เปิดปีได้ดีมาตั้งหลายเกม มันต้องมีสักเกมที่แป้กบ้าง แต่ก็ไม่นึกว่ายักษ์ใหญ่จะล้มได้ดังขนาดนี้ จั่วหัวมาขนาดนี้ มันหนักหนาแค่ไหน และนี่คือบทความรีวิว Redfall
Story
Redfall นอกจากจะเป็นชื่อเกมแล้ว ยังเป็นชื่อเมืองบนเกาะเล็ก ๆ แห่งหนึ่ง เกาะแห่งนี้ถูกเหล่าแวมไพร์เข้ายึดครองและคร่าชีวิตผู้คนไปเป็นจำนวนมาก ชาวเมืองบางส่วนพยายามหลบหนีจากเมืองนี้ แต่พวกแวมไพร์ระดับเทพเจ้าก็มาโจมตีเรือจนแตกพ่าย ชาวเมืองหนีตายกันวุ่นวาย ผู้เล่นจะรับบทเป็นหนึ่งในสี่ผู้รอดชีวิตที่ตัดสินใจสู้กลับเหล่าแวมไพร์พวกนี้ความสามารถที่มี พวกแวมไพร์ร่ายมนตร์ทำให้น้ำทะเลที่ล้อมอยู่รอบเกาะกลายมาเป็นกำแพง ตัดขาดตัวเกาะจากโลกภายนอกโดยสิ้นเชิง ตัวเอกของเราจะกลับมายังเกาะ และเข้าช่วยเหลือสถานีดับเพลิงท้องถิ่น ก่อนจะเปลี่ยนมันเป็นศูนย์พักพิงผู้รอดชีวิต และปรึกษาหารือกับประชาชนที่ยังเหลืออยู่เพื่อหาทางสู้กลับ และในเมืองไม่ได้มีแค่แวมไพร์เท่านั้น แต่ยังมีลัทธิบูชาแวมไพร์ที่เป็นมนุษย์ด้วยกันเองอีกด้วย งานนี้สู้ทั้งแวมไพร์ สู้ทั้งคน
สิ่งที่ดีที่สุดในเกม Redfall ก็น่าจะเป็นในส่วนของเนื้อเรื่อง คิดว่าทีมสร้างน่าจะตั้งใจทำเนื้อเรื่องมากกว่าส่วนอื่น ๆ ซะอีก ปกติแล้วเกมที่มีแวมไพร์เป็นศัตรูหลัก มันจะไม่ค่อยบอกที่มาที่ไป หรือบอกว่ามันเกิดอะไรขึ้น ทำไมแวมไพร์ถึงมาบุกโลก หรือถือกำเนิดมาจากไหน แต่เกมนี้นำมาดัดแปลงและนำเสนอใหม่ให้น่าตื่นเต้น และน่าติดตามมาก รวมไปถึงพวกไฟล์เอกสารต่าง ๆ ที่มีในเกมนี้ ถ้ามันอยู่ในพื้นที่ของภารกิจเนื้อเรื่อง ก็จะเป็นการเล่าเรื่องเสริมที่น่าติดตามมาก แต่คุณต้องไม่ขี้เกียจอ่าน เพราะเอกสารหรือไฟล์แต่ละไฟล์นี่มันยาวเอาเรื่อง แถมเยอะมาก ๆ ไปที่ไหนก็เจอ จนบางทีก็งงว่าไอ้ชาวเมืองนี้มันจะขยันเขียนโน้ตอะไรกันขนาดนี้
แถมเนื้อเรื่องบางช่วง ถ้ามันถูกเล่าออกมาได้ดีกว่านี้ มันจะอิมแพคท์และทรงพลังมาก ๆ แต่ทุกอย่างมันดูผิดที่ผิดทางไปหมด ทำให้จุดที่ควรจะพีค ก็กลายเป็นเฉย ๆ มันไม่ได้พังเพราะบทหรือเนื้อหามันไม่ดี แต่ส่วนอื่น ๆ ของเกมมันทำให้เนื้อเรื่องดูไม่น่าสำคัญและน่ารำคาญเอาซะมาก ๆ เล่นไปก็ได้แต่ถามตัวเองไปว่าเมื่อไรมันจะจบสักที
