BY Aisoon Srikum
21 Mar 24 6:00 pm

รีวิว Rise of the Ronin ซามูไรไร้นายกับสงครามทางการเมืองในญี่ปุ่นปลายยุคเอโดะ

3,366 Views

เรื่องราวของโรนิน หรือซามูไรไร้นาย ถูกหยิบมาเล่าอีกครั้งในรูปแบบของวิดีโอเกม แถมเป็นจากสตูดิโอผู้สร้างเกมโซลเสียด้วย มันจะเป็นยังไง ขอเชิญพบกับบทความรีวิว Rise of the Ronin

Story

ญี่ปุ่นในช่วงกลางศตวรรษที่ 19 หรือช่วงปีสุดท้ายของยุคเอโดะ ญี่ปุ่นยังปกครองด้วยระบอบโชกุน และมีต่างประเทศเข้ามามีบทบาทและอำนาจ แม้เบื้องหน้าประเทศจะดูสงบสุขดี แต่เบื้องหลัง เหล่าประชาชนที่ไม่พอใจกับการปิดประเทศและมีชาวต่างชาติเข้ามาด้วยก็เริ่มรวมตัวกันต่อต้านรัฐบาลโชกุน แต่รัฐบาลเองก็ดูเหมือนจะรู้เรื่องนี้ จึงส่งกองกำลังไปไล่สังหารเหล่าผู้ต่อต้านจนเกือบหมด ผู้เล่นจะได้รับบทตัวเอกไร้ชื่อที่อยู่กับพี่น้องฝาแฝด ขณะที่กำลังจะโดนฆ่าก็ได้หัวหน้ากลุ่มดาบอำพรางช่วยชีวิตไว้ และเก็บไปเลี้ยงจนเติบใหญ่ คอยทำงานให้กลุ่มนี้มาตลอด ผู้เล่นสามารถสร้างตัวละครได้สองตัว ทั้งชายและหญิง ดีไซน์เอาเองได้เลย เอาเป็นว่าในส่วนของเรื่องราวต่อจากนี้ เราจะขอละไว้ เพื่อไม่ให้เป็นการสปอยล์ แต่เราจะรีวิวถึงภาพรวมของเนื้อเรื่องและการเล่าเรื่องของเกมกัน

แม้จะเปิดตัวด้วยความตื่นตาตื่นใจ แต่เมื่อเล่นไปเรื่อย ๆ ผมรู้สึกว่านี่คือเกมที่เนื้อเรื่องมึนมาก อันนี้บอกเลยว่า ผมไม่รู้เหตุการณ์ต่าง ๆ ในประวัติศาสตร์สักเท่าไรนัก ดังนั้นเรื่องความผิดถูก หรือการดัดแปลงเนื้อหาจากเรื่องจริงก็ขอละไว้ด้วย แต่การเล่าเรื่องของเกมนี้มันจะทำให้คุณรู้สึกแปลก และสงสัยตลอดเวลาว่า ทำไมมันเล่าเรื่องแบบนี้ ยกตัวอย่างเช่น ตัวละครหนึ่งก่อนหน้านี้แทบจะฆ่ากันตายอยู่แล้ว ผ่านไปไม่กี่ภารกิจ อ้าว ดีกันเฉย มาร่วมทีมกับเราซะอย่างนั้น ตัวละครที่คิดว่าโหดแน่ น่าจะเป็นไฟท์ที่ตึงมือหรือเป็นบอสที่ทำให้เกมน่าจดจำ มันก็ดันถูกส่งเข้ามาเป็นแค่บอสอีกตัวที่ให้เราสู้ ความอิมแพคท์ที่ได้รับก่อนหน้านี้ เหมือนผ่านมาแล้วผ่านไปเลย หรือแม้กระทั่งจุดที่ควรจะพีคทั้งหลายของเกมนี้ หลายจุดมากที่เขาบิ้วมาดี แล้วก็โยนมันทิ้งเล่น ๆ ซะอย่างนั้น บางช่วงมีบิ้วไม่สุดซะด้วย แถมโยนทิ้งซ้ำไปอีก

