Kaito เป็นตัวละครอดีตยากูซ่า และคู่หูของ Yagami ที่เปรียบเสมือนเป็น “กำลังแนวหน้า” คอยช่วยฝ่าฟันอุปสรรคต่าง ๆ ด้วยพละกำลัง แต่แน่นอน เมื่อ Yagami ไม่อยู่ในสำนักงานนักสืบ “เป็นเวลาชั่วคราว” ก็ต้องเป็นหน้าที่ของ Kaito ต้องสะสางปัญหาด้วยตัวเอง
นี่คือบทความรีวิว Lost Judgment: The Kaito Files DLC เนื้อหาเสริมเป็นการผจญภัยเล็ก ๆ อันยิ่งใหญ่ของคู่หูตัวเอก Yagami
บทความนี้จะไม่มีการพูดถึง Performance เนื่องจาก DLC นี้ไม่ใช่เนื้อหา Standalone และจำเป็นต้องมีเกมภาคหลัก ถึงจะเล่นเนื้อหานี้ โดยสามารถอ่านบทความรีวิวเกม Lost Judgment ภาคหลักได้ ที่นี่
เนื้อเรื่อง
เนื้อเรื่อง The Kaito Files เป็นเหตุการณ์หลังจากไทม์ไลน์ Lost Judgment ที่จู่ ๆ Masaharu Kaito คู่หูของ Takayuki Yagami ได้รับข้อเสนอจากลูกค้ารายหนึ่งนามว่า Kyoya Sadamoto CEO ของบริษัทเทคโนโลยี Image Interactive ให้ตามหาตัว Mikiko Sadamoto อดีตภรรยาของ Kaito ที่คาดว่าควรเสียชีวิตไปแล้วเมื่อ 2 ปีก่อน ด้วยความไม่ชอบมาพากลหลายอย่าง ทาง Kaito จึงเริ่มทำการสืบสวนอย่างลำพัง เพื่อค้นหาชะตากรรมที่แท้จริงของ Mikiko
ก็ต้องบอกก่อนว่าเนื้อเรื่องที่กล่าวมาข้างบน เป็นเพียงเรื่องราวเบื้องต้นเท่านั้น ซึ่งพอได้เล่นจริงแล้ว เนื้อเรื่องจะมีปมปริศนาต่าง ๆ ที่น่าสนใจ มีฉากระทึกขวัญ และเป็นคดีที่มีอะไรมากกว่าแค่ตามหาคนหายเพียงอย่างเดียว
The Kaito Files เป็นเนื้อเรื่องใหม่เอี่ยมที่มีการนำเสนอตัวละครใหม่ และฝักฝ่ายใหม่ที่ไม่มีในเกมภาคหลัก ด้วยการเล่าเรื่องสนุกสนานตามสไตล์เกมตระกูล Yakuza มีพล็อตเบสิก และเนื้อหาย่อยได้ง่ายเป็นเส้นตรง ทำให้เกมเมอร์สามารถอินไปกับสตอรี่ได้ง่ายกว่า Lost Judgment ที่ส่วนตัวเคยวิจารณ์เนื้อหาเกมภาคหลักไว้ว่าสตอรี่พยายาม “เล่นใหญ่” เกินไป จนยัดใส่องค์ประกอบหลายอย่างเกินความจำเป็น
แล้วด้วยธรรมชาติของเนื้อหา DLC ที่จำนวนคอนเทนต์น้อยกว่าเกมภาคหลักอยู่แล้ว ทำให้สตอรี่ของ The Kaito Files มีระยะความยาวเฉลี่ย 6 ชั่วโมง ซึ่งถือว่าเป็นจุดที่ลงตัวพอดีสำหรับ DLC ถ้าหากคุณชอบเกม Judgment อยู่แล้ว หรืออยากรู้จัก Kaito ให้มากขึ้น นี่คือ DLC ที่อาจตอบโจทย์ให้คุณได้