แต่ถึงอย่างนั้น มันก็เป็นการวางโครงเรื่องที่น่าสนใจไว้แค่ช่วงต้น เพราะหลังจากนั้นมันก็คือการดำเนินเรื่องแบบเป็นเส้นตรงเกือบจะทั้งสิ้น แถมเกมนี้เล่าเรื่องได้น่าเบื่อมาก มากชนิดที่ว่าคุณจะอยากกด Skip ในทุก Cutscene เพราะอะไร คำตอบจะอยู่ในหัวข้อถัดไป หรือ Presentation คือมันน่าเสียดายที่เขาดูเหมือนจะเซ็ตติ้งเนื้อเรื่องไว้น่าสนใจมาก ถ้าเล่าดี ๆ นี่มันอาจจะเป็นเกม IP ใหม่ที่สานต่อได้ยาว ๆ เลย แต่ตอนนี้ อย่าว่าแต่สานต่อเลย ฝืนใจเล่นให้จบสำหรับหลายคนก็ยากแล้ว เนื้อเรื่องของเกมนี้มันอาจจะเป็นข้อดีเพียงข้อเดียวที่พอจะไปวัดไปวาได้ เพราะนอกเหนือจากส่วนนี้ ที่เหลือของเกมนี้ก็กลายเป็นหนึ่งในความล้มเหลวครั้งใหญ่และน่าผิดหวังแบบสุด ๆ ของปี 2023 นี้เลย
Presentation
บอกตรง ๆ ตั้งแต่เข้าเกมครั้งแรก คำถามที่เกิดขึ้นในหัวก็คือ มันใช่เกมปีนี้จริง ๆ หรือเปล่า ? ฉากแรกของตัวเกมที่เปิดมาอยู่บนซากเรือ ยังพอโอเค แต่พอกลับมาถึงตัวเมือง เรียกได้ว่าถึงขั้น WTF กับภาพที่เห็น ตอนที่ได้ลองเล่นเกมนี้ครั้งแรก เรามีโอกาสลองเล่นบนเครื่องที่แรงสุด ๆ การ์ดจอระดับ RTX4090 แต่ภาพที่ออกมา มันเป็นภาพประมาณนี้… (ตามภาพด้านบน) แต่ที่เหลือในบทความนี้คือภาพที่อัดจากเครื่องที่ใช้การ์ดจอ 3060 แบบปรับสุด ซึ่ง..ก็ห่วยพอกัน เห็นแล้วพูดไม่ออกเลย เพราะตั้งแต่ตอนที่ผมเห็นเกมนี้เปิดตัว ด้วยความที่ผู้เขียนชื่นชอบเกมแนว FPS Co-op ชอบเกม Open World อยู่แล้ว ส่วนตัวเกมนี้เป็นหนึ่งในเกมที่รอคอยที่สุดในปี 2023 นี้เลย แต่ก็ตามที่เห็น แค่กราฟิกก็ปวดใจแล้ว
Texture รายละเอียด วัตถุ มันดูหยาบมาก เหมือนไม่ได้ขัดเกลาเลย และที่น่าเซ็งมาก ๆ คือเรื่องเงา ตอนแรกผมนึกว่าเราปรับกราฟิกอะไรผิดไปไหม แต่ปรับยังไง เงาที่ได้ มันก็เป็นก้อน ๆ แตก ๆ เบลอ ๆ แบบนี้ สภาพเกมมันดูไม่มีความเป็นเกมยุคใหม่เลยแม้แต่น้อย
นอกจากงานภาพ กราฟิก ระบบต่าง ๆ ภายในเกมก็ดูจะตกยุคไปซะหมด ระบบเกมการเล่นแบบ Open World การเปิดฉาก เปิดแผนที่เพิ่ม ระบบเซฟเฮาส์ที่เหมือนจุดเช็คพอยท์และ Fast Travel ได้ในตัวเอง ใครเล่นพวกเกม Ubisoft มาเยอะ ๆ ระบบนี้น่าจะเอียนกันหมดแล้ว และคุณต้องเจอระบบเหล่านี้ในเกมนี้กันอีกรอบ และถึงแม้ว่ามันจะเป็นเกม Open World แแต่มันกลับเป็นอีกหนึ่งเกม Open World ที่กลวงมาก มันกว้างใหญ่ มันมีสถานที่ต่าง ๆ หลากหลายแบบ ป่าเขา ที่โล่ง ตัวเมือง ประภาคาร แต่เอาเข้าจริง มันมีอะไรให้สำรวจน้อยมาก ๆ เวลาเข้าเมืองที่มีบ้านเยอะ ๆ มันก็เข้าได้แค่ไม่กี่หลัง และที่เข้าไปได้ ส่วนมากก็มีไอเทมอยู๋ไม่กี่ชิ้นให้เก็บ หรือบางบ้านที่มาตอนทำภารกิจก็คือสคริปท์ไปเลย ส่วนตัวเกมมีแผนที่สองโซน โดยโซนที่สองจะปลดล็อคไปตามเนื้อเรื่อง