แต่ถึงอย่างนั้นมันก็มีหลายฉากที่ทำออกมาได้ดี ชนิดที่ว่าวางจอยไม่ลง เพราะลำพังการมีซับไทยมันก็ทำให้เราอินกับเนื้อเรื่องได้มากพออยู่แล้ว แต่ก็มีจังหวะลุ้นว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นให้เราคาดเดากัน ผลออกมามีทั้งที่ตรงกับที่คิดไว้ และหักมุมกันแบบเอาเรื่องเหมือนกัน ก็ถือว่าทีมสร้างพยายามกันเต็มที่แล้วในการนำเสนอเนื้อหาในเกม อาจจะมีบางช่วงที่เรารู้สึกแปลกไปบ้าง แถมบางประเด็นเหมือนเขียนมาแล้วลืมสานต่อ แต่ก็ยังถือว่าส่วนของเนื้อเรื่องนั้นค่อนข้างน่าติดตามตั้งแต่ต้นจนจบเกม เพราะเราเดาอะไรไม่ได้เลย จนกว่าจะไปถึงจุดที่มันเฉลย

Presentation

มาถึงหัวข้อที่เราแซวกันตั้งแต่ก่อนเกมออก และพอเปิดจริง มันก็ดันเป็นแบบที่แซวไว้จริง ๆ แม้ผมจะไม่ได้อยากพูด แต่เพราะมันคือสิ่งที่เกมนี้นำเสนอมา Rise of the Ronin เป็นหนึ่งในเกมที่ผมผิดหวังกับด้านงานภาพและกราฟิกมาก ๆ หลายสิ่งหลายอย่าง และหลายฉากนี่เห็นแล้วรู้เลยว่าเขาไม่ได้ใส่ใจจะเก็บตกรายละเอียดหรือทำมันออกมาให้ดูดี แต่ในอีกแง่ มันก็ทำให้เรารู้สึกว่า นี่คือญี่ปุ่นยุคโบราณจริง ๆ บ้าน อาคารต่าง ๆ ในเกมนี้ ถ้าไม่นับสถาปัตยกรรมจากฝั่งตะวันตกเนี่ย มันดูเก่า ดูโทรมมาก ทั้งวัดเอย บ้านช่องผู้คนเอย เห็นแล้วก็แบบ เก่าจริง เก่ามาก บางอันเก่าจนเหมือนไม่ได้ขัดเกลาอะไรเลย ศาลเจ้างี้ โทรมสุด ๆ

ด้วยความที่มันเป็นยุคที่ต่างประเทศเข้ามาตั้งถิ่นฐาน ตั้งรกร้างในญี่ปุ่น เราจะได้เห็นสถาปัตยกรรมของสองประเทศตั้งอยู่ร่วมกัน ก็ดูแปลกตาและสวยงามไปอีกแบบหนึ่ง ภายในเกมมันก็ไม่ได้มีแค่ฉากตัวเมือง ชุมชน หมู๋บ้านเท่านั้น พื้นที่ผ่อนคลายอย่าง่ยานเริงรมย์ หรือแม้แต่วัดวาอารามต่าง ๆ ก็มีให้เห็นและไปสัมผัส มันยิ่งทำให้น่าเสียดายว่า ทำไมเขาถึงไม่ใส่ใจกับเรื่องงานภาพเลย เพราะถ้าทำได้ดีกว่านี้ ผมว่าโลกในเกมนี้มันน่าสนใจกว่า Ghost of Tsushima ซะอีก แต่พองานภาพมันไม่ได้ อันนี้ยกไปเทียบยังไงหมัดนี้ Ghost of Tsushima ก็ชนะขาดลอย บวกกับพวกวัตถุสิ่งของในฉากมันดูเบาหวิวมาก เวลาเราขี่ม้า วิ่งไปชนอะไรสักอย่าง มันพังกระจุยกระจายเลยอะ ผมเล่นไปก็สงสารชาวบ้าน ร้านรวงข้างทาง ชนแหลก แต่แทนที่มันจะสมจริง มันดันดูตลกเฉย

และตามสเตปเกม Open World นี่คือเกมที่เราเดินได้ไม่กี่ก้าว ขี่ม้าได้ไม่กี่เมตร ก็มักจะมีอะไรมาดึงดูดความสนใจของผู้เล่นเสมอ ไม่ว่าจะเป็นธงดาบอำพรางที่เกมนี้ใช้เป็นจุด Fast Travel ศาลเจ้า วัดวาอาราม หรือแม้แต่ศัตรูที่เกมระบุว่าเป็นผู้ร้ายหนีคดีให้เราไปตามจัดการเพื่อรับของรางวัล ใครชื่นชอบเกมแนว Open World ที่มีอะไรให้ทำเยอะมาก คุณก็จะชอบเกมนี้ แต่มันจะเข้าลูปเดิม ๆ ของเกมแนวนี้ตรงที่ เมื่อคุณทำไปเรื่อย ๆ มันจะเริ่มเยอะ และเริ่มเอียน อันนี้ก็แล้วแต่คนว่าใครจะเบื่อเร็วเบื่อช้า แต่ทุกการสำรวจในเกมนี้จะมอบของรางวัลให้คุณเสมอ ไอเทมเอย แต้มสกิลเอย อาวุธ ชุดเกราะใหม่ ๆ อยากได้ของใหม่ ๆ มาเป็นทางเลือกเยอะ ๆ ก็ต้องทำเยอะหน่อย

