Yakuza ที่ดีที่สุดของซีรี่ส์ และเป็นภาคแรกที่ได้ลง PC แล้วตัดขาดความเป็นเกม Exclusive เฉพาะ PS4
Yakuza ที่ดีที่สุดของซีรี่ส์ และเป็นภาคแรกที่ได้ลง PC แล้วตัดขาดความเป็นเกม Exclusive เฉพาะ PS4
ทุกทีมผู้พัฒนาเกมจะมีผลงานชิ้นโบว์แดงเป็นของตัวเอง ซึ่งของทีม SEGA นั้นคือเกมซีรี่ส์ Yakuza หรือ Ryu ga Kotoku (龍が如く) ผู้เล่นฝั่งไทยบ้านเราอาจจะไม่รู้จักอย่างกว้างขวางเท่าไหร่ เพราะเกมนี้เป็นเกมญี่ปุ่นที่วางจำหน่ายในประเทศญี่ปุ่นเท่านั้น และเป็นหนึ่งเกมที่ขายที่ดีสุดในประเทศซะด้วย พร้อมกับมีสาวกมากมายที่คอยสนับสนุนติดเกมนี้มาโดยตลอด ด้วยเนื้อเรื่องที่น่าตื่นเต้น-ดราม่า และ มินิเกมฮาหลุดโลก จนมีถึงภาคที่ 6 และภาค Spin-Off อีกมากมาย
ต่อมาเกม Yakuza เริ่มเป็นที่รู้จักมากขึ้น รวมถึงมีกระแสตอบรับที่ดีเกินคาดในประเทศต่างชาติ หลังจาก Yakuza 0 ได้ปล่อยวางขายทั่วโลกพร้อมแปลเป็นภาษาอังกฤษเมื่อปี 2017 ในแพลตฟอร์ม PlayStation 4 เท่านั้น
เจ้าสำนักรีวิว หรือยูทูปเบอร์ชื่อดังต่าง ๆ ได้พากันให้คะแนนเกมนี้สูงมาก ทำให้เกมเมอร์บางส่วนต้องซื้อเครื่อง PlayStation 4 เพื่อที่จะลิ้มลองการเล่นเกมนี้โดยเฉพาะ (ผู้เขียนซื้อ PS4 Pro มาใหม่ ๆ เพื่อซื้อเกมนี้จริง ๆ นะ)
มาถึงปี 2018 เกม Yakuza ได้ฆ่าความเป็นเกม Exclusive ทิ้ง ด้วยการประกาศพอร์ตลง PC อย่างเต็มรูปแบบ พร้อมลดราคาเกมให้ถูกลงตามยุคสมัย แล้ว Yakuza 0 เป็นเกมอย่างไร ทำไมหลายคนถึงพูดถึง และยกย่องว่าเป็นเกมยอดเยี่ยมที่อยากจะให้ทุกคนได้ลอง ? จะแตกต่างจากเวอร์ชั่นคอนโซลมากน้อยแค่ไหน ? นี่คือ “รีวิว Yakuza 0 เวอร์ชั่น PC”
จุดเริ่มต้นของตำนานยากูซ่าทั้งสอง (ไม่มีสปอย)
ตามตัวเลขของภาคศูนย์ ในภาคนี้จะเป็นการเล่าเรื่องช่วงเหตุการณ์ก่อนภาคแรก หรือในช่วงปี 1988 โดยคุณจะได้สมบทบาทเป็นตัวละครเอกสองคน คนแรกคือ Kiryu Kazuma พระเอกประจำซีรี่ส์ที่ยังคงอยู่ในตำแหน่งลูกกระจ๊อกที่ทำงานเป็นผู้ทวงหนี้นอกระบบ และ Majima Goro ผู้จัดการมากฝีมือที่มีหน้าที่ควบคุมคลับที่ใหญ่ที่สุดในย่าน Sotenburi ที่ยังไม่ใช่เป็น “หมาบ้าแห่งแก๊ง Shimano” ที่แฟน ๆ หลายคนคุ้นเคยดีนัก (ลักษณะนิสัยหมาบ้าเป็นยังไง เดี๋ยวไว้ก่อน)