และที่ใจสุด ๆ เลยคือคัทซีน คิอผ่านเกม AAA มาหลายเกม แต่นี่คือเกม AAA ราคาสองพันกว่า ๆ ที่ไม่ลงทุนกับคัทซีนเลย เกมอื่นคัทซีนจะเป็นพวกซินิมาติก หรือฉากเคลื่อนไหวอะไรก็ว่ากันไป เน้นเท่ อลังการ ให้ผู้เล่นเอ็นจอยในอีกอรรถรสนึง หลังจากลุยเกมเพลย์กันมา แต่ Redfall กลับใช้คัทซีนเป็นภาพนิ่ง เล่าเรื่องเหมือนหนังสือการ์ตูนแบบสี ที่เหมือนขี้เกียจลงสีด้วย ทำแบบเปิดกันหน้าต่อหน้า เฟรมต่อเฟรม คือส่วนตัวนี่มันไม่ไหวจริงสำหรับเกมนี้ อย่างที่บอกว่าเนื้อเรื่องเขาทำดีมาก แต่มันไม่ชวนให้เข้าถึงหรือติดตามเลย คัทซีนก็มีแต่ฉากอะไรก็ไม่รู้ ยิ่งพอทำแบบนี้มันยิ่งทำให้อยากกด Skip เข้าไปอีก อันนี้พูดแบบเป็นกลาง หลายคนอาจจะโอเค แต่สำหรับผู้เขียนนั้น ต่อให้ทำเป็นแบบหนังสือการ์ตูน ภาพนิ่งแบบนี้ แต่ราคาเกมตั้งขนาดนั้น คิดว่ามันทำได้ดีกว่านี้นะ นี่คือเกมที่ราคาแพงกว่า Dead Island 2 หรือ Atomic Heart อีก คือถ้าเทียบกับภาพรวมทั้งหมดเนี่ย มันอาจมีหลายข้อที่เทียบกันไม่ได้ แต่ถ้าเอาแค่คัทซีน คุณภาพกราฟิก บอกเลย Dead Island 2 กับ Atomic Heart กินขาดกว่าแบบไม่เห็นฝุ่น ที่ผมแปลกใจก็คือ ตอน Cinematic Trailer หรือตัวอย่างโปรโมทของเกม มันดูดีมาก มีความเป็นภาพยนตร์ มีความน่าเล่น ไม่เชื่อลองไปหาดูกันได้ แต่พอเกมจริง ไหงมันออกมาเป็นแบบนี้ได้ล่ะ
การ Customize ตัวละคร อันนี้ก็ตลกมาก คือตอนสร้างตัวละคร มันมีเมนูให้เราปรับแต่งตัวละครได้ แต่พอกดเข้าไปดู อ้าว ล็อคทั้งแผง วิธีการปลดล็อค ถ้าคุณไม่จัดตัวแพงของเกมมาแต่แรกก็ไปเล่นปลดล็อคเอา แล้วจะใส่มาให้ปรับทำไมก็ไม่รู้ และของแต่งตัวละครในเกมนี้ จะได้มาก็ต่อเมื่อคุณทำภารกิจหลัก ทำภารกิจรอง เก็บเลเวล และอื่น ๆ โชคดีที่ส่วนใหญ่ ทำภารกิจก็ปลดล็อคได้ เพราะถ้ามันเอาของพวกนี้ไปไว้ในาภารกิจรองหรือการสำรวจอีก คิดว่าคงไม่มีใครไปหามาใช้หรอก มันไม่คุ้ม แต่งสวยงามอย่างเดียว แต่ดีไซน์โลกในเกมมาได้แย่มาก
Progression กับระบบของตัวเกม ใครเคยเล่นเกม Open World มาเยอะ ๆ คุณจะทำความเข้าใจกับมันได้ไม่ยาก แต่มันถูกเอามาดัดแปลงใหม่ ซึ่งแน่นอน ไม่ได้ทำให้มันดีขึ้น แต่ทำให้มันน่ารำคาญแทน อย่างเมืองแรก เวลาเราจะไปไหนมาไหน เราจะโดนไอ้หมอกสีแดง ๆ นี่ขวางทางไว้ เราต้องหาปืนประเภท UV Beam มายิงเจ้าตัวปล่อยหมอกนี้ให้แข็งเป็นหินแล้วเอาปืนยิงทิ้ง หรือเข้าไปกดทุบทิ้งอีกที หมอกก็จะหายไป แต่การทำแบบนี้ ต้องจากเปิดทางไปต่อแล้ว มันไม่ได้อะไรขึ้นมาเลย เสียกระสุน เสียเวลาโดยใช่เหตุ แถมรางวัลก็ไม่มีให้ด้วย คือเหมือนเขาไม่รู้วิธีจะจำกัดเส้นทางผู้เล่นยังไงเลยใช้วิธีนี้แทน ซึ่งบอกเลยว่า มันน่ารำคาญมากกว่าน่าพยายามหาเส้นทางไปต่อ