บวกกับเหมือนเขารู้ว่าโลกของพวกเขานั้นมีอะไรให้ทำเยอะมาก จากที่ผมเล่นมาทั้งเกม เวลาที่เราจะเดินทางไปทำภารกิจหลักของตัวเกม มันจะชอบเซ็ตจุดหมายปลายทางให้อยู่ไกลจากจุดที่เราอยู่มาก ทำให้เราไม่สามารถ Fast Travel ได้ เราต้องควบม้า เดินเท้าไปอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ ทำให้เราต้องไปเจอ ต้องไปแวะสำรวจโน่นนี่ หรือฟาร์มของอย่างเพลิดเพลินก่อนนั่นเอง เอาจริง ๆ จะตรงดิ่งไปจุดหมายเลยก็ได้แหละ แต่นิสัยคนเล่นเกม Open World ก็รู้ ๆ กันดี เห็นอะไรขวางหูขวางตา หรืออยู่ข้างทาง มันอดไม่ได้ที่จะต้องแวะจริง ๆ ใครชอบเกมแนวนี้ รับรองว่าคุณจะเสียเวลากับมันได้แบบคุ้มค่าคุ้มราคาเกมแน่นอน

เรื่องชุด การแต่งตัวของเกมนี้ก็หลากหลายไม่แพ้กัน ในเกมนี้จะมีเสื้อผ้า เครื่องแต่งกายให้เราใส่เยอะมาก ๆ โดยแบ่งออกเป็นส่วนหัว ชุดลำตัว ปลอกแขน รองเท้า ทั้ง 4 ส่วนเวลาเราใส่ชิ้นไหน มันก็จะแสดงผลออกมาแบบนั้น และมันเลือกปิดการแสดงผลส่วนหัวได้นะครับ เผื่อใครไม่ชอบที่หมวกมันบดบังความหล่อสวยตัวละครของเรา ส่วนเสื้อผ้าอันนี้ก็จะมีให้เลือกใส่หลากหลายมาก ๆ บางอันสวยนะ แต่สเตตัสห่วยซะงั้น บางชุดเข้าคัทซีนทีก็นั่งขำที แต่ดันบวกสเตตัสดี นี่แหละความเป็นเกม RPG ของแท้ แต่ใครที่ชอบแต่งตัวก็จะมีเสื้อผ้าเยอะจริง ๆ ด้วย แต่มันก็ไม่ได้ถึงกับหลุดธีมเกมขนาดนั้น

ต่อมาคือเรื่องของเสียง อันนี้น้อยเกมที่ผมจะได้พูดถึง แต่เกมนี้แม้จะเทียบกับ Sekiro ไม่ได้ แต่ผมยกให้มันอยู่ในระดับใกล้ ๆ กัน ด้วยความที่เกมนี้เราเป็นโรนิน เป็นซามูไร อาวุธส่วนมากก็จะเป็นดาบนี่แหละ นี่เป็นอีกเกมที่เวลาต่อสู้กัน เสียงดาบปะทะกันแล้วมันบันเทิงหูมาก จังหวะ Parry จังหวะที่อาวุธเรากับสู้กระทบกันเนี่ย เจ๋งมาก คือมันไม่ได้ดีเท่า Sekiro แน่ ๆ แต่ก็ทำได้ดีกว่าหลาย ๆ เกม และอีกไฮไลท์หนึ่งคือความโหด เลือดสาดของเกมนี้ เกมนี้เราสามารถตั้งค่าความโหดของเกมได้ จะให้อวัยวะฉีกขาดไหม จะให้เลือดทะลักแค่ไหน ผมเล่นเปิดสุดหมดทั้งสองอย่าง บอกเลยว่า อย่างเดือด เดือดจนเวอร์ไปด้วยซ้ำ กดท่าพิเศษที แขนขาด หัวขาด เลือดพุ่งเป็นน้ำเฮลบลูบอย หรือเวลาใช้ปืนยิงหัว หัวหลุดกระเด็น อันนี้ไม่รู้ถ้าตัดใส่ฟุตจะติดเหลืองติดแดงกันไหม แต่ใครเป็นขาโหด ชอบความเลือดสาด เกมนี้ตอบโจทย์ในระดับนึงเลย แต่ใครไม่ชอบ เห็นบ่อย ๆ แล้วกลัวกินข้าวไม่อร่อย เกมเขาก็มีออปชั่นให้เลือกปิดได้เช่นกัน

