เพราะคำว่า ‘หนังจากเกม’ ทำให้การเข้าโรงภาพยนตร์ครั้งนี้ของผู้เขียน ไม่ได้คาดหวังอะไรมากไปกว่าการเก็บ Culture ที่ตัวเองชอบให้ครบ เนื่องจากส่วนตัวแล้ว เป็นคนที่ชอบเล่นเกม Pokemon มาก ๆ แม้จะเพิ่งมาเริ่มเล่นในยุคหลัง ๆ แล้วก็ตาม (หลังขนาดไหน ก็หลังขนาดที่ว่าไม่รู้ชื่อญี่ปุ่น รู้แค่ชื่ออังกฤษ)
ประกอบกับหนังเรื่องนี้ไม่ได้มีฉายตามโรงภาพยนตร์ทั่วไป ยอมรับว่าค่อนข้างกระจายแต่ไม่ถึงกับว่า อยากดูตรงไหนก็ไปดูได้เลย ทำให้การดูหนังครั้งนี้เป็นการ ‘เปลี่ยนบรรยากาศ’ หลายต่อหลายอย่าง ประกอบกับสิ่งที่อธิบายไปตั้งแต่ย่อหน้าแรก ทำให้ผู้เขียนไม่มีสิ่งที่เรียกว่า ‘ความคาดหวัง’ อยู่กับตัวเลยระหว่างดูหนัง
ข้อมูลโดยสังเขปที่พอศึกษามา Pokémon Detective Pikachu เป็นหนังที่หยิบยืมคาแรกเตอร์มาจากเกมในชื่อเดียวกัน เนื้อหาหลักของหนังคือหนุ่มน้อยชื่อ ทิม กู๊ดแมน จะต้องร่วมผจญภัยไปกับพิคาชูความจำเสื่อมหนึ่งตัว ที่อนุมานตัวเองว่าเป็นนักสืบ สืบหาพ่อของตัวเองที่หายไปหลังจากประสบอุบัติเหตุเหนือธรรมชาติให้เจอ
ในช่วงแรกของหนังดำเนินไปแบบเรียบง่ายตามสไตล์หนังวัยรุ่น ในช่วงนี้การเล่าเรื่องจะค่อนข้างเอื่อย มีการใส่ปมให้ตัวละครบ้างเล็กน้อยเพื่อส่งไปยังบทต่อไป ในมุมผู้เขียน จริง ๆ ในช่วงแรกที่เป็นการผูกปม บทเขียนมาค่อนข้างดี แต่การแสดงของ Justice Smith (ทิม กู๊ดแมน) ทำให้เราเชื่อไม่ได้จริง ๆ ว่าเขารู้สึกแบบไหน ไม่ว่าจะดีใจ จะเศร้า เขาก็แสดงสีหน้าแบบเดิมเกือบตลอด เรียกได้ว่าเขานี่แหละ เป็นสาเหตุหลักที่ทำให้เรื่องเอื่อยเฉื่อยโดยไม่ควร
ช่วงกลางเรื่อง หนังจะเริ่มโยนคำถามให้เราหลายอย่าง แถมยังเปิดเผยตัวละครเยอะขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อปูไปยังช่วงถัดไป สิ่งที่ดีอย่างมากในช่วงนี้คือกราฟต์ของหนังไม่ดรอปลงเลยแม้ซักครั้งเดียว อย่างที่เรากล่าวไปว่า ในช่วงแรกเนื้อหาค่อนข้างเอื่อย แต่มันก็เริ่มสนุกขึ้นเรื่อย ๆ หลังจากคุณพ้นช่วงนั้นไป ในช่วงนี้มีอะไรเด็ด ๆ หลายอย่าง ทั้งเมืองที่เต็มไปด้วยโปเกม่อนน่ารักน่ากอดอยู่เต็มเมือง ทั้งตัวลูซี่ที่ได้ Kathryn Newton มารับบท (น่ารักมาก)
สิ่งที่ไม่พูดถึงไม่ได้ในเรื่องนี้เลยคือ CG ทั้งหลาย เพราะมันดีมาก ๆ จนพูดได้ว่าเกือบสมบูรณ์แบบเลยทีเดียว โปเกม่อนที่เห็นในเรื่องค่อนข้างสมจริง ไม่มีคำว่าลอยแต่อย่างใด เอาเป็นว่าถ้าคุณเข้าไปดูหนังเรื่องนี้ คุณจะต้องจินตนาการแน่ ๆ ว่าถ้าเข้าไปอยู่ในเมืองนี้ได้ สิ่งแรกที่จะทำคือเข้าไปไล่กอดไล่หอมเหล่าโปเกม่อนพวกนี้ให้หมดเมืองเหมือนกับผู้เขียน เพราะมันน่ารักมากจริง ๆ โดยเฉพาะพิคาชูในเรื่อง
ช่วงท้ายของหนังเป็นช่วงที่ยอดเยี่ยมที่สุดในเรื่อง กราฟต์ที่ทำมาตั้งแต่แรกพุ่งสูงขึ้นเรื่อย ๆ และสูงจนถึงจุดสูงสุดในช่วงนี้ คุณจะได้พบกับเฉลยคำตอบที่ทำให้คุณต้องอึ้ง ! แถมมาติด ๆ กันแบบช็อตต่อช็อต เรียกได้ว่ากระพริบตาแทบไม่ได้เลย หลังจากเรื่องทุกอย่างจบลงแล้ว หนังยังมีเซอร์ไพรส์ให้คุณอีก ซึ่งเซอร์ไพรส์ที่ว่า ผู้เขียนรับประกันว่าคุณจะต้องชอบแน่ ๆ แต่จะเป็นอะไรนั้น ไปดูกันเองในโรงภาพยนตร์นะครับ
โดยสรุปแล้ว แม้ Pokémon Detective Pikachu จะมีข้อเสียอยู่ค่อนข้างมากในเรื่องความเอื่อยในช่วงแรก, การแสดงของ Justice Smith ที่เข้าขั้นห่วยแตก และ Plot บางอย่างที่ยังเป็นหลุมเป็นบ่ออยู่ แต่ถ้าคิดว่ามันคือหนังวัยรุ่นฤดูร้อน ที่ไม่เหมาะจะดูเพื่อวิเคราะห์ แต่เหมาะจะพาครอบครัวหรือคนที่คุณรักไปดู ผู้เขียนบอกเลยว่า Pokémon Detective Pikachu สอบผ่านแน่นอน