การจะปลดล็อคเซฟเฮาส์เพื่อใช้เซฟเช็คพอยท์หรือ Fast Travel หลัก ๆ เลยเราก็ต้องหาเครื่องปั่นไฟ แล้วเปิดการทำงานมัน บางบ้านก็เปิดได้เลย บางบ้านก็เอากุญแจไปซ่อนไว้ตามหลืบ ตามมุม บางบ้านก็ต้องใช้ Lockpick เท่านั้น คือมันพยายามสร้างอุปสรรคที่ไม่จำเป็นให้กับผู้เล่น และมันไม่สร้างสรรค์หรือชวนให้สนุกเลยแม้แต่น้อย
และตลอดทั้งเกม ไม่ว่าจะเป็นภารกิจหลัก หรือภารกิจรองก็มักจะมีแต่แนวทางซ้ำ ๆ คือบุกไปยังสถานที่นึง เอาคีย์ไอเทมออกมา ไม่ก็กำจัดศัตรู แล้วเอากลับไปส่ง จบ เกือบทั้งเกมมีอยู่แค่นี้ และที่หนักกว่านั้นคือดีไซน์ศัตรู คือไม่คิดว่ามันจะแย่ได้ขนาดนี้ ไม่ว่าจะเป็นศัตรูที่เป็นพวกมนุษย์หรือแวมไพร์ หน้าตามันเหมือนกันหมดแทบจะตลอดทั้งเกม แค่อึดขึ้น แถมชื่อเดิมด้วย เออ เอาสิ โดยนอกจากดีไซน์มันจะซ้ำ ๆ กันแล้ว การออกแบบพลังแวมไพร์แต่ละตัว มันก็ยังน่ารำคาญมาก ไม่ได้ท้าทายหรือชวนให้อยากเล่นต่อเลย
ถ้านับในส่วนของ Presentation ข้อดีข้อเดียวที่เราพยายามจะมองจากหลาย ๆ มุมและนึกภาพออก คือเขาเซ็ตติ้งบรรยากาศเมืองและโลกของเกมนี้มาดีมาก แต่ก็นั่นแหละ มีดีแค่เซ็ตติ้ง นอกนั้นภาพรวมของเกมนี้ในด้านการนำเสนอคือไม่น่าสนใจเลยแม้แต่น้อย เอาแค่กราฟิก คิดว่าหลายคนก็คงโบกมือลาแล้ว นึกว่าเกมอินดี้ราคา 4-5 ร้อย สำหรับชั่วโมงการเล่น ถ้าคุณดิ่งเนื้อเรื่องรัว ๆ ไม่สำรวจ ไม่อะไร คุณก็อาจจะจบเกมได้ในเวลา 12-15 ชั่วโมง ถ้าสำรวจก็เกินแน่ ๆ แต่ก่อนที่จะบอกว่าชั่วโมงการเล่นมันคุ้มหรือไม่คุ้ม เอาแค่ให้คุณอยู๋กับเกมนี้ได้เกิน 1 ชั่วโมงแรกได้ ผมก็ถือว่าสุดยอดแล้ว ย้ำอีกที นี่คือเกมราคา 70 เหรียญ ที่ออกมาในปี 2023 ถ้ามันไม่ใช่ราคานี้ เราอาจจะลดการสับแหลกให้มันน้อยลงกว่านี้ แต่อันนี้ไม่ได้จริง ๆ คะแนนที่ให้ในหมวดนี้คือการออกแบบเซ็ตติ้งเมืองเนี่ยแหละ นอกนั้นแทบไม่ไหว
Gameplay
ในด้านของเกมเพลย์ ตอนมันเปิดตัวครั้งแรก ภาพในหัวคือ มันต้องเป็น Far Cry ไม่ก็ Left 4 Dead ในแบบฉบับ Open World และมีระบบ RPG ในระดับ Borderlands แน่ ๆ มันน่าจะเจ๋งมาก แต่พอได้เล่นจริง ในหัวมีแต่คำถาม อิหยังวะ เต็มไปหมดในแต่ละส่วนที่ต้องเจอระหว่างการเล่นเกมนี้