และที่ไม่พูดถึงไม่ได้เลยก็คือเรื่องของภาษาไทยในเกมนี้ จริง ๆ เราได้เห็นเกมแปลไทยจาก PlayStation มาก็เยอะ แต่กับเกมนี้ ผมอาจจะคิดไปเอง หรือเป็นความอินของผมเองก็ได้ แต่ผมว่าเขาใส่ใจกับการแปลเป็นพิเศษ และเขาเลือกที่จะแปลแบบพอดี ๆ อันไหนที่มันไม่จำเป็นต้องแปล เขาก็ทับศัพท์ไปเลย อย่างเช่นชื่อกระบวนท่า เกมอื่นอาจจะแปลไทยให้มันเวอร์วัง พยัคฆ์ วิหค อะไรพวกนี้ แต่เกมนี้เขาทับศัพท์ไปเลย นิเท็นอิจิริว มุเมียวอิจิริว และผมว่ามันจำง่ายกว่าด้วย แต่อันไหนที่เขาแปลได้ เขาก็แปล แล้วเท่ด้วย เช่น Parry ของเกมนี้เขาใช้คำว่าประกายโต้กลับ อ่านแล้วได้ฟีลสุด ๆ

ส่วนของบทสนทนานี่จัดว่าของดีของเด็ด ใช้คำ ใช้สรรพนามได้ดีแทบทุกตัว มีตัวละครเกอิชาตัวหนึ่ง ทุกคำต้องมีเจ้าคะ เจ้าค่ะ อันนี้สารภาพตรง ๆ ว่าไม่เห็นว่ามีคะค่ะ ตรงไหนผิดบ้างไหม เพราะถ้าผิดน่าจะโดนแซวกันยับ แต่เอาแค่เรื่องของบริบท การใช้สรรพนาม การพูดคุยกัน ผมว่านี่เป็นอีกเกมแปลไทยระดับคุณภาพเลย คือมันมีจุดผิดบ้างแหละ แต่ก็อภัยให้ได้ ภาพรวมของมันดีมากจริง ๆ สำหรับเกมนี้ผมว่ามาตรฐานชาวไทยก็ต้องเสียงญี่ปุ่นซับไทยนี่ล่ะ ดีงามสุด ๆ แล้ว

ในแง่ของ Prensentation สิ่งที่เกมนี้ตกม้าตายจริง ๆ คือเรื่องของงานภาพและกราฟิกเท่านั้น ซึ่งมันดันเป็นจุดที่ใหญ่หลวงที่สุดซะด้วย เรื่องกราฟิกอาจเป็นเรื่องปัจเจกที่แต่ละคนอาจจะชอบหรือไม่ชอบก็ได้ แต่สิ่งที่ผมว่ามันทดแทนเรื่องงานภาพได้ก็คือหัวข้อถัดไปที่เราจะพูดถึงกันก็คือ Gameplay

Gameplay

ส่วนที่สนุกที่สุดของเกมนี้ น่าจะหนีไม่พ้นส่วนของเกมเพลย์ แต่เราก็ขอจั่วหัวไว้เลยว่า มันมีทั้งข้อดีและข้อเสียเช่นกัน เริ่มที่ข้อดีกันก่อน และทุกคนต้องเข้าใจตรงกันนิดหน่อยว่านี่เป็นเกม RPG ในระดับนึง แต่มันไม่ได้ RPG ถึงขั้นที่ว่า ของห่าง เลเวลไม่ถึงแล้วสู้ไม่ได้ขนาดนั้น ในเกมนี้จะมีระบบคล้าย ๆ กับ Ghost of Tsushima เลย คือเราจะมีกระบวนท่า 3 รูปแบบ จิน เท็น ชิ ศัตรูตแ่ละประเภทก็แพ้หรือชนะกระบวนท่าที่ต่างกัน โดยมันจะขึ้นเป็นลูกศรสีฟ้า สีแดงหลังหลอดเลือดเลย คือถ้าใช้กระบวนท่าแพ้ทางก็สู้ได้ แต่มันจะลำบากโดยไม่จำเป็น ส่วนสีขาวคือไม่มีการแพ้ชนะทางอะไร