โดยเนื้อเรื่องของ Yakuza 0 จะสลับสวมบทบาทตัวละครเอกตามที่เนื้อเรื่องได้วางไว้ตั้งแต่แรก (ไม่สามารถเลือกได้อิสระว่าจะเล่นตัวไหนก่อน) การดำเนินเนื้อเรื่องในเกมนี้จะดำเนินแบบช้า ๆ โดยเกมจะโยนคัดซีนยาว 10-30 นาที เป็นระยะ ๆ
แต่ไม่ต้องห่วงว่าคุณจะรู้สึกง่วงนอน หรือเนื้อเรื่องจะน่าเบื่อ เพราะว่านอกจากเนื้อเรื่องของ Yakuza จะเต็มไปด้วยกลิ่นอายของภาพยนตร์ญี่ปุ่นแล้ว ทั้งการแสดงใบหน้า โมเดลตัวละคร เสียงพากย์ที่ทำออกมาได้ยอดเยี่ยม และในระหว่างการดำเนินเนื้อเรื่องไปซักระยะหนึ่งจะรู้สึกถึงพัฒนาการของตัวละครหลักที่จดจำ ไม่ว่าจะเป็นตัวเอก หรือ ตัวร้าย มีการคลายปมปริศนาต่าง ๆ และมีการหักมุมที่ไม่มีใครคาดคิดได้ ซึ่งเป็นที่เกม Yakuza ทำมาได้ดีมาโดยตลอด และทำให้เกมเมอร์ที่มีจิตใจอ่อนไหวบางคนต้องซึมน้ำตาตกกับเนื้อเรื่องสุดดราม่าของ Yakuza 0 อย่างแน่นอน
แต่ไม่ใช่เนื้อเรื่องเกมนี้จะเฟอร์เฟ็คไปซะทุกอย่าง เพราะว่าเนื้อเรื่องบางฉากที่ไม่สมเหตุผล มีบทสนทนา หรือมิชชั่นเนื้อเรื่องที่พานอกเรื่องและไม่จำเป็นอยู่บ้าง และการนำเสนอในบางฉากดูไม่ค่อยจะลงทุนเท่าไหร่นัก (ทั้ง ๆ ที่ออกแบบ เพราะเป็นสไตล์การเล่าเรื่องเฉพาะตัวแท้ ๆ โดยอาจจะมีเรื่องงบประมาณจำกัดเกี่ยวข้อง) ซึ่งทำให้เนื้อเรื่องของเกมบางช่วงจะรู้สึกเสียอรรถรสบางครั้ง แต่ก็โชคดีที่ข้อดีที่กล่าวมาในเรื่องของเสียงพากย์ การแสดงของตัวละคร ได้กลบข้อเสียนี้ได้อย่างเนียน ๆ จึงทำให้เกมเมอร์แทบจะไม่รู้สึกเลยว่าอยากจะข้ามฉากเนื้อเรื่องบางส่วนให้จบ ๆ ไป
แต่ก็ต้องบอกไว้ก่อนว่าเกมนี้ไม่มี Dub เสียงพากย์ภาษาอังกฤษ มีเฉพาะภาษาญี่ปุ่นเท่านั้น ฉะนั้นในการเล่นเนื้อเรื่องต้องเปิดซับไตเติ้ลเป็นอังกฤษเพื่อที่จะเข้าใจเนื้อเรื่องทุกอย่างนะครับ
อภิมหามินิเกม เควสเสริม และกิจกรรมที่เยอะจนเล่นไม่หมด