เริ่มจากตัวละครของเราก่อน นอกจากอาวุธที่เราสามารถติดตั้งได้ 3 กระบอกแล้ว ตัวละครแต่ละตัวยังมีสกิลเฉพาะและความสามารถประจำตัวที่ต่างกันด้วย เพื่อเอื้อประโยชน์ตอนเล่น Co-op ส่วนตัวผมได้เล่นไปสองตัวคือ Jacob มือสไนเปอร์และ Remi สาวเทคโนโลยีที่มาพร้อมหุ่นยนต์คู่ใจ และบอกตรง ๆ ผมรู้สึกว่าสกิลของเกมนี้มันไม่ค่อยมีประโยชน์เอาซะเลย หรือเอาจริง ๆ มันจะมีประโยชน์เต็มที่ ถ้าเราเล่นด้วยกัน หรือ Co-op กัน โดยทุก ๆ การเลเวลอัป เราจะได้แต้ม Skill Point มาอัปเกรดสกิลและความสามารถของตัวละคร ที่ทำมาเป็น Skill Tree แบ่งสายกันชัดเจน ว่าสายนี้ อัปต่อไปแล้วจะได้อะไรบ้าง จริง ๆ ถ้าขยันเล่น ขยันฟาร์ม จะอัปหมดทุกสายเลยก็ได้ แต่จะเบื่อก่อนไหม นั่นก็อีกเรื่องนึง
ในโลกของเกมนี้จะมีภารกิจหลักและภารกิจรอง เราจะเลือกทำอะไรก่อนก็ได้ แต่จะมีจุดนึงที่เราต้องไปไล่ทำภารกิจรองเพื่อปลดล็อคคีย์ไอเทม ที่ผมงงก็คือ หน้าเมนูภารกิจมันออกแบบมาแบบนี้ เหมือนเส้นเรื่องเวลาเราเล่นเกม Interactive แต่สุดท้ายก็ต้องทำหมดนั่นแหละ ถึงจะผ่านไปได้ อีกประเภทของภารกิจที่ผมชอบและจำเป็นต้องทำ คือทุกครั้งเวลาเราไปเซฟเฮาส์ใหม่ ๆ นอกจากภารกิจเฉพาะจุดนั้นแล้ว ยังมีภารกิจที่ให้เราไปล่าเหล่า Vampire Underboss หรือก็คือพวกแวมไพร์ระดับสูง คือมันดูมีอะไรให้ทำเยอะดี แต่สุดท้ายมันก็พังตรงที่ว่า การออกแบบมันก็คือศัตรูตัวเดิม ๆ ท่าเดิม ๆ นั่นแหละ เปลี่ยนชื่อไปงั้นเอง วิ่งไปเจอหน้า ยิง ๆ ๆ จบ.. คือดีไซน์ขั้นตอนการรับภารกิจน่าสนใจ แต่เกมเพลย์จืดสนิท
รูปแบบการต่อสู้ของเกมนี้ คือยิง ยิง และยิงเท่านั้น มันให้อารมณ์คล้าย ๆ กับเกมอย่าง Borderlands เลย แต่ห่วยกว่าในทุกตรง เกมนี้จะมีความเป็นเกม RPG อยู่ อาวุธทุกชนิดจะมีเลเวล มีเกรดสี แบบเกม RPG ทั่วไปเลย และมันจะ Generate ตามเลเวลของเราด้วย เช่นตัวละครเราเลเวล 10 อาวุธที่เราดรอปมาก็จะมีเลเวล 10 หรืออาจจะบวกลบไม่เกิน 1-2 เลเวล ส่วนเกรดสี ก็ตามสเตปเกม RPG เลย ไล่ไป ขาว เขียว ฟ้า ม่วง ทอง ยิ่งสูงออปชั่นเสริมที่มากับอาวุธก็ยิ่งเยอะ และนอกจากอาวุธตัวละครเรายังมี Blood Remnant หรือก็คือไอเทมที่เอาไว้เพิ่ม Max HP เราโดยเฉพาะ
ฟังดูเหมือนจะเป็นเกม RPG Open World ทั่วไป ซึ่งแค่ธรรมดามันก็อาจจะทำให้หลายคนตัดสินใจยากมากแล้ว แต่มันมีอีกหลายอย่างที่ทำให้เกือบ 20 ชั่วโมงของผมในการเล่นเกมนี้มันไม่มีความสุขเอาซะเลย อย่างแรกเลยคือเรื่อง A.I. / A.I. ของเกมนี้เนี่ยคือที่สุดแล้ว ผมเล่นเกมมาก็หลายเกม ยังไม่เคยเห็น A.I. เกมไหน เอ๋อเท่าเกมนี้มาก่อน คือดูจากการวิ่ง การแอ็คชั่นของมัน เหมือนคำสั่งมันเป็นเส้นตรงเกินไป ต้องหาที่กำบังก่อนถึงจะยิงโจมตีเราได้ บางทีผมวิ่งเข้าไปอยู๋ตรงหน้ามันเลย มันเห็นผมนะ แต่เดี๋ยวก่อน ขอหาที่กำบังแปป อ๊ะ เจอล่ะ มา ยิงสู้กัน และมันไม่ใช่แค่ครั้งสองครั้ง แต่ A.I. เกือบทุกตัวในเกมที่เป็นมนุษย์จะมีอาการแบบนี้หมด แต่เห็นมันโง่ ๆ แบบนี้ อย่าได้โดนมันยิงเชียว บอกเลย วูบเพราะห้าวไป หลายรอบมาก จนหัวร้อนเลยก็มี