นอกจากนั้นเขายังหยิบยกเอาระบบจาก Wo Long มาปรับใหม่ ใต้หลอดพลังชีวิตของศัตรูจะมีเกจที่เรียกว่าลมปราณ ของเราก็มีเช่นกัน แต่อยู่ด้านบนหลอดพลังชีวิตเรา ลมปราณจะเหมือนกับค่า Stamina แต่การทำงานของตัวละครเรากับศัตรูจะต่างกันเล็กน้อย ของเรามันไม่ซับซ้อนมาก ถ้ากดแอ็คชั่นเยอะ ๆ จนหมด แล้วโดนตีซ้ำ ตัวละครเราจะหอบเหนื่อย และเปิดช่องว่างให้ศัตรูโจมตี แต่เกจลมปราณศัตรูนั้นจะทำงานคล้าย ๆ กับเกม Wo Long เลย ก็คือเมื่อเราโจมตีโดนศัตรู ลมปราณสีฟ้าจะลดและสีแดงจะเพิ่มมาแทน เมื่อเกจสีแดงไล่ขึ้นมาจนเต็มและเราโจมตีศัตรูซ้ำ ศัตรูจะเสียหลักและหอบเหนื่อย เปิดช่องว่างให้เราใช้ท่าไม้ตายที่มีดาเมจสูงมากใส่ศัตรู ถ้าเป็นพวกลูกกระจ๊อกก็ตายในดาบเดียว แต่ถ้าเป็นพวกบอสก็จะลดพลังชีวิตมันได้เยอะมาก ๆ ใครเล่น Wo Long มาจะรู้จักระบบนี้ดี เอามาใช้ต่อในเกมนี้กัน

ตัวละครของเราจะมีสกิลทั้งหมด 4 ผัง แต่ละผังก็จะไปเสริมจุดเด่นในด้านต่าง ๆ ของตัวละคร เกมนี้เราจะเล่นแบบลอบเร้นก็ได้ จะเล่นแบบบู๊แหลกก็ได้ แต่สุดท้ายผมว่าการลอบเร้นนี่มันไม่ช่วยอะไรเลย และระบบการลอบเร้นของเกมนี้ก็ถูกทำลายด้วยเกมเพลย์ของมันเอง นั่นคืออาวุธไม้และการต่อสู้มือเปล่า คือเกมนี้ถ้าเกิดเราใช้อาวุธไม้และถอดอาวุธออกจะเป็นการใช้มือเปล่าหมัดเปลือยในการสู้ และการล้มศัตรูด้วยมือเปล่า ระบบเกมมันจะไม่นับว่าเป็นการสังหาร มันเหมือนแค่ทำให้ศัตรูสลบไป มีภารกิจนึง ระบบบอกว่าให้ลอบเร้น อย่าทำให้ใครตาย ผมถอดดาบออก วิ่งเข้าไปต่อย เข้าไปกระทืบทั้งฐาน จบ เพราะมันไม่ได้ตาย มันแค่สลบ เอ้อ ในเมื่อเป็นแบบนี้ ก็ไม่มีความจำเป็นจะต้องไปเล่นสายลอบเร้นเลย แถมนั่งดูดี ๆ สกิลสายลอบเร้นมันก็น้อยมากอยู่แล้ว ที่เห็นผลมีแค่ทำให้เสียงการเคลื่อนไหวเบาลงแค่นั้น จบที่ไม่ต้องลอบเร้นมันหรอกครับ เดินหน้าบู๊ไปเลย ง่ายกว่า