แม้ The Kaito Files มีข้อเสียตรงที่เนื้อเรื่องสามารถคาดเดาเนื้อหาต่อไปได้ง่าย และบางช่วงมีการเร่งเนื้อหาจนตามไม่ทัน แต่ด้วยการคุณภาพเนื้อเรื่องสนุกสนาน มีการเล่าเรื่องอย่างมีชั้นเชิงน่าติดตาม คุณภาพสตอรี่โดยรวมของ DLC นี้จึงอาจไม่ได้สร้างความผิดให้กับแฟน ๆ เลยแม้แต่น้อย
การนำเสนอ / คอนเทนต์
เนื่องจาก The Kaito Files เป็นเพียงเนื้อหา DLC เพราะฉะนั้นจึงเป็นเรื่องปกติธรรมดาที่จำนวนคอนเทนต์จะน้อย และการนำเสนอไม่แตกต่างจากเกมภาคหลัก
มาเริ่มต้นด้วยท่าต่อสู้กันก่อน Kaito มีท่าต่อสู้ 2 สไตล์ที่เรียกว่า Bruiser และ Tank ซึ่งแทบก๊อบปี้มาจากท่า Brawler กับ Breast Style ของ Kiryu ใน Yakuza 0, Kiwami เกือบทั้งดุ้น แต่มีการขัดเกลา และเพิ่มท่าต่อสู้ใหม่เล็กน้อย จึงจะบอกว่าเป็นท่าต่อสู้ Kiryu เวอร์ชันอัปเกรดก็ว่าได้
แม้แอนิเมชันการวิ่งไล่จับ การลอบโจมตีจากด้านหลัง และพฤติกรรมจะแตกต่างจาก Yagami อย่างเห็นได้ชัด แต่เนื่องจากท่าต่อสู้ที่ขาดความแปลกใหม่ และไม่ได้ฉีกแนวไปจาก Kiryu มากนัก ส่วนตัวจึงแอบรู้สึกผิดหวังตรงส่วนนี้ เพราะเชื่อว่าแฟน ๆ หลายคนก็คงอยากให้ Kaito มีท่าต่อสู้เป็นของตัวเอง
นอกจากนี้ The Kaito Files เป็น DLC เน้นเนื้อเรื่องแบบ 100% ที่แม้ตัวเกมยังคงเป็นแผนที่ Open-World สามารถเดินทางไปไหน หรือทำกิจกรรมมินิเกมตอนไหนก็ได้เหมือนภาคหลัก แต่สิ่งที่ขาดหายไปใน DLC ยี้ คือภารกิจเสริม หรือ Side Case ซึ่งเป็นคอนเทนต์เด่นของ Judgment ที่ช่วยสร้างเสียงหัวเราะให้กับเหล่าเกมเมอร์หลายคน
ด้วยเหตุผลดังกล่าว The Kaito Files จึงเป็น DLC ที่เล่นจบเนื้อเรื่องหลักแล้วก็คือจบทันที ไม่มีคอนเทนต์เสริมให้ชวนอยากกลับมาเล่นอีกครั้ง แม้ DLC นี้มีระบบใหม่ที่เรียกว่า Primal ที่สามารถรับไอเทม หรือสกิลท่าต่อสู้ใหม่จากการสำรวจพื้นที่ด้วยการดม, ฟัง หรือใช้ตามอง แต่สุดท้าย ไอเทมและท่าต่อสู้ใหม่ก็เป็นเพียง “ตัวเลือกเสริม” ที่ไม่จำเป็นต้องเก็บ ก็สามารถเคลียร์เกมได้อย่างสบาย ๆ
ที่สำคัญที่สุด The Kaito Files วางจำหน่ายในราคา 30 เหรียญฯ หรือเกือบ 1,000 บาท ซึ่งส่วนตัวคิดว่าเป็นราคาขายที่แพงมาก ๆ และเราเองก็คาดหวังว่าจำนวนคอนเทนต์ที่มาจาก DLC ราคาเกือบพันจะต้องได้เยอะมากกว่านี้
เกมเพลย์
แม้ท่าต่อสู้ Kaito จะรีไซเคิลมาจาก Yakuza 0 แต่เกมการเล่นก็ยังคงสนุกสนาน มีความเร้าใจ ตามสไตล์เกมแนว Beat’em Up และมีความยากท้าทายที่ทุกคนสามารถเข้าถึงได้