และศัตรูอีกประเภทนึงก็คือแวมไพร์ อันนี้มาแบบบ้าคลั่งเลย ผมรู้สึกว่าศัตรูที่เป็นแวมไพร์มันโหดมาก มันรวดเร็ว มันตีแรง มันเอาเราตายได้ทุกเมื่อ และมันยังมีพวกแวมไพร์ตัวพิเศษ ที่มีท่าสุดโหดอย่างดูดเลือดเราต่อเนื่อง ยิงเราจากระยะไกล แถมมันพุ่งไปพุ่งมาได้โคตรเร็ว คือขนาดผมเล่นด้วยเมาส์ยังรู้สึกว่าสู้กับมันลำบากมาก แล้วคนใช้จอยมันจะขนาดไหน และมันจะยิ่งงามไส้สุด ๆ ถ้าเราเจอศัตรูที่เป็นคนและแวมไพร์พร้อม ๆ กัน บอกเลยแทบจะปาเมาส์ ปาคีย์บอร์ดกระจาย สมดุลเกมเพลย์นี่เป็นอีกสิ่งที่หาไม่เจอในเกมนี้เหมือนกัน
นั่นเพราะว่าเกมนี้มันไม่ได้ทำให้ความยากคือความแฟร์เหมือนเกมอื่น ๆ อย่างที่ผมบอกว่าเกมนี้เหมือนมัน Generate เลเวลศัตรูกับเรา และอาวุธที่ดรอปให้เท่า ๆ กันหมด ข้อดีคือเกมมันตื่นเต้นตลอดเวลาแน่ ๆ แต่กับเกมนี้มันไม่ใช่ ตลอดเวลาการเล่น ผู้เล่นจะไม่ได้รู้สึกว่าตัวละครเราเก่งขึ้นเลย สกิลมีเท่าเดิมก็จริง อัพเกรดได้ก็จริง แต่ก็ไม่แรงพอจะจัดการศัตรูแบบง่าย ๆ อาวุธปืนนี่ยิ่งแล้วใหญ่ ตอนแรกดีใจ โอ้โห ปืนใหม่เลเวล 20 30 กว่า ๆ ยิงแวมไพร์มัน ๆ แน่ ชักสไนมายิงหัวแวมไพร์ โป้ง นัดเดียวไม่ตาย แล้วมันวิ่งมารุมเราต่ออย่างเร็ว และในขณะที่แวมไพร์พุ่งใส่เราได้ แต่เรากลับไม่มีอะไรหลบหลีกหรือป้องกันตัวเองได้เลย เรียกได้ว่าถ้าหลบไม่พ้น โดนเต็ม ๆ งานนี้มียาปั๊มแค่ไหนก็รอดยาก เพราะปืนที่เรายิงก็ต้องรีโหลด มีกระสุนจำกัดด้วย ผมไม่รู้ว่าตอนออกแบบเกม ทีมสร้างเขาได้ลองเล่นกันบ้างไหม แต่บอกเลยว่าเกมเพลย์ และความยากของเกมนี้ มันไม่สนุกเอาซะเลย มันไม่ได้ทำให้เรารู้สึกอยากเล่นต่อเลย จะฟาร์ม จะออกสำรวจไปทำไม ในเมื่อตัวละครเรามันแทบจะไม่ได้เก่งขึ้นเลยจริง ๆ
Gunplay และอาวุธของเกมนี้ก็แปลกมาก ในการต่อสู้กับมนุษย์ด้วยกัน มันไม่ยาก ยิงมันให้เลือดหมดมันก็ตาย แต่กับแวมไพร์เนี่ย พอเรายิงมันจนเลือดหมด เราต้องใช้ปืนที่มีลิ่มไม้ติดอยู่ตรงปากกระบอกปืนเข้าไปทิ่มมันอีกที โอเค เข้าใจได้ มันเป็นแวมไพร์ แต่ทุกปืนไม่ได้มีลิ่มไม้ติดไว้ มันทำให้เวลาเราเจออาวุธดี ๆ แต่ไม่มีลิ่มไม้ มันออกแนวแบบ ทำยังไงกับชีวิตดีวะ อย่างปืนพกที่ดาเมจสูงมาก สูงกว่าปืนไรเฟิลซะอีก โคตรงง ยิงนัดละ 2-3 พัน แต่พอยิงแวมไพร์จนเลือดหมด อ้าว ต้องวิ่งเอาปืนลูกซองหรือไรเฟิลที่มีลิ่มไม้วิ่งไปแทงซ้ำ เพื่อ !? หรือยอ่างปืนสไนเปอร์ไรเฟิลงี้ ลำพังยิงนัดเดียวไม่ตายก็แย่แล้ว ถ้ายิงแวมไพร์จากระยะไกล มันก็ฟื้นขึ้นมาเพราะไม่ได้เอาลิ่มไปแทงมันอยู๋ดี คือเขาออกแบบเกมเพลย์มาได้แบบอิหยังวะแทบจะตลอดการเล่น