อาวุธ ชุดของเราก็อย่างที่บอกไปในช่วงที่แล้ว คือเราสามารถหาของใหม่มาใส่ได้ตลอดเวลา อาวุธในเกมนี้จะมีมากถึง 10 ประเภท แต่ละประเภทก็จะมีกระบวนท่า จิน เท็น ชิ อย่างที่บอกไป แต่การจะปลดล็อคกระบวนท่าต่าง ๆ ของอาวุธชิ้นนั้น คุณอาจจะต้องใช้อาวุธชิ้นนั้นบ่อย ๆ ไปเรียนรู้จากผู้ที่มีฝีมือเหนือกว่าในโรงฝึก ทำให้ระบบนี้เกี่ยวโยงกับอีกระบบหลักของเกมนั่นคือระบบสายสัมพันธ์ ในเกมนี้ผู้เล่นจะได้พบเจอ NPC มากหน้าหลายตา ทั้งฝั่งญี่ปุ่น อเมริกา อังกฤษ หรือแม้แต่ในย่านเริงรมย์ การสานสัมพันธ์จะเริ่มต้นขึ้น เมื่อเราทำภารกิจใด ๆ ก็ตามที่เกี่ยวข้องกับตัวละครนั้น และยิ่งเราทำภารกิจเสริมเพิ่ม หรือพูดคุยกับพวกเขา เห็นด้วยกับพวกเขา ก็จะยิ่งเพิ่มมากขึ้นอีก สายสัมพันธ์ที่มากขึ้นในบางตัวละคร จะช่วยปลดล็อคไอเทมพิเศษ หรือแม้กระทั่งกระบวนท่าขั้นสูง ที่ทำให้ตัวละครหลักของเราแข็งแกร่งขึ้น และด้วยอาวุธที่มี 10 แบบ ใครอยากเก็บให้ครบ เป็น Weapon Mastery บอกเลยว่าเหนื่อยกันหน่อยนะ

แต่สิ่งที่ต้องยอมรับคือเกมเพลย์มันสนุกมาก ๆ จังหวะที่เราเจอศัตรูหลายตัวพร้อมกัน แต่ละตัวดันมีกระบวนท่าไม่เหมือนกันอีก เราต้องเรียนรู้ที่จะสลับกระบวนท่าอย่างรวดเร็วเพื่อเอาชนะ จังหวะมั่ว ๆ ที่เราแพรี่ปัดดาบได้ สวนกลับได้ หรือมีเพื่อนร่วมทีมคอยช่วยเหลือ มันคือเกมเท่เกมหนึ่งเลยทีเดียว สำหรับผม ผมเพลินกับระบบต่อสู้ของเกมนี้ที่สุดแล้ว

นอกเหนือจากระบบการต่อสู้ Rise of the Ronin ก็แทบจะหยิบเอาความเพลินของเกม Open World ของเกมนั้นนิด เกมนี้หน่อยมาใส่รวมกัน ในแต่ละพื้นที่มันจะมี Collectible ให้เราตามเก็บให้ครบ 100% พอครบแล้วก็จะได้โบนัสไอเทม โดย Collectible นั้น มีตั้งแต่ทำลายค่ายโจร ถ่ายรูปสถานที่สำคัญ ปราบผู้ร้ายหนีคดี อันนี้ฮามาก บางตัวนี่ซ้ำกันแบบเป๊ะ ๆ เปลี่ยนสีเปลี่ยนชุด หรือบางทีผู้ร้ายหนีคดีดันเป็นหมาป่า เป็นสัตว์ร้ายซะงั้น และจบที่การตามหาน้องแมวที่ซ่อนอยู่ แมวบางตัววิ่งเข้าไปเล่นกับมันได้เลย แต่บางตัวตื่นคนด้วย ต้องย่องเข้าไปหา ถึงจะกดเล่นและสะสมคอลเลคชั่นน้องแมวที่เจอได้ ถามว่ามันแย่ไหม มันก็ไม่มีอะไรแย่ แต่มันไม่มีอะไรใหม่ ระบบและเกมการเล่นแบบนี้ เราเจอได้จากทุกเกมอยู่แล้ว ใครคาดหวังความสดใหม่ของเกมนี้ก็อาจจะผิดหวังกันไป แต่สำหรับผมก็เพลิน ๆ ดี