ซึ่งความจริงแล้ว ตรงส่วนนี้ไม่ค่อยมีอะไรให้กล่าวถึงมากนัก เพราะเกมเพลย์ก็ยังคล้ายกับเกมภาคหลัก ที่ไม่ได้มีการอัปเกรดอย่างเห็นได้ชัด รวมถึงระบบการแอบติดตามผู้ต้องสงสัย, การสำรวจพื้นที่หาหลักฐาน และการลอบเร้นยังคงมีใน DLC นี้
ยกเว้นแต่เนื่องจาก DLC นี้ไม่มี Side Case ทำให้ระบบ Progression มีการเปลี่ยนแปลงให้เล่นง่ายขึ้น จากเดิม ผู้เล่นสามารถรับค่า Skill Point ใช้อัปเกรดตัวละครได้จากการทำภารกิจเสริม และ Task ย่อยต่าง ๆ แต่ในเนื้อหานี้ ผู้เล่นสามารถรับค่า SP ได้ง่าย ๆ จากการสำรวจพื้นที่เหมือนที่กล่าวไว้ในส่วนของการนำเสนอ
นอกจากนี้ ใน DLC ไม่มีระบบการวิ่ง Parkour และการกระโดดข้ามแพลตฟอร์มต่าง ๆ ซึ่งก็เป็นเรื่องสมเหตุสมผล เพราะ Kaito ไม่ใช่เป็นคนที่มีร่างกายยืดหยุ่นเหมือนกับ Yagami
แต่ด้วยขุมพลังของ Dragon Engine ซึ่งเป็นเอนจินเกมที่ใช้รัน Lost Judgment ทำให้การต่อสู้ยังคงมีความลื่นไหล ตอบสนองได้ดี และสามารถทำคอมโบต่อเนื่องเหมือนเกมต่อสู้ Tekken ซึ่งถ้าหากคุณเล่น Yakuza 0 มาก่อน แล้วมาเริ่มต้นเล่นเกมนี้ ไม่แน่ว่าคุณอาจจะชอบการต่อสู้สไตล์ Bruiser และ Tank ของ Kaito ไม่แพ้ท่าต่อสู้ของ Kiryu
DLC ดีที่ราคาแรงไปหน่อย
Ryu Ga Gotoku Studio แสดงศักยภาพให้เห็นว่าทีมงานสามารถนำตัวละครเสริมที่มีบทบาทน้อยกว่าคาแรคเตอร์หลัก ให้เฉิดฉายได้จากการเขียนเนื้อเรื่องน่าติดตาม มีการเล่าเรื่องสนุกสนาน และนำเสนอภูมิหลังที่ไม่เคยเปิดเผยในเกมภาคหลักมาก่อน
ด้วยราคาขายที่แพง และมีคอนเทนต์เน้นเนื้อเรื่องความยาว 4-7 ชั่วโมงเพียงอย่างเดียว นี่อาจจะไม่ใช่ DLC ที่ต้องเล่นหรือต้องมีให้ได้ แต่ถ้าคุณเป็นแฟนเกม Judgment อยู่แล้ว ประสบการณ์จากการเล่น DLC นี้ ถือว่าได้ความประทับใจที่ไม่เลวเลยทีเดียว
ข้อดี
- เนื้อเรื่องน่าติดตาม มีการเล่าเรื่องสนุกสนาน
- ตัวละครใหม่มีบทบาทน่าจดจำ
- ระบบการต่อสู้ยังสนุกสนานสไตล์เกม Yakuza
- Kaito โดดเด่นชัดเจน ทำให้เรารักตัวละครดังกล่าวได้ง่าย
ข้อเสีย
- ไม่มีภารกิจเสริม เป็น DLC เน้นเนื้อเรื่องเต็ม ๆ
- กระบวนท่าต่อสู้ส่วนใหญ่ของ Kaito รีไซเคิลจาก Yakuza 0
- ราคาแพงมากสำหรับ DLC เนื้อเรื่องที่เล่นจบได้ใน 4-7 ชั่วโมง (Subjective)
คะแนน: 6.5