ยังไม่พอ ระบบเช็คพอยท์กับเกมนี้ก็ห่วยมาก คือทั่วทั้งแมปเราจะมีเซฟเฮาส์เอาไว้พักเติมกระสุน เติมยา หรือเวลาที่เราพลาดท่าตาย เราจะเกิดใหม่ที่เซฟเฮาส์ใกล้เคียงที่เราปลดล็อคไว้ แต่ทำไมเวลาเราออกเกม หรือเลิกเล่นเกมนั้นแล้วเข้าใหม่ ทุกครั้งที่กลับเข้ามา เราจะต้องไปเกิดที่ฐานใหญ่สุดของเราในแมปนั้น ต่อให้ตอนออกเกม คุณจะอยู๋ในเซฟเฮาส์ที่ใดก็ตาม แต่ถ้าเข้าใหม่ คุณจะโดนย้ายไปอยู่ฐานใหญ่เท่านั้น คือแบบ ทำไมอะ ทำมันไม่อยู่ที่ใกล้เคียง ต่อให้เรา Fast Travel กลับไปที่เซฟเฮาส์นั้นได้ แต่ทำไมมันต้องกลับมาฐานใหญ่ทุกครั้งที่เข้าเกมใหม่ด้วย มันมีเหตุผลอะไรให้ทำแบบนี้ อันนี้ผมเจอมากับตัวเอง คือตอนเล่นเกมไปทำภารกิจในจุดที่ไกลมาก แล้วไม่ได้ปลดเซฟเฮาส์ไว้ ปรากฎว่าตาย หัวร้อน Rage Quit ออกเกมซะ กลับเข้ามาจะไปทำใหม่ โน่นเลย เดินกันขาลาก เพราะไม่มีเซฟเฮาส์ปลดไว้ให้ Fast Travel ไป โอเค อันนี้ผมหัวร้อนเอง แต่ถ้ากรณีเกมหลุด เกมเด้งนี่ ผมว่าเลวร้ายไม่ต่างกันแน่ ๆ
คือพูดตรง ๆ เลยว่า ผมไม่รู้จะหาคำชมส่วนไหนมาให้ในส่วนของเกมเพลย์ดี ปกติผมเป็นคนที่ใจกว้างมาก และเป็นพวกเอ็นจอยกับเกมได้ง่ายสุด ๆ แต่กับเกมนี้ พยายามยังไงก็หาข้อดีของมันไม่เจอ และอย่าถามว่าผมบ่นยับขนาดนี้ ทำไมถึงเล่นไปตั้ง 20 กว่าชั่วโมง คำตอบก็คือ เพื่อรีวิวตัวนี้นี่ ผมจะได้มั่นใจว่าเราเล่นมันจริง ๆ แล้วถึงจะมารีวิวให้ได้ดูกัน
บอกไปใครจะเชื่อว่านี่คือผลงานของ Arkane ผู้สร้าง Dishonored, Prey, Deathloop โดยเฉพาะ Deathloop นี่หลายสื่อยกให้ 10/10 กันเยอะมาก แต่พอมาเกมนี้ ไม่รู้เกิดอะไรขึ้นกับทีมนี้ จะด้วยความไม่ถนัด หรืออะไรก็ตาม แต่ปฏิเสธไม่ได้เลยว่ามันน่าผิดหวังครับ น่าผิดหวังมาก ณ วันที่วิดีโอรีวิวตัวนี้ปล่อย ก็มีข่าวว่าทีมงาน Arkane เขาเริ่มย้ายไปทำเกมใหม่กันแล้ว จริง ๆ มันมีข่าวลือมาตั้งแต่ปลายปี 2022 แล้วว่าพวกเขากำลังทำงานกับเกมใหม่ที่ยังไม่ประกาศเปิดตัว ดังนั้น เลิกหวังว่ามันจะมีการปรับปรุง หรือแพทช์ใหญ่ ๆ มาแก้ แต่เกมมันยังมี DLC เตรียมปล่อยอีก ก็คงต้องปล่อยมาให้ครบนั่นแหละ
นี่คือผลงานเกมราคา 70 เหรียญ ที่บอกได้เลยว่า ไม่สมกับราคาอย่างมาก ใครเล่นบน Xbox Game Pass ก็โชคดีไป นี่อาจจะเป็นเซสชั่นรีวิวส่วนเกมเพลย์ที่เราบ่นเยอะมากที่สุดเท่าที่เคยได้รีวิวเกมมาเลย อย่างน้อยก็ถือได้ว่าผมได้สัมผัสกับเกมนี้ไปแบบเต็ม ๆ ใครที่คิดจะเล่น บอกได้แค่ว่าปีนี้ยังมีเกมอื่น ๆ อีกมากมาย รอวางจำหน่ายอยู่นะครับ บอกแค่นี้