แต่ในด้านข้อเสีย เกมนี้เหมือนเกมที่พยายามหยิบยืมระบบเกมอื่น ๆ มาใส่ในเกมของตัวเองจนบางทีก็ลืมว่าบางระบบมันไม่ต้องมีก็ได้ ยกตัวอย่างเช่นระบบ Choice Matter หรือการเลือกถามตอบ มันไร้ประโยชน์สำหรับเกมนี้มาก ๆ มันเหมือนการเลือกเพื่อไปดูว่าหากเราเลือกชอยส์นี้ตัวละครจะพูดยังไง แต่มันไม่ได้เปลี่ยนแปลงอะไรไปเลย ส่วนของเนื้อเรื่องหลัก อาจจะเป็นการเลือกเข้าฝ่ายระหว่างกลุ่มต่อต้านกับกลุ่มรัฐบาล อันนี้อาจจะเป็นการเปลี่ยนสิ่งที่จะเกิดขึ้นตามสคริปท์ แต่ในการสนทนาทั่วไปหรือภารกิจเสริม การเลือกชอยส์มันไม่ได้ทำให้อะไรเปลี่ยนไปเลย ไม่ทำให้ตอนจบภารกิจเปลี่ยน ไม่ทำให้ได้รางวัลเพิ่มด้วยซ้ำ ประโยชน์ของมันคือการอ่านบทสนทนาที่อยู่ในนั้นเท่านั้นเอง เลยมองว่าตรงนี้มันน่าเสียดายมาก เพราะถ้าเขาออกแบบระบบดี ๆ

ปิดท้ายกันที่คำถามที่หลายคนน่าจะอยากรู ้มันคือเรื่องของความยาก เกมเขาพยายามโปรโมทว่ามันง่ายกว่าเกมอื่น ๆ เพราะหลายคนคงติดภาพจำไปแล้วว่าเกมจากค่ายนี้ ทีมนี้มันต้องยาก แต่อันนี้เรายืนยันได้ว่า มันง่ายกว่าเยอะครับ และมันพยายามเข้าถึงทุกคนมาก ๆ ด้วย เกมจะมีความยาก 3 ระดับคือรุ่งอรุณ พลบค่ำ สนธยา ก็เหมือน Easy Normal Hard นั่นแหละ แต่จากที่ผมเล่นมานั้น หากอยากเล่นแบบชิลล์สุด และดูมีความเป็นซามูไรที่สุด ให้เล่น Easy เลย มันง่ายก็จริง แต่มันก็ยังท้าทายอยู่ จังหวะการต่อสู้มันรวดเร็วมาก แต่พลังชีวิตศัตรูมันไม่ได้สูง ฟันกันแปป ๆ เปิดท่าไม้ตายใส่กัน เรียบร้อย เท่ หมดจด ดั่งซามูไร ส่วนความยากกลางถึงยาก อันนี้เหมาะสำหรับคนที่มีประสบการณ์การเล่นเกมมาบ้าง ในระดับกลางเนี่ย ผมว่าก็ตึงมือและบาลานซ์ดีแล้ว ทุกคนเล่นได้ เข้าถึงได้แน่นอน แต่ถ้าใครอยากเล่น Dark Souls Open World หรือ Wo Long 2 ปรับยากสุดไปเลยครับ ตึงมือแบบได้ใจมาก ๆ แพรี่รวดเร็ว เกจศัตรูลดช้า ศัตรูตีแรง เราต้องแพรี่คล่อง ๆ หลบให้เป็น ตั้งการ์ดให้ถูก ไม่งั้นตาย สรุปคือมันเข้าถึงได้ทุกคน อยากง่าย อยากยาก จัดไปได้หมดทุกกลุ่มเลย และปรับความยากระหว่างเล่นได้ด้วย ง่ายไปไม่ท้าทาย ยากไปเล่นไม่ไหว เข้าไปปรับที่หน้า Setting ได้เสมอ

Rise of the Ronin ถือเป็นเกมที่สนุกในระดับมาตรฐาน มันอาจจะไม่ได้มีอะไรใหม่มากนัก แต่ในแง่ของความเป็นเกมที่นำเสนอฉากหลังเป็นญี่ปุ่น และมีอะไรให้เราสำรวจพร้อมทั้งรู้สึกว่ามันไม่น่าเบื่อเลย แม้จะมีของเดิมซ้ำเยอะไปหน่อย แต่เพราะแอนิเมชั่น การต่อสู้ที่ทีมสร้างนี้ทำได้ดีมาตั้งแต่ผลงานเกมก่อน ๆ นี่ก็เป็นอีกเกมดูดเวลาชีวิตคุณอย่างแน่นอนในปีนี้

Performance

อีกสิ่งที่น่าปวดใจจริง ๆ ก็คือเรื่องของ Performance ของเกมนี้ที่ต้องบอกว่าย่ำแย่อย่างหนัก แต่บอกก่อนว่า ตัวเกมที่เราได้รับมานั้น เป็นเวอร์ชั่น Pre-Launch หรือก่อนวางขายจริงอีกแล้ว ดังนั้นปัญหาทั้งหมดที่ผมพูดถึงในหัวข้อนี้ ตอนนี้ ไม่แน่ว่ามันอาจจะดีขึ้นก็ได้ในวันที่เกมขายจริง