ถ้าหากผู้เล่นรู้สึกอยากจะปล่อยวางกับเนื้อเรื่องซักพักหนึ่ง คุณสามารถวิ่งลาดตระเวนเมืองเพื่อหากิจกรรมมินิเกมคลายเคลียดที่มีให้เล่นเยอะมากมาย และออกแบบมาสนุกใช้ได้เลย เป็นอีกสิ่งหนึ่งที่ต้องยกนิ้วโป้งให้กับทีมงาน SEGA ในเรื่องความกล้าที่จะฉีกแนวดั้งเดิมของเกม ทำให้เกมซีรี่ส์ Yakuza มีเอกลักษณ์จนอยู่ทุกวันนี้
มินิเกมใหญ่มีอยู่สองโหมด โดย Kiryu จะเป็นมินิเกม Real Estate ที่จะเรื่องการซื้อกิจการร้านค้า จัดการด้านธุรกิจต่าง ๆ เพื่อเรียกเป็นเงินค่าคุ้มครองเพื่อที่จะต่อสู้กับพวก Billionaire ทั้งห้าในเมือง Kamurocho และในส่วนของ Majima ก็เป็นมินิเกม เรื่องการจัดการ Cabalet Club ที่จะต้องจัดการเรื่องการบริหารในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็น ฝึกสามชิก การเอาใจลูกค้า และอื่น ๆ ในเมือง Sotenburi
ซึ่งมินิเกมใหญ่ทั้งสองเกมนี้จะมีเนื้อเรื่องเล็ก ๆ แยกออกมาต่างหาก ซึ่งไม่สามารถที่จะให้ Kiryu มาบริหารคลับ หรือให้ Majima มาบริหารครอบครองธุรกิจได้ ผู้เล่นจะต้องเล่นมินิเกมนี้เพื่อที่จะแลกเป็น “เงิน” จำนวนมหาศาล มาใช้จ่ายสอยต่าง ๆ ที่มีความจำเป็นอย่างมาก (สำคัญขนาดไหน เดี๋ยวค่อยกล่าวในเกมเพลย์) และถ้าเล่นเนื้อเรื่องในส่วนของมินิเกมใหญ่จนจบ ก็จะได้รับการปลด “Secret Move” ที่ผู้เล่นจะต้องรู้สึกคุ้มค่ามาก ๆ ที่เล่นจนจบอย่างแน่นอน
ยังมีมินิเกมเล็กสนุก ๆ อีกมากมายให้เลือกเล่น ไม่ว่าจะเป็นอีเว้นท์แข่งรถของเล่น (บ้านเราเรียกทามิย่า), สนุ๊กเกอร์, ปาเป้า, ตกปลา, ฝึกตีลูกเบสบอล, โยนโบว์ลิ่ง หรือว่าวัดทักษะการต่อสู้ของตัวเองด้วย Fighting Cage รวมไปถึงเล่นเกม Retro Classic ที่เป็นเกมเต็มมาให้เล่นในเกมเซ็นเตอร์อย่าง Outrun, Fantasy Zone, Space Harrier และ Super Hang-On มารวมกันในที่เดียว รวมไปถึงมินิเกมดนตรี อย่าง ร้องคาราโอเกะ และ เต้นดิสโก้ ที่มีโมเม้นต์ที่ตลกโปกฮามากมาย และเป็นไม้ตายหลักของเกมนี้ หรือจะเอาใจเกมเมอร์ขาหื่นโดยการหาตระเวนการ์ดคอลเล็คชั่นนางแบบกราเวียร์ หรือจะชมวีดีโอเอโรติค การพนัน Catfight สุดเสียว หรือแม้กระทั่ง … เซ็กซ์โฟน ! เย้ย ..