Performance
บ่น Presentation ไปแล้ว บ่น Gameplay ไปแล้ว ส่งท้ายกันที่ Performance กันต่อ สำหรับบนคอนโซล ไม่ต้องสืบ ทัวร์ลงยับกันไปตั้งแต่ประกาศว่าล็อก 30 เฟรมกันไปแล้ว และเราเล่นเกมนี้กันบน PC เป็นหลัก ก็บอกเลยว่าแม้จะไม่ได้หนักหนาอะไร แต่ก็ย่ำแย่เอาเรื่องอยู่เหมือนกัน เครื่องที่ผมใช้เล่นเป็นเครื่องส่วนตัว ก็คือ i5 12400f – rtx3060 รุ่นที่มี VRAM 12GB – ram 32gb ผมเล่นแบบปรับสุดทุกอย่างที่ความละเอียด 2K ถามว่าเล่นได้ไหม เล่นได้ ลื่นด้วย แต่จะมีปัญหากันหน่อยตรงที่เฟรมเรทดรอปไม่มีเหตุผล และทุก ๆ การเข้าไปฉากใหม่ ๆ จะกระตุกแบบเห็นได้ชัดเลย
จริง ๆ ลองลด Preset Graphic ลงมาที่ High แล้ว แต่ไม่รู้ทำไม เล่น High มันได้เฟรมเรทน้อยกว่า Epic หรือปรับสุดซะงั้น ผมเลยเล่นที่กราฟิกระดับ Epic แทน เพราะเฟรมเรทที่ดรอป มันไปวิ่งอยู่ที่ 45-50 ไม่ได้แย่ถึงขั้นเล่นไม่ได้ แถมหนักกว่านั้นคืออาการโหลด Texture ไม่ทัน วิ่ง ๆ ไปอยู่ดี ๆ ต้นไม้เอย เงาเอย โหลดตามมาทีหลังให้เห็นกันบ่อยมาก ๆ
ที่มันมีปัญหาเพราะ ปรับภาพยังไง ภาพมันก็ไม่สวย มันเป็นปัญหาจากกราฟิกและการแสดงผลมันอยู่แล้ว และมีหลายช่วงเลยที่เกิดอาการภาพบั๊ก บั๊กแบบโต้ง ๆ เห็นกันจะจะ แอนิเมชั่นหลุดลอยไปหมด ตัวอยู่ห่างศัตรูตั้งไกล แต่เอาลิ่มแทงโดนซะงั้น โชคดีที่ปัญหา Performance เกมนี้มันอยู่ที่เฟรมเรทล้วน ๆ เพราะไม่มีอาการแครช เกมเด้ง เออเร่อใด ๆ ให้เห็นเลย
ส่วนของการตั้งค่าก็ปรับอะไรได้น้อยมาก ๆ ใช้คำว่าปรับแทบไม่ได้เลยน่าจะดีกว่า นอกจากความยาก การแสดงเลขดาเมจ ส่วนอื่น ๆ ก็คือมันให้มาแบบไหนก็เล่นไปแบบนั้นแหละครับ มีที่โอเคหน่อยก็พวกปรับขนาดฟอนต์ ซับไตเติล ปรับสีอะไรได้ นอกนั้น ทื่อมาก
Performance ในส่วนของ PC นี่ ใครคอมแรง เล่นได้ก็ถือว่าโชคดีไป และผมโชคดีที่มันรันได้ แต่ก็แย่อยู่ดี ส่วนบนคอนโซลหรือเครื่องอื่น ๆ ก็น่าจะต้องไปทดสอบกันด้วยตัวเอง
ปกติเราจะไม่อยากเปรียบเทียบกันระหว่างเกมสักเท่าไร แต่พอคิดได้ว่าปี 2023 นี้ เราได้สัมผัสเกมเจ๋ง ๆ มาหลายเกมมาก มันก็อดไม่ได้จริง ๆ ที่จะต้องบอกว่านี่คือผลงานที่ทั้งน่าผิดหวังและล้มเหลวอย่างมาก ในช่วงท้ายปี ถ้าจะมีการคัดเลือกเกมเด่นเกมดังประจำปีในกรณีเกมดี เราอาจจะเลือกลำบาก เพราะมีหลายเกมเหลือเกินในปีนี้ แต่ถ้าเป็นเกมแย่ อย่างน้อย ๆ ตอนนี้เรายัด Redfall เข้าไปในลิสต์นั้นเรียบร้อยแล้วครับ