ตลอด 30 ชั่วโมงของเกมนี้ เราเล่นด้วยโหมด Performance หรือ 60 เฟรมเรท แต่เฟรมที่ได้ก็ดันไม่ถึง 60 ซะอย่างนั้น เอาประมาณด้วยตาเปล่า มันน่าจะอยู่ที่ 45-50 มีบางช่วงจริง ๆ ที่ไต่ไปถึง 60 ได้ ประเด็นคือเกมนี้ ในการต่อสู้มัต้องการความเป๊ะ ความแม่นยำในการต่อสู้มาก เฟรมเรทตกนี่ถือว่าเลวร้ายพอสมควร ยังดีที่มันไม่ร่วงต่ำไปกว่านั้น ยิ่งฉากไหนที่สู้กันแล้ว Object มันพัง หรือมีเอฟเฟกต์เยอะ ๆ นี่คือ ร่วงยับ ๆ ก็หวังว่าเดย์วันแพทช์จะช่วยแก้ไขได้นะ เพราะเขายืนยันมาว่ามีแน่ ส่วนโหมดอื่น ๆ นี่ไม่ไหวจริง ๆ ขนาด Performance ยังไม่ถึง 60 เฟรม ผมลองปรับไปเล่นโหมด Quality และ Ray Tracing แล้ว หนักกว่าเดิมอีก ขอจัดแค่โหมด Performance ก็เพียงพอ

ในส่วนของเซ็ตติ้งและการตั้งค่าก็ถือว่ามาตรฐานเกมแนวนี้ ที่ชอบเป็นพิเศษ คือเรื่องของการแสดงผลส่วนต่าง ๆ ที่เราปรับเองได้อย่างที่บอก พวกการเปิด-ปิดหมวก ความโหดเลือดสาด หรืออวัยวะฉีกขาด ทำให้สามารถปรับได้ เผื่อใครเล่นกลางบ้าน คนผ่านไปผ่านจะได้ไม่หาว่าพวกเราเป็นพวกหัวรุนแรง

ยังมีการตั้งค่าช่วยเหลือสำหรับผู้เล่นต่าง ๆ มากมาย ไม่ว่าจะเป็น Aim Assist หรือการปีนป่ายบันไดอัตโนมัติ หรือแม้กระทั่งการปรับตั้งค่า UX/UI เอาแบบที่ผู้เล่นชื่นชอบและสบายตาก็สามารถทำได้เช่นกัน ปัญหาของ Performance เกมนี้ จึงอยู่ที่ปัญหาด้านเฟรมเรทและการแสดงผลล้วน ๆ

Rise of the Ronin อาจเป็นเกม Open World / Action RPG อีกเกมที่ไม่ได้มีอะไรหวือหวา แต่ใครชอบฉากหลังที่เป็นญี่ปุ่น ชอบระบบเกมเพลย์ ระบบแอ็คชั่นของ Team Ninja ยังไงก็เป็นเกมที่คุณไม่ควรพลาด แม้การเล่าเรื่องจะติดขัดไปบ้าง แต่ก็พออภัยให้กันได้ ไม่ใช่เกมแย่แน่นอนครับ

รีวิว Rise of the Ronin ซามูไรไร้นายกับสงครามทางการเมืองในญี่ปุ่นปลายยุคเอโดะ

7.7 / 10 คะแนน

7.7

ข้อดี

  • ระบบการต่อสู้ที่สนุกและยอดเยี่ยม ตามสไตล์ผลงานของ Team Ninja
  • โลก Open World กว้างใหญ่ มีอะไรให้ทำมากมายหลายอย่าง
  • ระบบความรุนแรง เลือดสาด สะใจคนที่ชื่นชอบสไตล์นี้
  • แต่งตัวได้หลากหลาย และเชื่อมกับระบบ RPG ได้อย่างลงตัว

ข้อเสีย

  • กราฟิกไม่ค่อยสวยงาม สมกับเป็น Exclusive PlayStation 5
  • ระบบถาม-ตอบที่ไม่มีผลกระทบใด ๆ กับตัวเกมเลย ส่งผลให้สกิลก็ไม่มีผลด้วย

SHARE

Aisoon Srikum

Back to top