ยังไม่หมดเพียงเท่านี้ เพราะยังมีเกมการพนันอีกมากมายให้เลือกเล่นทั่วฝั่งของญี่ปุ่น อย่าง Shogi, Mahjong, Oichi-Kabu, Cho-han, Koi Koi และฝั่งตะวันออกที่พวกเราคุ้นเคยอย่างดี เช่น BlackJack, Hold’em, Roulette และ Super Six
และท้ายที่สุด คือ Sub-Stories เป็นเนื้อเสริมที่ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับเนื้อเรื่องหลัก ซึ่งจะมีเนื้อเรื่องทั้งหมด 100 สตอรี่ (แบ่งเป็น Kiryu 50 และ Majima 50) และเกือบทุกเนื้อเรื่องจะมีการเล่าเรื่องที่แตกต่างออกกันไป มีทั้งตลกคอเมดี้ ทั้งลึกซึ้ง และกระทั่งดราม่า โดยบางเควสตอนจบจะมีไอเท็มตอบแทน หรือสามารถสร้างค่า Friendships ต่อ NPC ให้เต็มเพื่อให้ NPC มอบรางวัลให้ผู้เล่นโดยการสนับสนุนช่วยเหลือมินิเกมใหญ่ของคุณให้ดีขึ้นอีกด้วย
ทั้งหมดที่กล่าวมาจำเป็นต่อการเล่นหรือหรือไม่ ? แน่นอนว่าเป็นเพียงมินิเกมเล็ก ๆ ที่เป็นแค่ส่วนเสริมเท่านั้น และบางมินิเกมจะต้องดำเนินเนื้อเรื่องถึงจะปลดให้เองตามอีเว้นท์ในเกม ฉะนั้นไม่ต้องห่วงว่าจะเอาเวลาไปหมดกับมินิเกมแทน
แต่ว่าถ้าหากไม่คิดสนใจจะเล่นมินิเกมเหล่านี้ ก็เท่ากับว่าพลาดเนื้อหาของเกม Yakuza 0 ทั้งหมดไปกว่า 35 – 40% แล้ว ผมแนะนำว่าถ้าว่าง ๆ เหนื่อยกับเนื้อเรื่องหลักก็มาลองเล่นได้ไม่เสียหาย
ระบบการต่อสู้ดิบเถื่อน และสนุกเร้าใจ สายชอบลีลาโหดต้องชอบแน่นอน
ระบบการต่อสู้ของเกมนี้จะเป็นรูปแบบแอ๊คชั่น Beat ’em Up คลาสสิก ที่ผู้เล่นจะต้องทะลุทะลวงฝ่าดงศัตรูด้วยการอัดให้เละทุกคน แล้วไปถึงจุดบอสและปราบมันให้จงได้ ซึ่งวิธีการเล่นเล่นเบื้องต้นก็เรียบง่ายเหมือนกับเกมอาร์เขตทั่วไป
แต่ก็ไม่ใช่ว่าเกมจะ Casual ซะทีเดียว เพราะว่าบอสแต่ล่ะตัวที่ปะทะจะมีท่าทางทักษะการต่อสู้ที่แตกต่างกันทุกคน ทำให้ผู้เล่นจะต้องคอยปรับเปลี่ยนวางแผนการต่อสู้ และอ่านท่าทางของศัตรูให้อยู่หมัดตลอดเวลา แล้วจะปรับเปลี่ยนยังไง ? ตัวผู้เล่นเองก็สามารถเลือกเล่นสไตล์การต่อสู้ได้ตลอดเวลา สไตล์การต่อสู้จะแบ่งออกเป็น 3 สาย (ทั้งสองตัวละครหลักที่เรารวมเป็น 6 สไตล์) โดยจะมีออร่าสีน้ำเงิน สายสมดุล, สีชมพู เน้นความเร็ว และสีเหลือง เน้นพละกำลัง
