอยู่ที่เกมในยุคปัจจุบันนี้จะเริ่มมีการใช้งานเทคโนโลยี Ray Tracing เพิ่มขึ้นมามากกว่าเดิมแล้ว อย่างเช่น Control เกมใหม่ของ Remedy ที่มาพร้อมการนำเสนอแบบใหม่กับการใช้ Ray Tracing สร้างแสงและบรรยากาศให้น่ากลัวมากขึ้นกว่าเดิม หรือ Quake II ที่น่าจะเห็นได้ชัดมาก ๆ เพราะเป็นเกมที่กลับมาวางขายใหม่อีกครั้ง และพอเติม Ray Tracing เข้าไป มันก็ชวนให้เราคิดว่านี่เป็นเกมใหม่ได้เลย

 แต่แค่นั้นจะเพียงพอที่จะทำให้เรารู้สึกอยากเปลี่ยนการ์ดให้รองรับ Ray Tracing หรือเปล่า?

แน่นอนว่าแรงกระเพื่อมของ Ray Tracing ในตอนนี้ยังไม่ใหญ่มากพอ เหมือนกับที่ระบบการคำนวณฟิสิกส์ในเกมต่าง ๆ เป็นอย่างในยุคนี้ ซึ่งเรื่องนี้หัวหน้าฝ่ายสถาปัตยกรรมของทาง Nvidia ก็เคยออกมาพูดว่า เกมระดับ AAA เกมแรกที่บังคับว่าต้องมี Ray Tracing นั้นก็น่าจะต้องรอถึงปี 2023 โน้นเลย และพอถึงยุคนั้น เราจะยังให้ความสำคัญกับเทคโนโลยีตัวนี้อยู่หรือเปล่า?

นั่นก็เป็นคำถามที่เรายังไม่สามารถคาดเดาได้

แต่ก็ดูเหมือนว่าทาง Nvidia เองก็ยังไม่ยอมแพ้ และค่ายคู่แข่งอย่าง AMD เองก็ไม่อยู่เฉยเช่นกัน เพราะพวกเขาต่างก็ซุ่มพัฒนาการ์ดจอที่รองรับ Ray Tracing ออกมาอย่างไม่ลดละ โดยเฉพาะทาง Nvidia ที่ปล่อยการ์ดรุ่น RTX Super ออกมาเพิ่มเติม และทาง AMD เองก็อาจจะมีการอัพเดตให้การ์ดจอของตนรองรับการใช้งาน Ray Tracing ด้วยแล้วในเร็ว ๆ นี้ และเอนจิ้นกราฟฟิกบางตัวอย่าง Crytek ตัวใหม่ก็สามารถเปิดใช้ Ray Tracing ได้โดยที่ไม่ต้องพึ่งการ์ดจอของ Nvidia อีกด้วย

สำหรับผู้เขียนเอง ถ้าหากทาง Nvidia ต้องการให้เทคโนโลยี Ray Tracing แพร่หลายและไปได้ไกลกว่านี้(เพื่อยอดขายของการ์ดจอที่เพิ่มขึ้น) ก็ต้องมีเกมที่ใช้ Ray Tracing แล้วสร้างความแตกต่างระหว่างการเปิดหรือไม่เปิดให้ชัดเจนมากกว่านี้ เช่นการส่งผลต่อการเล่นที่ชัดเจนมากกว่าแค่กราฟฟิกที่สวยสมจริงขึ้น หรือใช้เป็นหนึ่งในเงื่อนไขการแก้ปริศนาของเกม ซึ่งก็เป็นหน้าที่ของทั้งผู้พัฒนาและผู้ผลิตการ์ดจอที่จะทำงานเกื้อหนุนกันได้มากขนาดไหน

ท้ายนี้ดูเหมือน Ray Tracing จะเป็นเทคโนโลยีที่มาเร็วเกินไปหน่อย

เพราะความแตกต่างระหว่างการใช้หรือไม่ใช่ก็ไม่ได้ชัดเจนมากขนาดทำให้หลายคนยอมทุ่มเงินซื้อการ์ดจอใหม่ แถมราคายังสูงเกินเอื้อมในหลาย ๆ รุ่นอีกด้วย ถ้าหากมีการปรับแต่งและแก้ไขจนทำให้มีการใช้งานที่แพร่หลายและส่งผลต่อเกมที่เล่นมากกว่านี้ ก็น่าจะทำให้ตลาดมีความต้องการในส่วนนี้มากขึ้น  แต่ก็น่าจะต้องใช้เวลาไปอีกสักพักใหญ่ ๆ แต่ก็ไม่น่านานขนาดที่ทาง Nvidia บอกแน่นอน

แต่ถ้าใครอยากจะประกอบเครื่อง PC ขึ้นมาใหม่ในช่วงนี้ การเลือกการ์ดจอที่มี Ray Tracing เผื่ออนาคตเอาไว้ก็เป็นทางเลือกที่ไม่เลวเหมือนกันนะครับ

SHARE

Putinart Wongprajan

เค้ก - Content Writer

Back to top