ในขณะที่ระบบต่อสู้ที่ดูเรียบง่าย แต่ทีเด็ดของเกมนี้ที่แท้จริงก็คือ “ความสะใจ” ระบบการต่อสู้จะมีแถบที่เรียกว่า Heat Action ที่สะสมมาจากการต่อยศัตรู ทำคอมโบ หลบหลีก หรือป้องกันจากการตั้งการ์ด เมื่อสะสมประมาณ 1-3 ช่อง ก็สามารถใช้ท่า Heat Action ได้โดยขึ้นอยู่กับว่าสภาพแวดล้อมของสนามต่อสู้ กับอาวุธที่เราถืออยู่ ซึ่งจะเป็นเหมือนกับท่าไม้ตายที่จะมีฉากแอนิเมชั่นเฉพาะ ที่ลื่นไหล ดิบเถื่อน และด้วยระบบเสียงที่การต่อยตีรู้สึกหนักแน่น ทำให้ผู้เล่นบางครั้งรู้สึกเจ็บแทนจริง ๆ เลยทีเดียว
อีกหนึ่งที่ทำให้ระบบการต่อสู้รู้สึกเร้าใจ เพราะ “เงิน” ถ้าคุณซัดศัตรูจนหมอบก็จะมีเงินปลิวออกมาจากศัตรู ยิ่งมีฉากสตั๊น จากการใช้ Heat Mode, ปราบคู่ต่อโดยไม่โดนแม้แต่หมัดเดียว, น็อคเอ้าท์เป็นกลุ่มเป็นคอมโบต่อเนื่อง และยังมีอีกหลายวิธีที่จะทำเงินได้เยอะจากการต่อสู้ แต่ที่โดดเด่นและท้าทายที่สุดก็คือ การปราบ Mr.Shakedown
Mr.Shakedown เป็นศัตรูร่างยักษ์มหึมาที่พกเงินเป็นจำนวนมหาศาล ที่สามารถปราบคุณให้น็อคได้เพียงแค่ 3-4 ครั้ง ถ้าคุณชนะคุณได้เงินทั้งหมดจากการทำคอมโบที่ได้มากกว่าการต่อสู้ธรรมดาหลายเท่า แต่ถ้าคุณแพ้ คุณจะโดนริบเงินไปจาก Mr.Shakedown ซึ่งวิธีการเงินคืนก็คือต้องปราบ Mr.Shakedown อีกครั้งหนึ่ง คุณจะสามารถหลีกเลี่ยงการต่อสู้ หรือจะลองปราบศัตรูยักษ์ก็ทำได้นะ (แต่ต้องมั่นใจว่าเตรียมยามาให้พร้อม)
และอีกหนึ่งสิ่งที่ขาดไม่ได้เลยก็คือ ระบบสกิลต้นไม้ โดยเกมนี้ที่จะมีรูปร่างเป็นวงกลมที่แตกหน่อออกไป ซึ่งทั้งสามสไตล์การต่อสู้สามารถเลือกอัพเกรดได้อย่างอิสระ ไม่ว่าจะเป็นเลือกที่จะอัปเกรดเลือด พลังโจมตี ความว่องไว เสริมพลัง Heat หรือปลดท่า Heat Action ต่าง ๆ โดยวิธีการปลดก็คือใช้ “เงิน” ในเกมในการปลดล็อคตามลำดับ แต่บางสกิลจะต้องปลดล็อคจากปราบบอสในมินิเกมใหญ่เสริมเท่านั้น และนี่ก็คือเหตุผลที่จะให้เกมเมอร์เลือกที่จะเล่นมินิเกมใหญ่ เพราะนอกจากจะได้เงินแล้ว ได้ปลดทักษะสกิลอีกด้วย
ในช่วงอีเว้นท์ของเนื้อเรื่องของเกมอาจจะมีระบบการเล่นอื่น ๆ เล็กน้อยเพื่อเพิ่มความหลากหลายให้กับตัวเกม แต่ส่วนใหญ่ก็ไม่มีอะไรโดดเด่นเป็นพิเศษมากนัก
ในตัวเกมก็ยังมีระบบการส่งสำรวจ ที่คุณจะสามารถส่งคนเพื่อไปหาวัตถุดิบ หรืออาวุธหายากมาส่งให้ผู้เล่นได้ใช้ในการต่อสู้ ยิ่งใช้งบสูงเท่าไหร่ก็จะยิ่งมีโอกาสดรอปของแรร์ได้มากยิ่งขึ้น แต่ทว่าอาวุธในเกมไม่มีประโยชน์เท่าที่ควร เพราะว่ามันไม่ยืดหยุ่นเท่ากับการใช้หมัดล้วน ๆ และอาวุธก็มีค่าความเสียหายที่ใช้ได้อย่างจำกัด ยกเว้นแต่จะใช้ Heat Action เท่ ๆ เท่านั้น จึงทำให้ระบบนี้ไม่มีความจำเป็นเท่าไหร่นัก
และจุดหนึ่งที่เป็นข้อเสียของเกม เนื่องจากเงินในเกมนี้มีความสำคัญเป็นอย่างมาก ทั้งใช้ในการอัปเกรดสกิล ซื้ออุปกรณ์พวกบัฟตัวละคร และยารักษา กินอาหารต่าง ๆ และวิธีเดียวที่จะหาเงินได้เยอะก็คือต่อสู้ Mr.Shakedown ให้ชนะ (ที่หลายคนไม่กล้าจะเสี่ยง) กับ เล่นมินิเกมใหญ่ ซึ่งทำให้เกมนี้เกิดการ Grinding และทำให้เกมมีความซ้ำซากเกิดขึ้นได้เช่นกันในระยะยาวเช่นกัน (และ Achievement ยาก ๆ ในเกมนี้เน้น Grinding ซะด้วย โอย…)
โดยรวมแล้ว แม้ว่าระบบการต่อสู้เน้น ๆ จะทำออกมาใช้ได้ ไม่ได้หวือหวาอะไรมากนัก ความท้าทายไม่ได้ยากหรือง่ายเกินไป แต่ถ้าเป็นเรื่องของความสะใจที่ได้รู้สึกอัดศัตรูจริง ๆ หรือโมเม้นต์ฉากสตั๊นแอ๊คชั่นสุดดิบเถื่อน พร้อมการสกิลที่เน้นลีลาผาดโผนที่มากขึ้น และมีอะไรให้อัปเกรตเยอะ ก็ถือว่าเกมนี้สอบผ่านฉลุ่ยครับ
PC vs Console : กราฟิกไม่ได้ทำให้เกมนี้แย่แต่อย่างใด
แตกต่างกันอย่างไรระหว่างเครื่อง PC และ Console ? แต่อย่างแรกก็ต้องกล่าวก่อนว่า Yakuza 0 เดิมที่ลงให้กับ PlayStation 3 และ PlayStation 4 ก็จริง แต่ภาพกราฟิกโดยรวมแล้วก็ยังทำมาเพื่อให้สามารถเล่นได้ทั้งสองเครื่อง จึงทำให้เกมนี้มีกราฟิกที่ตกยุคสำหรับเครื่องคอนโซล PS4 ที่ไม่มีการรีมาสเตอร์ใด ๆ ทั้งสิ้น แต่ปรับกราฟิกให้ดียิ่งขึ้นเท่านั้น และเนื้อหาในเกมยังอยู่ครบทั้งในเวอร์ชั่น PC (ยกเว้นเพลง Opening ที่โดนตัดทิ้งเพราะเรื่องลิขสิทธิ์เพลง)
กราฟิกในเกม Yakuza 0 อาจจะขัดใจในหลาย ๆ คนในเรื่องของวัตถุ ตึกราวบ้านช่องที่ texture มีความละเอียดต่ำและแตกอย่างเห็นชัด แต่ตรงกันข้ามโมเดลของตัวละคร, Facial Expression ทำออกได้ยอดเยี่ยม และตัวเมืองเองก็ออกแบบได้สีสัน พิถีพิถัน พร้อมด้วยเกมวิ่งด้วย 60 FPS ตลอดเกม และองค์ประกองทั้งหมดดูมีชีวิตชีวา จึงทำให้เกมนี้แม้ว่าจะมีกราฟิกที่ตกยุค แต่ก็ไม่ได้บั่นทอนลดความสนุกของเกมนี้แม้แต่นิดเดียว
แล้วฟีเจอร์พิเศษสำหรับ PC อะไรบ้าง ? Yakuza 0 เวอร์ชั่น PC สามารถปรับแต่งกราฟิกได้อย่างอิสระเหมือนกับเกมทั่วไป ที่มีออฟชั่นมาตราฐานเกมสากล และเกมนี้สามารถรองรับภาพความละเอียดสูงถึงระดับ 4K ซึ่งจะรองรับเฉพาะตัวการ์ดจอที่มีชิปโดยเฉพาะ และไม่มีการล็อคค่า FPS อีกต่อไป นั้นก็หมายความว่า “ทั้งเกมและคัตซีน” จะสามารถวิ่งได้ 60 FPS ตลอด
เรื่องประสิทธิภาพการทำงานก็บอกได้เต็ม ๆ ว่า ไม่กินสเปค และสามารถเล่นเกมได้ลื่นไหลตลอดทาง อาจจะมีบัคขำ ๆ ที่ประชากรเกมในนั่งทับกันบ้าง หรือการแสดงผลกราฟฟิกที่มีเส้นแปลก ๆ รอบจอ เมื่อมีฉากที่มีการแสดงผลใช้ภาพเอฟเฟคแบบ Negative อยู่บ้าง แต่ผมเล่นตลอดมา 20 ชั่วโมงแล้ว ยังไม่มีจุดไหนที่เกมเด้งแม้แต่ครั้งเดียว
ซึ่งอาจจะเป็นข้อดีในข้อเสียที่พลังกราฟิกของเกมนี้ตกยุค ถ้า PC บ้านคุณได้ใช้การ์ดจอ หรือ CPU ที่ไม่ตกยุคมากเกินไป ก็สามารถเล่น Yakuza 0 ปรับ ULTRA ได้ลื่นไหลได้ตลอดเวลา เป็นหนึ่งในเกมที่พิสูจน์ว่าแม้กราฟิกหลงยุค แต่ถ้าเกมสมู้ทและนิ่ง ก็เป็นเกมที่สวยงามได้เช่นกัน
ส่วน Gamepad ก็รองรับเกือบทุกประเภท ไม่ว่าจะเป็นคีย์บอร์ด, DualShock หรือแม้กระทั่งจอย Xbox และ Logitech F Series ที่จะมีการแสดงผลตามตัวคอนโทรลเลอร์ที่เราได้เชื่อมต่อในเครื่อง PC และคีย์แมปปิ้งในจอยก็ออกแบบได้เหมาะสมตามมาตราฐานอีกด้วย ถ้าเกมเมอร์ถนัดจอยตัวไหนสามารถเลือกเล่นได้เลย
ยกเว้นแต่คีย์บอร์ดที่ยังวางคีย์ได้ไม่ลงตัวเท่าไหร่นัก ผมจึงแนะนำว่าให้เล่นด้วยจอยดีกว่า เหมือนที่เกมได้บอกตอนเปิดเกมไว้ว่า “Real Yakuza Use a Gamepad” (ยากูซ่าตัวจริง เขาใช้ Gamepad กันเฟ้ย)
สรุป Yakuza 0
Yakuza 0 เป็นเกมอาชญากรรม-ดราม่าญี่ปุ่นที่เต็มไปด้วยคุณภาพที่หาไม่ได้ง่าย ๆ รวมถึงเล่นสนุก เร้าใจ เฮฮาปาร์ตี้ พร้อมปริมาณเนื้อหาของเกมที่ล้นราคาที่เป็นมิตร ซื้อเกมเดียวจบ ไม่มี DLC อะไรทั้งนั้น พร้อมกับความเอาใจใส่ในเรื่องของการพอร์ท ถึงแม้ว่าจะมีจุดบกพร่องที่เห็นชัดอยู่บ้าง แต่โดยรวมแล้วก็ยังเป็นเกมเยี่ยมที่ครองใจเกมเมอร์ได้ไม่ยาก
ส่วนตัวผมยกให้ Yakuza 0 เป็นเกม Yakuza ที่ดี่ที่สุดในซีรี่ส์ และเป็นภาคที่เหมาะมาก ๆ สำหรับคนที่อยากจะลองเข้าถึงซีรี่ส์ เพราะเป็นภาคเริ่มต้นก่อนที่เข้าสู่ภาคแรก ซึ่งจะออกวางจำหน่ายใน Steam ในรูปแบบ Remake ในชื่อภาคว่า Yakuza Kiwami ในเร็ว ๆ นี้ หมายความว่าถ้าจบภาค 0 ก็สามารถเล่นดำเนินเนื้อเรื่องต่อในภาค Kiwami ได้ทันที
Yakuza 0 ตอนนี้ราคาไทยอยู่ที่ 689.00 บาท ในรูปแบบ Digital Deluxe Edition ที่จะแถมหนังสือการ์ตูนมังงะ วอลเปเปอร์ และอวาต้าร์ สำหรับคนที่ Pre-Order เท่านั้น ซึ่งเป็นราคาที่คุ้มค่ามาก ๆ ถ้าหากใครสนใจเกมนี้ก็สามารถสอดส่องหน้าร้านค้าใน Steam ได้ ที่นี่ และก็ซื้อมาเล่นซะ แล้วคุณจะไม่ผิดหวังกับเกมนี้อย่างแน่นอน !